“ปานเทพ” เปิดหลักฐานสัญญาชัด 71 ล้านเป็นชื่อ “มาดามอ้อย”

กรุงเทพฯ 13 พ.ย. – “อ.ปานเทพ” เปิดหลักฐานหนังสือสัญญาบอกชัด 71 ล้านบาท เป็นชื่อ “มาดามอ้อย” เปิด 3 รายชื่อให้เร่งตรวจสอบ หวั่นโยกย้ายทรัพย์สิน


นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน จำนวน 71 ล้านบาท ที่นางจตุพร หรือ มาดามอ้อย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องว่า สัญญานี้เป็นการพิสูจน์ว่าเป็นอะไรกันแน่ เพราะสัญญาฉบับนี้สอดรับหลังแชทไลน์คุยจบ เป็นการพูดคุยระหว่างพี่น้อย ซึ่งเป็นเลขาฯ กับทนายตั้ม โดยทนายตั้มพยายามพิมพ์ข้อความว่า “ขอพี่อ้อยแล้ว เป็นการลงทุน“ เพื่อให้มีหลักฐาน แต่ไม่ได้คุยหรือเป็นที่ยุติกับพี่อ้อยเลย โดยเป็นการพิมพ์ข้อความเพียงฝ่ายเดียว ส่วนพี่น้อยแค่รับรู้ แต่นำแชทข้อความเหล่านี้มาเป็นหลักฐาน โดยได้พูดคุยกันระหว่างวันที่ 28-30 ม.ค.66

นายปานเทพ กล่าวว่า จากนั้นพี่อ้อยได้บินจากฝรั่งเศสมาที่ประเทศไทย ในวันที่ 2-8 ก.พ.66 พี่อ้อยมาทำอะไร ไม่ได้มาโอนให้ด้วยความเสน่หา หรือทำสัญญาอะไร ขณะนั้นทนายตั้มเป็นเพียงที่ปรึกษากฎหมายของพี่อ้อยมีหน้าที่จัดการเรื่องกฎหมายให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากเป็นเงินกู้จะต้องทำสัญญาเงินกู้ หากเป็นเงินยืมเพื่อการลงทุนจะต้องเป็นสัญญาเงินกู้กับพี่อ้อย และถ้าจะลงทุนในแอปพลิเคชั่น เขาจะต้องเป็นคู่สัญญากับแอปพลิเคชั่น หากเป็นในลักษณะนี้จะเข้าข่ายการไปกู้ยืมมาแล้วไปลงทุน ถ้าหากเป็นฝ่ายเดียวจะต้องเป็นผู้ถือหุ้นรายเดียว แต่ปรากฏหลักฐานครั้งนี้ไม่เป็นอย่างนั้น กลายเป็นหลักฐานที่พบว่าสัญญาที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับทนายตั้มเลย แต่เป็นสัญญาการจ้างทำแอปพลิเคชั่นระหว่างพี่อ้อยและบริษัทที่ผลิตแอปพลิเคชั่นนาคี จึงชัดเจนว่าเงินและทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของพี่อ้อย


