“ปานเทพ” เปิดหลักฐานสัญญาชัด 71 ล้านเป็นชื่อ “มาดามอ้อย”

กรุงเทพฯ 13 พ.ย. – “อ.ปานเทพ” เปิดหลักฐานหนังสือสัญญาบอกชัด 71 ล้านบาท เป็นชื่อ “มาดามอ้อย” เปิด 3 รายชื่อให้เร่งตรวจสอบ หวั่นโยกย้ายทรัพย์สิน


นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน จำนวน 71 ล้านบาท ที่นางจตุพร หรือ มาดามอ้อย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องว่า สัญญานี้เป็นการพิสูจน์ว่าเป็นอะไรกันแน่ เพราะสัญญาฉบับนี้สอดรับหลังแชทไลน์คุยจบ เป็นการพูดคุยระหว่างพี่น้อย ซึ่งเป็นเลขาฯ กับทนายตั้ม โดยทนายตั้มพยายามพิมพ์ข้อความว่า “ขอพี่อ้อยแล้ว เป็นการลงทุน“ เพื่อให้มีหลักฐาน แต่ไม่ได้คุยหรือเป็นที่ยุติกับพี่อ้อยเลย โดยเป็นการพิมพ์ข้อความเพียงฝ่ายเดียว ส่วนพี่น้อยแค่รับรู้ แต่นำแชทข้อความเหล่านี้มาเป็นหลักฐาน โดยได้พูดคุยกันระหว่างวันที่ 28-30 ม.ค.66

นายปานเทพ กล่าวว่า จากนั้นพี่อ้อยได้บินจากฝรั่งเศสมาที่ประเทศไทย ในวันที่ 2-8 ก.พ.66 พี่อ้อยมาทำอะไร ไม่ได้มาโอนให้ด้วยความเสน่หา หรือทำสัญญาอะไร ขณะนั้นทนายตั้มเป็นเพียงที่ปรึกษากฎหมายของพี่อ้อยมีหน้าที่จัดการเรื่องกฎหมายให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากเป็นเงินกู้จะต้องทำสัญญาเงินกู้ หากเป็นเงินยืมเพื่อการลงทุนจะต้องเป็นสัญญาเงินกู้กับพี่อ้อย และถ้าจะลงทุนในแอปพลิเคชั่น เขาจะต้องเป็นคู่สัญญากับแอปพลิเคชั่น หากเป็นในลักษณะนี้จะเข้าข่ายการไปกู้ยืมมาแล้วไปลงทุน ถ้าหากเป็นฝ่ายเดียวจะต้องเป็นผู้ถือหุ้นรายเดียว แต่ปรากฏหลักฐานครั้งนี้ไม่เป็นอย่างนั้น กลายเป็นหลักฐานที่พบว่าสัญญาที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับทนายตั้มเลย แต่เป็นสัญญาการจ้างทำแอปพลิเคชั่นระหว่างพี่อ้อยและบริษัทที่ผลิตแอปพลิเคชั่นนาคี จึงชัดเจนว่าเงินและทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของพี่อ้อย


จากนั้นหลังวันที่ 8 ก.พ.66 พี่อ้อยได้เดินทางกลับฝรั่งเศส เพื่อจัดการเตรียมโอนเงินโดยการขายหลักทรัพย์และสินทรัพย์อื่น ๆ เพื่อจะได้เงินมาและเขียนในใบโอนเงินว่าเพื่อการลงทุน โดยไม่ต้องนำสัญญาในประเทศไปแนบ เป็นการแสดงเจตนาว่าพี่อ้อยต้องการจะลงทุนจริง ๆ และไม่ต้องเสียภาษีเนื่องจากเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีตรงของตัวเอง จ่ายเฉพาะค่าธรรมเนียมเพียงอย่างเดียว เมื่อมาถึงทนายตั้มก็บอกให้โอนเงินผ่านทนายตั้ม เนื่องจากเป็นผู้ดำเนินการ เพราะทนายตั้มไม่ยอมให้ 2 ฝ่าย มาเจอกัน พี่อ้อยหลงเชื่อจึงโอนเข้าบัญชีทนายตั้ม เพราะเห็นว่ามีหลักฐานเป็นสัญญาที่ได้มีการเซ็นเอาไว้ โดยร่างสัญญาที่สำนักงานของทนายตั้ม ฉะนั้นจึงไม่ใช่การให้โดยเสน่หา ไม่ใช่การกู้ยืมเงินเพื่อลงทุน และไม่ใช่การร่วมลงทุนเพราะเงินทั้งหมดเป็นของพี่อ้อย สัญญาและทรัพย์สินก็เป็นของพี่อ้อย ไม่มีทนายตั้มเกี่ยวข้องเลย ดังนั้นการเอาทรัพย์ไปจะเป็นการให้โดยเสน่หาไม่ได้ จะเป็นการกู้ยืมเงินก็ไม่ได้เพราะหลักฐานที่มีอยู่ไม่สอดรับกัน ทนายตั้มเป็นที่ปรึกษากฎหมาย พี่อ้อยวางใจและไว้ใจในชื่อเสียงของทนายตั้ม จึงหลงเชื่อตัดสินใจโอนเงินให้

