รพ.ศิริราช 25 ส.ค.-คณบดีศิริราช คาดการณ์หากไทยเผชิญโควิดรอบ 2 ไม่จำเป็นต้องปิดเมืองเหมือนในอดีต ปิดแค่เฉพาะบางกิจกรรม ชี้แนวโน้มทั่วโลกพบคนป่วยในวัยแรงงานอายุต่ำกว่า 40 ปี ดังนั้นสังคมที่มักอยู่แบบครอบครัวใหญ่ ต้องระวังคนแก่ในบ้าน ย้ำการ์ดอย่าตก สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่างและระวังสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ บางชนิด อาจเสี่ยงมีเชื้อ
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าววิเคราะห์สถานการณ์โควิด-19 ว่า หลังจากที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาประกาศเตือนเอเชียแปซิฟิกเผชิญการระบาดระลอก 2 ว่า จากข้อมูลในต่างประเทศ ทั้งจีนและฟิลิปปินส์พบว่า อัตราการป่วยโควิด -19 ระลอก2 พบว่า 2 ใน 3 เป็นคนอายุต่ำกว่า 40 ปี เป็นวัยแรงงานและไม่แสดงอาการ เนื่องมาจากการผ่อนปรนกิจกรรมและกิจการ ทำให้คนเหล่านี้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ เศรษฐกิจก็กลับมาขับเคลื่อนจึงทำให้ต้องมีการเฝ้าระวังคนกลุ่มี้มากเป็นพิเศษเพราะเมื่อป่วยไม่แสดงอาการ และอาจนำเชื้อไปสู่ผู้สูงอายุในบ้าน เพราะสังคมมีการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ มีหลายกลุ่มวัย
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้องค์การอนามัยโลกยังห่วงเรื่องของบางประเทศที่มีการติดเชื้อ โดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งไม่มีจำนวนผู้เดินทางกลับเข้าประเทศ หรือไม่มีแรงต่างด้าว แต่กลับพบการติดเชื้อ เหมือนเช่นในบางประเทศที่พบการติดเชื้อจากสินค้าแช่แข็ง หรือสินค้าที่มาจากกระบวนการขนส่ง ซึ่งต้องยอมรับว่าเชื้อโรคเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ฉะนั้นการ์ดอย่าตกต้องเฝ้าระวัง เคร่งครัดล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย และมีระยะห่างทางสังคม
ทั้งนี้ หากเกิดการระบาดในระลอก 2 ขึ้นมาจริง เชื่อว่ามาตรการจากนี้จะไม่ใช่การปิดเมืองเหมือนในอดีต แต่จะเป็นการปิดเฉพาะจุดหรือ Tageted Intervention ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือ ทั้งผู้ปกครองเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ประกอบการ และ ผู้ใช้บริการ หากพบว่า มีการติดเชื้อหรือ การป่วยในกิจกรรมกิจการใด ต้องไม่เป็นใช้บริการในกิจกรรมนั้นๆ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไข
ศ.นพ. ประสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องของสภาพอากาศในต่างประเทศเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง เป็นปัจจัยเสริมทำให้คนป่วยไข้หวัดเพิ่มมากขึ้น ส่วนประเทศไทย ก็ต้องเผชิญกับฝนก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวัง ที่สำคัญการ์ดอย่าตก ขณะนี้ทั่วโลกยังไม่มีวัคซีนและไม่สามารถใช้วัคซีนได้อย่างรวดเร็ว ครอบคลุมทุกพื้นที่ ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุด คือการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือและเว้นระยะห่างทางสังคม หากทำได้สำเร็จก็จะป้องกันโรคได้ถึง ร้อยละ 80 .-สำนักข่าวไทย