จากนั้นหลังวันที่ 8 ก.พ.66 พี่อ้อยได้เดินทางกลับฝรั่งเศส เพื่อจัดการเตรียมโอนเงินโดยการขายหลักทรัพย์และสินทรัพย์อื่น ๆ เพื่อจะได้เงินมาและเขียนในใบโอนเงินว่าเพื่อการลงทุน โดยไม่ต้องนำสัญญาในประเทศไปแนบ เป็นการแสดงเจตนาว่าพี่อ้อยต้องการจะลงทุนจริง ๆ และไม่ต้องเสียภาษีเนื่องจากเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีตรงของตัวเอง จ่ายเฉพาะค่าธรรมเนียมเพียงอย่างเดียว เมื่อมาถึงทนายตั้มก็บอกให้โอนเงินผ่านทนายตั้ม เนื่องจากเป็นผู้ดำเนินการ เพราะทนายตั้มไม่ยอมให้ 2 ฝ่าย มาเจอกัน พี่อ้อยหลงเชื่อจึงโอนเข้าบัญชีทนายตั้ม เพราะเห็นว่ามีหลักฐานเป็นสัญญาที่ได้มีการเซ็นเอาไว้ โดยร่างสัญญาที่สำนักงานของทนายตั้ม ฉะนั้นจึงไม่ใช่การให้โดยเสน่หา ไม่ใช่การกู้ยืมเงินเพื่อลงทุน และไม่ใช่การร่วมลงทุนเพราะเงินทั้งหมดเป็นของพี่อ้อย สัญญาและทรัพย์สินก็เป็นของพี่อ้อย ไม่มีทนายตั้มเกี่ยวข้องเลย ดังนั้นการเอาทรัพย์ไปจะเป็นการให้โดยเสน่หาไม่ได้ จะเป็นการกู้ยืมเงินก็ไม่ได้เพราะหลักฐานที่มีอยู่ไม่สอดรับกัน ทนายตั้มเป็นที่ปรึกษากฎหมาย พี่อ้อยวางใจและไว้ใจในชื่อเสียงของทนายตั้ม จึงหลงเชื่อตัดสินใจโอนเงินให้

เมื่อถามว่าพี่อ้อยได้ไปบ้านของทนายตั้ม ไม่สงสัยเรื่องเงินบ้างหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า ไม่แปลกเพราะเขาหลงเชื่อว่าทนายตั้ม ทำมาหากินสุจริต ก็มีสิทธิที่จะมีบ้านได้ เพราะเป็นบ้านที่ทนายตั้มได้สินเชื่อบ้านไว้แล้วครบวงเงินทั้งหมด แต่ปรากฏว่าเงินที่อ้างว่าจะไปทำสลากที่มีการพูดคุยกันในที่สุดแล้วไม่ได้ลงทุนกับสลาก เพราะมีการไปยกเลิกการลงทุนกับบริษัทคู่สัญญาที่ทำแอปพลิเคชั่น หลังจากนั้น 1 เดือน ก็ได้ถอนเงินไปซื้อบ้านตัวเอง เงินสินเชื่อที่วางไว้กับธนาคารก็ไปยกเลิก แปลว่า ไม่ได้คิดจะลงทุนสลากออนไลน์เป็นการหลอกทั้งหมด

นายปานเทพ กล่าวว่า ส่วนภรรยาของทนายตั้มเป็นหนึ่งในคณะทำงานที่รับรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน และรู้เรื่องทั้งหมดแต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เชื่อว่ามีหลักฐาน ส่วนพี่สาวภรรยาของทนายตั้มอาจจะรู้ข้อมูลน้อยกว่า เพราะจากการดูความสัมพันธ์เหมือนกับเป็นแม่บ้านที่คอยดูแลความเรียบร้อยภายในครอบครัว ส่วนการรับรู้ภรรยาของทนายตั้มมีมากกว่าพี่สาวของทนายตั้ม ส่วนผู้ชายแบรนด์เนม คือผู้ชายแบรนด์เนมคนหนึ่งที่สามารถไปขู่พยานได้ เช่น รู้ว่าลูกเรียนอยู่ที่ไหน โรงเรียนอะไร ผิดวิสัยที่จะนำมาพูดในระหว่างที่มีเรื่องพิพาทกันของคดี หรือพูดว่าหากไม่อยู่ข้างเขาแล้วจะไม่เอาไว้นะ แม้จะไม่ผิดกฎหมายแต่ทำให้พยานรายสำคัญคนนี้หวาดกลัวได้ ส่วนผู้ชายแบรนด์เนมคนนี้เคยขู่พี่อ้อยหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่ทราบว่าทนายตั้มเคยมีความพยายามจะฟ้องพี่อ้อยก่อนจะยุติไป


นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ในขณะที่พยานปากสำคัญได้เก็บรวบรวมหลักฐานไว้หมดเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ทนายตั้มกลับทำลายหลักฐานทั้งหมดทั้งโทรศัพท์ ที่มาที่ไปของโทรศัพท์ พฤติการณ์แบบนี้ต่างกันหรือไม่ถึงความโปร่งใส หรือความบริสุทธิ์ของตัวเอง เขาเคยข่มขู่หรือไม่ เขาเคยคุยกับทนายว่า “กล้าดีอย่างไรมาฟ้องเขา” พี่อ้อยก็ได้ยินเพราะมีเทปอัดไว้

ส่วนประเด็นเงิน 39 ล้านบาท นายปานเทพ กล่าวว่า ทางนุและสาลินี เป็นจำเลยอยู่ในขณะนี้ จะไปถึงทนายตั้มหรือไม่ ยังไม่เฉลยในตอนนี้เพราะจะกระทบต่อรูปคดี นอกจากคำพาดพิงแล้ว เพราะคำพาดพิงอาจจะเชื่อถือไม่ได้หากไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง และหากหนักใจทางพี่อ้อยคงไม่แจ้งความ เพราะคิดว่ามีหลักฐานมากพอ ประเด็นของเงิน 39 ล้านบาท มี 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นโทรศัพท์ตรวจสอบแล้วพบว่าโทรศัพท์ไม่ได้มีการระงับจริง ส่วนที่ 2 สาลินีอ้างว่าตัวเองถูกระงับบัญชี ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในระบบคริปโตฯ และสาลิณีดำเนินการโดยอ้างว่าตัวเองเสียหายแต่ไม่แจ้งยอดเสียหายแล้วไปแจ้งความที่ สน.บางซื่อ รูปแบบเป็นการแจ้งความเพื่อให้พี่อ้อยหลงเชื่อ

ส่วนนุอ้างว่ารู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อแทนไท นุใช้ทะเบียนรถ 999 ทนายตั้มก็เพิ่งมาเปลี่ยนทะเบียนรถเป็น 999 เช่นกัน สอดรับกับใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่ที่ไปประมูลทะเบียนรถเลขสวยเลขเก้า ให้ดูความสัมพันธ์ว่าบุคคลเหล่านั้นมีความเกี่ยวข้องกับคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษอย่างไร จะเห็นความจริงในเครือข่ายว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ เมื่อนุและสาลินีรับเงิน 39 ล้านบาทแล้วเส้นเงินไปถึงใครบ้างจำนวนเท่าไหร่ เชื่อว่าไม่เกินกำลังของตำรวจและ ปปง. ในการตรวจสอบ

นายปานเทพ กล่าวว่า ส่วนเรื่องซื้อรถยนต์ ทราบจากรายงานข่าวของตำรวจพบว่าซื้อราคาหนึ่ง แต่ออกใบเสร็จ 2 ใบ ๆ แรก 12.9 ล้านบาท เป็นใบเสร็จที่ไปถึงมือพี่อ้อย แต่ใบเสร็จที่รับเงินจริงๆ จำนวน 11.4 ล้านบาท ทั้งนี้ ใบเสร็จต้องมีเพียงใบเดียว แสดงว่าอีกอันก็ต้องเป็นใบปลอม หากเป็นเงินค่านายหน้าจริง รับเงินเท่าไหร่ในบริษัทนั้นจะต้องหักเป็นค่าการตลาดและหักภาษีส่งสรรพากร หากไม่มีธุรกรรมนี้ไม่เรียกว่าเป็นค่านายหน้า เป็นการบวกเงินเพิ่ม ส่วนประเด็นอื่นๆ นอกเหนือจากประเด็นเงิน 71 ล้านบาท เป็นเพราะการตรวจสอบของสื่อมวลชน ที่มีการตรวจสอบในหลายมิติ เช่น การซื้อรถพยาบาล โรงเรียน ฯลฯ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพี่อ้อยว่าต้องการจะดำเนินการด้วยหรือไม่ เพราะคดีที่แจ้งความไปก่อนหน้านี้ก็สอบกันนานหลายชั่วโมงติดต่อกันหลายวัน

นายปานเทพ กล่าวว่า ทั้งนี้ห่วงเรื่องการโยกย้ายทรัพย์สินว่าจะตามทันหรือไม่ จึงขอให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติม กับ 1.พี่สาวของภรรยาทนายตั้ม 2.แจ็คที่ทำการค้าขายนาฬิกาหรู 3.โอ๋ อยู่ จ.เชียงใหม่ หรือเชียงราย เป็นคนที่ขายแบรนด์เนมหรู.- 419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.