เมื่อถามว่าพี่อ้อยได้ไปบ้านของทนายตั้ม ไม่สงสัยเรื่องเงินบ้างหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า ไม่แปลกเพราะเขาหลงเชื่อว่าทนายตั้ม ทำมาหากินสุจริต ก็มีสิทธิที่จะมีบ้านได้ เพราะเป็นบ้านที่ทนายตั้มได้สินเชื่อบ้านไว้แล้วครบวงเงินทั้งหมด แต่ปรากฏว่าเงินที่อ้างว่าจะไปทำสลากที่มีการพูดคุยกันในที่สุดแล้วไม่ได้ลงทุนกับสลาก เพราะมีการไปยกเลิกการลงทุนกับบริษัทคู่สัญญาที่ทำแอปพลิเคชั่น หลังจากนั้น 1 เดือน ก็ได้ถอนเงินไปซื้อบ้านตัวเอง เงินสินเชื่อที่วางไว้กับธนาคารก็ไปยกเลิก แปลว่า ไม่ได้คิดจะลงทุนสลากออนไลน์เป็นการหลอกทั้งหมด

นายปานเทพ กล่าวว่า ส่วนภรรยาของทนายตั้มเป็นหนึ่งในคณะทำงานที่รับรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน และรู้เรื่องทั้งหมดแต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เชื่อว่ามีหลักฐาน ส่วนพี่สาวภรรยาของทนายตั้มอาจจะรู้ข้อมูลน้อยกว่า เพราะจากการดูความสัมพันธ์เหมือนกับเป็นแม่บ้านที่คอยดูแลความเรียบร้อยภายในครอบครัว ส่วนการรับรู้ภรรยาของทนายตั้มมีมากกว่าพี่สาวของทนายตั้ม ส่วนผู้ชายแบรนด์เนม คือผู้ชายแบรนด์เนมคนหนึ่งที่สามารถไปขู่พยานได้ เช่น รู้ว่าลูกเรียนอยู่ที่ไหน โรงเรียนอะไร ผิดวิสัยที่จะนำมาพูดในระหว่างที่มีเรื่องพิพาทกันของคดี หรือพูดว่าหากไม่อยู่ข้างเขาแล้วจะไม่เอาไว้นะ แม้จะไม่ผิดกฎหมายแต่ทำให้พยานรายสำคัญคนนี้หวาดกลัวได้ ส่วนผู้ชายแบรนด์เนมคนนี้เคยขู่พี่อ้อยหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่ทราบว่าทนายตั้มเคยมีความพยายามจะฟ้องพี่อ้อยก่อนจะยุติไป


นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ในขณะที่พยานปากสำคัญได้เก็บรวบรวมหลักฐานไว้หมดเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ทนายตั้มกลับทำลายหลักฐานทั้งหมดทั้งโทรศัพท์ ที่มาที่ไปของโทรศัพท์ พฤติการณ์แบบนี้ต่างกันหรือไม่ถึงความโปร่งใส หรือความบริสุทธิ์ของตัวเอง เขาเคยข่มขู่หรือไม่ เขาเคยคุยกับทนายว่า “กล้าดีอย่างไรมาฟ้องเขา” พี่อ้อยก็ได้ยินเพราะมีเทปอัดไว้