รัฐสภา 31 พ.ค. – เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.นี้ เคาะประธาน-รองประธาน วางกรอบการทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 73 คน ประกอบด้วย สัดส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 18 คน คือ 1. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง 2. นายจักรพงษ์ แสงมณี 3. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง 4. นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม 5. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 6. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ […]

สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง

รัฐสภา 31 พ.ค.- สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง ประธานสั่งพักประชุม 5 นาที สุดท้ายงูเห่ายอมถอย ไปอยู่สัดส่วน ครม.แทน การประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลังที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติพิจารณางบประมาณรายจ่ายงบประมาณ 2569 ในขั้นตอนการเสนอชื่อกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 73 คน ในสัดส่วนของพรรคไทยสร้างไทย จำนวน 1 คน โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน และ สส.พรรคประชาชน ได้เสนอชื่อ นายชัชวาล แพทยาไทย ขณะที่นางสุภาพร สลับศรี สส.พรรคไทยสร้างไทย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ทำให้เกิดการประท้วงกันเนื่องจากมีการเสนอชื่อ 2 คน แต่ปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทยมีหนังจากกรรมการบริหารพรรคว่าจะเสนอชื่อนายชัชวาล เป็นตัวแทนของพรรคทำให้นายฐากูร ยืนยันว่าที่ผ่านมาการเสนอชื่อบุคคลเป็นกรรมาธิการวิสามัญจะต้องถูกเสนอโดยคนของพรรคตัวเอง ไม่ใช่พรรคอื่น ซึ่งวันนี้พรรคไทยสร้างไทยเสนอชื่อตน แต่พรรคการเมืองอื่นเป็นเสนอชื่ออีกคน ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่า ใครจะเป็นผู้เสนอชื่อก็ได้ขอแค่มีผู้รับรอง ก่อนจะให้เวลาทั้ง 2 ฝ่ายหารือกัน […]

“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่

รัฐสภา 31 พ.ค.-“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่ ลั่นถ้าทำให้นายกฯ ไม่ได้ ก็เปลี่ยนตัว เอาคนอื่นไปนั่งแทน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นายชาดา กล่าวว่าในฐานะที่อยู่ในสภาฯ มาพอสมควร ขอชื่นชมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีการพัฒนาในการอภิปรายอย่างมาก ปี 69 มีงบประมาณลงทุน 7 แสนล้านบาท คนพูดกันตลอดเวลาว่าทำไมช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในประเทศนี้จึงห่างขึ้นทุกวัน ยกตัวอย่าง ในงบลงทุนเป็นงบก่อสร้าง 4.75 แสนล้านบาท ซึ่งงบก่อสร้างไม่เหมือนในอดีตเพราะต้องถูกตัดไปให้ธนาคาร 5% จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูเพราะเป็นการเอาเปรียบประชาชน ในจำนวนนี้มีค่าธรรมเนียม 2.5% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องเร่งรัดการเบิกจ่ายอีก 15% ซึ่งธนาคารตัดไป 3% และคิดค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก นายชาดา กล่าวว่างบก่อสร้าง มีเครื่องจักรเหล็กหินวัสดุที่เป็นปูน หากเป็นงานถนนมีแรงงานเพียง 15% เงินส่วนนี้ไม่ได้ไปสู่ระบบข้างล่าง […]

ฝากขังพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก

นครราชสีมา 30 พ.ค. – ตำรวจคุมตัวพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก และขืนใจลูกวัย 11 ขวบ ฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา อ้างวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโหและมึนเมาสุรา จึงก่อเหตุ ความคืบหน้ากรณีพ่อเลี้ยงพระเอกลิเกสุดโหดใช้ค้อนสำหรับทุบหมู ทำร้ายลูกเลี้ยงนางเอกลิเกที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก จนบาดเจ็บเลือดคั่งในสมอง ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครราชสีมาบุกรวบตัวผู้ต้องหาคือ นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเกชื่อ “รักยิ้ม ทับทิมสยาม” พ่อเลี้ยง ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 พ.ค.) ขณะผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา ก่อนจะควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เพื่อสอบปากคำ เช้าวันนี้ (30 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา คุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผล จนผู้ต้องหา ยอมให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง อ้างว่าในวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโห พร้อมกับมีอาการมึนเมาจากการดื่มสุรา จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” ส่วนข้อหากระทำอนาจารต่อลูกสาววัย 11 ขวบ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบหลักฐาน หากตรวจพบหลักฐานที่ชัดเจนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

วิวคว้าแชมป์

“วิว-บาส-เฟม” คว้าแชมป์แบดฯ สิงคโปร์ โอเพ่น

1 มิ.ย. – “วิว กุลวุฒิ” ตบชนะ ลู กวาง ซู จากจีน 2 เกมรวด คว้าแชมป์ชายเดี่ยวแบดมินตันสิงคโปร์ โอเพ่น ส่วน “บาส-เฟม” คว้าแชมป์คู่ผสมมาครองได้สำเร็จ แบดมินตัน ระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 รายการ สิงคโปร์ โอเพ่น ที่ประเทศสิงคโปร์ ประเภทชายเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ชาวไทย ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักของไทยคนแรกที่ขึ้นมือ 1 ของโลก ตบเอาชนะ ลู กวาง ซู จากจีน 2 เกมรวด 21-6 , 21-10 คว้าแชมป์ไปครอง พร้อมฉลองแชมป์ ก่อนขึ้นมือ 1 ของโลกอย่างทางการในสัปดาห์ในการประกาศจากสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) และยังเป็นแชมป์ที่ 4 ในปีนี้ของ “วิว” […]

“มาริษ” แถลงสถานการณ์ “ไทย-กัมพูชา” คาด 1-2 สัปดาห์ได้ประชุม “JBC”

.ต่างประเทศ 1 มิ.ย.-“มาริษ” นำแถลงสถานการณ์ “ไทย-กัมพูชา” ยันทำทุกทางไม่ให้บานปลาย ย้ำ กต.ไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เผยยกหูหา “รองนายกฯ กัมพูชา” แล้ว เห็นพ้องตรงกัน เกิดความสงบความเรียบร้อยตามแนวชายแดน ด้าน “โฆษก กต.” ยันโพสต์ “ฮุนเซน” ไม่มีผล คาด 1-2 สัปดาห์ได้ประชุม “JBC” แน่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำแถลงข่าวเกี่ยวกับพัฒนาการสถานการณ์ไทย-กัมพูชา พร้อมด้วย พลเอก มนัส จันดี เสนาธิการทหาร , นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ว่า ตนได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จัดประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา โดยไทยและกัมพูชา เป็นประเทศที่มีความใกล้ชิดกัน ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องดำเนินการทุกวิถีทางที่จะไม่ให้สถานการณ์บานปลายถึงขั้นกระทบกระเทือนถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งถ้ากระทบมากไปจะไม่เป็นผลดี อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ช่องบก […]

“วิว กุลวุฒิ” นักแบดชายเดี่ยวไทยคนแรก ขึ้นเป็นมือ 1 โลก

สิงคโปร์ 1 มิ.ย.-“วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ มือ 2 ของโลก ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 พร้อมจะขยับขึ้นเป็นมือ 1 โลกชายเดี่ยว เป็นคนแรกของไทย ผลการแข่งขัน แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 รายการระดับ เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 ชิงเงินรางวัลรวม 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 33 ล้านบาท ที่สิงคโปร์ ประเภทชายเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือ 2 ของโลก และเจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก “ปารีสเกมส์ 2024” ตบเอาชนะ หลิน ชุนยี่ มือ 19 ของโลก จากไต้หวัน 2-0 เกม 21-11 […]