ส่วนประเด็นเงิน 39 ล้านบาท นายปานเทพ กล่าวว่า ทางนุและสาลินี เป็นจำเลยอยู่ในขณะนี้ จะไปถึงทนายตั้มหรือไม่ ยังไม่เฉลยในตอนนี้เพราะจะกระทบต่อรูปคดี นอกจากคำพาดพิงแล้ว เพราะคำพาดพิงอาจจะเชื่อถือไม่ได้หากไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง และหากหนักใจทางพี่อ้อยคงไม่แจ้งความ เพราะคิดว่ามีหลักฐานมากพอ ประเด็นของเงิน 39 ล้านบาท มี 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นโทรศัพท์ตรวจสอบแล้วพบว่าโทรศัพท์ไม่ได้มีการระงับจริง ส่วนที่ 2 สาลินีอ้างว่าตัวเองถูกระงับบัญชี ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในระบบคริปโตฯ และสาลิณีดำเนินการโดยอ้างว่าตัวเองเสียหายแต่ไม่แจ้งยอดเสียหายแล้วไปแจ้งความที่ สน.บางซื่อ รูปแบบเป็นการแจ้งความเพื่อให้พี่อ้อยหลงเชื่อ

ส่วนนุอ้างว่ารู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อแทนไท นุใช้ทะเบียนรถ 999 ทนายตั้มก็เพิ่งมาเปลี่ยนทะเบียนรถเป็น 999 เช่นกัน สอดรับกับใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่ที่ไปประมูลทะเบียนรถเลขสวยเลขเก้า ให้ดูความสัมพันธ์ว่าบุคคลเหล่านั้นมีความเกี่ยวข้องกับคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษอย่างไร จะเห็นความจริงในเครือข่ายว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ เมื่อนุและสาลินีรับเงิน 39 ล้านบาทแล้วเส้นเงินไปถึงใครบ้างจำนวนเท่าไหร่ เชื่อว่าไม่เกินกำลังของตำรวจและ ปปง. ในการตรวจสอบ

นายปานเทพ กล่าวว่า ส่วนเรื่องซื้อรถยนต์ ทราบจากรายงานข่าวของตำรวจพบว่าซื้อราคาหนึ่ง แต่ออกใบเสร็จ 2 ใบ ๆ แรก 12.9 ล้านบาท เป็นใบเสร็จที่ไปถึงมือพี่อ้อย แต่ใบเสร็จที่รับเงินจริงๆ จำนวน 11.4 ล้านบาท ทั้งนี้ ใบเสร็จต้องมีเพียงใบเดียว แสดงว่าอีกอันก็ต้องเป็นใบปลอม หากเป็นเงินค่านายหน้าจริง รับเงินเท่าไหร่ในบริษัทนั้นจะต้องหักเป็นค่าการตลาดและหักภาษีส่งสรรพากร หากไม่มีธุรกรรมนี้ไม่เรียกว่าเป็นค่านายหน้า เป็นการบวกเงินเพิ่ม ส่วนประเด็นอื่นๆ นอกเหนือจากประเด็นเงิน 71 ล้านบาท เป็นเพราะการตรวจสอบของสื่อมวลชน ที่มีการตรวจสอบในหลายมิติ เช่น การซื้อรถพยาบาล โรงเรียน ฯลฯ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพี่อ้อยว่าต้องการจะดำเนินการด้วยหรือไม่ เพราะคดีที่แจ้งความไปก่อนหน้านี้ก็สอบกันนานหลายชั่วโมงติดต่อกันหลายวัน

นายปานเทพ กล่าวว่า ทั้งนี้ห่วงเรื่องการโยกย้ายทรัพย์สินว่าจะตามทันหรือไม่ จึงขอให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติม กับ 1.พี่สาวของภรรยาทนายตั้ม 2.แจ็คที่ทำการค้าขายนาฬิกาหรู 3.โอ๋ อยู่ จ.เชียงใหม่ หรือเชียงราย เป็นคนที่ขายแบรนด์เนมหรู.- 419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง “แพทองธาร” คลิปคุย “ฮุนเซน”

กทม. 14 ก.ค. – ป.ป.ช. มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรงต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงคุยกับ “ฮุน เซน” ที่สำนักงาน ป.ป.ช. วันนี้มีรายงานว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ประชุม และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และนายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นองค์คณะไต่สวน การตั้งองค์คณะไต่สวนครั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา51 ซึ่งเปิดช่องให้ ป.ป.ช. ตั้งกรรมการไม่น้อยกว่า 2 คนไต่สวนได้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงมีผลกระทบต่อสาธารณะอย่างกว้างขวางหรือเกี่ยวพันกับองค์กรตุลาการ ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาเบื้องต้น และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 10 วัน โดยให้มีการถอดเทปคำสนทนาและจัดทำคำแปลจากภาษาต่างประเทศอย่างถูกต้อง ครอบคลุมการสอบพยาน และการศึกษา คดีเปรียบเทียบ เช่น […]

เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ลาสิกขา ปมโอน 13 ล้าน

พระนครศรีอยุธยา 14 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ สมัครใจลาสิกขา หลังโอนเงินกว่า 13 ล้าน ให้ “สีกากอล์ฟ” ยืนยันไม่มีสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่ยอมรับว่า “อ่อนต่อโลก” พระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำพิธีลาสิกขาด้วยความสมัครใจในวันนี้ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัด พร้อมสอบปากคำพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสฯ นานเกือบ 3 ชั่วโมง พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า อดีตเจ้าอาวาสฯ เต็มใจลาสิกขา เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกากอล์ฟ พบว่า เส้นเงินถูกโอนจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสฯ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการรับกิจนิมนต์และสอนหนังสือ โดยโอนไปให้สีกากอล์ฟ รวม 12.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเงินจากบัญชีวัดอีก 3.8 แสนบาท ซึ่งมีทั้งโอนผ่านโทรศัพพ์และให้เป็นเงินสด เริ่มโอนตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งในเดือนเดียวกันพบว่าโอนให้สีกากอล์ฟ […]

แก๊งจีนดำลวงเพื่อนร่วมชาติเรียกค่าไถ่ สังหารโหด

เชียงราย 14 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีแก๊งจีนดำฆ่าจีนเทา หลอกเพื่อนร่วมชาติมาเรียกค่าไถ่ที่เชียงใหม่ สังหารโหด และนำศพทิ้งกลางป่า ตำรวจพบศพนายหยาง อายุ 24 ปี สัญชาติจีน ถูกห่อด้วยถุงดำ และผ้าปูที่นอน แล้วใช้ผ้ายางพลาสติกห่อทับอีกชั้น ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป่าละเมาะข้างทางริมถนน ใกล้กับหมู่บ้านป่าเหว ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยก่อนหน้านี้ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาวของนายหยางให้ช่วยติดตามตัวน้องชาย หลังข้ามชายแดนมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมัน ในฝั่งลาว ผ่าน ตม.สบรวก อำเภอเชียงแสน ที่ จ.เชียงราย มาพร้อมกับนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนอีกคนหนึ่ง โดยจ้างแท็กซี่เดินทางมายังเชียงใหม่ เมื่อ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาและหายตัวไป ก่อนถูกเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พลตำรวจโทกฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า พบตัวนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนที่เดินทางมากับนายหยาง และอ้างว่า ถูกนายซาง เบนซิน และนายหวังซวง นัดหมายให้พานายหยาง […]

“รมต.สุชาติ” เข้าพบสมเด็จฯ วัดไตรมิตร รับแนวทางแก้ปัญหาวงการสงฆ์

วัดไตรมิตร 14 ก.ค.- “รมต.สุชาติ” เข้าพบสมเด็จฯ วัดไตรมิตร รับแนวทางแก้ปัญหาวงการสงฆ์ ชี้ต้องร่วมมือกัน ทั้งตำรวจ-มส.-พศ. ย้ำต้องเร่งแก้ให้เร็วที่สุด ก่อนประชาชนหมดศรัทธา สั่งสำนักพุทธฯ ดูกฎหมายอาญา 206 เอาผิดสีกา ก. ได้หรือไม่ ย้อนถาม พศ. ทำไมไม่รู้ จี้ให้ทำงานเชิงรุก บอกหลัง 1 ต.ค.นี้ ทุกวัดต้องส่งรายงานการเงินทุกเดือนและทุกปี ตามกฎกระทรวงใหม่ นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เมื่อมาถึงได้เข้ากราบสักการะสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ก่อนเข้ากราบนมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เพื่อรับแนวทางปฏิบัติ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ภายหลังการเข้าพบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) นานกว่า 30 นาที นายสุชาติ กล่าวว่า เรื่องสงฆ์ที่เกิดปัญหาอยู่ในขณะนี้ เป็นเรื่องที่มหาเถรสมาคม มีการประชุมตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งเป็นการประชุมเร่งด่วนฉุกเฉิน […]