ชัวร์ก่อนแชร์: เคี้ยวหมากและใบพลู ฆ่าเชื้อในปาก ต้านโควิด-มะเร็ง จริงหรือ?

21 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโรคมะเร็งหลอดอาหารและมะเร็งช่องปากเผยแพร่ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าการเคี้ยวหมากและใบพลู มีคุณสมบัติที่ดีหลายอย่างต่อร่างกาย ทั้งฆ่าเชื้อในปาก ต้านการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และต้านการเกิดมะเร็ง บทสรุป : WHO ประกาศให้การเคี้ยวหมากและใบพลู เพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งในช่องปาก แม้จะเคี้ยวโดยไม่ร่วมกับการใช้ยาสูบก็ตาม FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : แต่เดิมมีความเชื่อว่าใบพลูที่กินร่วมกับหมากจะมีคุณสมบัติด้านการฆ่าเชื้อในปาก แต่การที่หมากและใบพลูเป็นยาเสพติดชนิดอ่อน การเคี้ยวหมากและใบพลูอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายตามที่กล่าวอ้างแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งหลายชนิด เมื่อปี 2003 องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้การเคี้ยวหมากและใบพลู เพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งในช่องปาก แม้จะเคี้ยวโดยไม่ร่วมกับการใช้ยาสูบก็ตาม ข้อมูลจากการศึกษาเมื่อปี 1985 พบว่า การเคี้ยวหมากและใบพลูร่วมกับการใช้ยาสูบมีคุณสมบัติเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ หลังพบพฤติกรรมดังกล่าวอย่างแพร่หลาย ไม่เพียงแต่ในทวีปเอเชีย แต่รวมถึงกลุ่มผู้อพยพชาวเอเชียที่ไปอาศัยในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย เมื่อการเปรียบเทียบพบว่า กลุ่มผู้อพยพที่นิยมเคี้ยวหมากกับใบพลู มีสัดส่วนเป็นมะเร็งในช่องปากมากกว่าประชากรท้องถิ่น ข้อมูลพบว่าการเคี้ยวหมากกับใบพลู ร่วมกับการใช้ยาสูบ เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งในช่องปาก […]

ชัวร์ก่อนแชร์ CHECK-LIST : 5 เรื่องฮิต สารพัดวิธีแก้ท้องเสีย จริงหรือ ?

19 มีนาคม 2568 – บนโซเชียลมีการแชร์สารพัดวิธีแก้ท้องเสีย ทั้งเตือนท้องเสียไม่จำเป็นต้องกินยา ให้ดื่มนมเปรี้ยว หรือน้ำอัดลมใส่เกลือ เชื่อว่าจะช่วยให้อาการท้องเสียดีขึ้นได้ ?! 🎯 ตรวจสอบกับ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ รศ.ดร.เอกราช เกตวัลห์ อาจารย์ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ผศ.(พิเศษ)นพ.ปิยะพันธ์ พฤกษพานิช อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร รพ.จุฬาลงกรณ์ 5 เรื่องฮิตเกี่ยวกับวิธีแก้ท้องเสียที่แชร์กันในโซเชียลมีเดีย  ข้อควรระวัง ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์, อัครวุฒิ ตู้วชิรกุลเรียบเรียงโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส

ชัวร์ก่อนแชร์ Motor Check : หลุมพรางของรถยนต์ไฮบริด ที่ผู้ผลิตรถไม่อาจพูดถึง จริงหรือ ?

18 มีนาคม 2568 – ตามที่มีการแชร์เตือนผู้ใช้งานรถยนต์ ถึงหลุมพรางของรถยนต์ไฮบริด ที่ผู้ผลิตรถอาจไม่พูดถึง เช่น ชิ้นส่วนอะไหล่แพงมหาโหด และหาอู่ซ่อมยากกว่ารถยนต์ประเภทอื่น ๆ นั้น บทสรุป : ❌ ไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อ ❌  ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ สุรมิส เจริญงาม นักทดสอบและผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยียานยนต์ (สัมภาษณ์วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568) ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรถยนต์ไฮบริด ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : ณัฐพล อินทร์สวัสดิ์เรียบเรียงโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส

งานวิจัยมะเร็งหลอดอาหารกับการดื่มน้ำอัดลม

19 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล มีการนำความนิยมของการดื่มน้ำอัดลม ไปเชื่อมโยงกับการเกิดมะเร็งหลอดอาหารชนิด Adenocarcinoma (EAC) ที่เพิ่มขึ้นถึง 350% นับตั้งแต่กลางทศวรรษ 1970s เป็นต้นมา นำไปสู่การวิจัยถึงความสัมพันธ์อย่างแพร่หลาย แต่ผลการเชื่อมโยงมะเร็งหลอดอาหารกับการดื่มน้ำอัดลมยังไม่เป็นที่แน่ชัด เพราะมีทั้งงานวิจัยที่ไม่พบความสัมพันธ์และงานวิจัยที่พบว่าการดื่มน้ำอัดลมเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารเช่นกัน งานวิจัยปี 2006 ของ Yale ไม่พบว่าการดื่มน้ำอัดลมเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารชนิด EAC จุดประสงค์งานวิจัยมาจากข้อสันนิษฐานเรื่องการดื่มน้ำอัดลมทำให้เกิดอาการท้องอืด รบกวนการทำงานของหลอดอาหารส่วนล่าง และความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มน้ำอัดลมกับอาการจุกเสียดแน่นท้องในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดมะเร็งหลอดอาหารชนิด Adenocarcinoma (EAC) แต่ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยเยล เมื่อปี 2006 นำโดย ซูซาน เมย์น ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาและสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์ ได้เปรียบเทียบกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งจำนวน 1,095 ราย และกลุ่มควบคุม 657 ราย เพื่อศึกษาพฤติกรรมการดื่มน้ำอัดลม ทั้งแบบธรรมดาและแบบไม่มีน้ำตาล ทีมวิจัยพบว่า การบริโภคเครื่องดื่มน้ำอัดลมไม่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารชนิด Adenocarcinoma (EAC) โดยเฉพาะน้ำอัดลมแบบไม่มีน้ำตาล และการบริโภคมากเกินไปไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งหลอดอาหารหรือมะเร็งกระเพาะอาหารชนิดย่อยใด ๆ […]

ชัวร์ก่อนแชร์ KEYWORD : Pet humanization ? — เทรนด์สุดฮิต เลี้ยงสัตว์เหมือนลูก

15 มีนาคม 2568 – สิ่งนี้…คือ พฤติกรรมการให้ความสำคัญกับการเลี้ยงสัตว์เหมือนลูก และ สิ่งนี้ …เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในสังคมปัจจุบันจนกลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ คือคำว่าอะไร ? มาร่วมไขคำตอบของคำปริศนากัน ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ อาจารย์ ธาม เชื้อสถาปนศิริ อาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล (สัมภาษณ์เมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2568) ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : จิรัชยา นวลนิ่มน้อย และ จิราภา อ่อนเกลี้ยงเรียบเรียงโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส

ชัวร์ก่อนแชร์: เครื่องดื่มร้อนเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหาร จริงหรือ?

18 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีความเชื่อเกี่ยวกับการดื่มน้ำร้อนกับโรคมะเร็งหลอดอาหารเผยแพร่ในต่างประเทศ เมื่อมีการอ้างว่าการดื่มชาหรือกาแฟในอุณหภูมิที่สูง เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งหลอดอาหาร บทสรุป : 1.ความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดโรคมะเร็งและการดื่มน้ำร้อนจากการวิจัยในมนุษย์ยังมีอย่างจำกัด2.ไม่อาจสรุปได้ว่าการดื่มเครื่องดื่มร้อนเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหาร FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : แม้องค์การวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติขององค์การอนามัยโลก (WHO) จะจัดให้การดื่มน้ำร้อนมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งในระดับ Group 2A แต่ผลการวิจัยในมนุษย์ยังมีอย่างจำกัดและไม่อาจสรุปได้ว่าการดื่มเครื่องดื่มร้อนเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารมากน้อยแค่ไหน สมิตา โจชิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งและโรคระบบทางเดินอาหาร ศูนย์วิจัยมะเร็ง Memorial Sloan Kettering Cancer Center (MSK) อธิบายว่า ความเชื่อเรื่องเครื่องดื่มร้อนเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหาร มีมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1930s จากทฤษฎีที่ว่าเครื่องดื่มร้อน เช่น ชาหรือกาแฟ อาจไปทำลายเยื่อบุชั้นในของหลอดอาหาร กระตุ้นการแบ่งตัวที่ผิดพลาดในเซลล์เยื่อบุ นำไปสู่การเกิดมะเร็ง รวมถึงความเชื่อที่ว่า เยื่อบุชั้นในของหลอดอาหารที่ถูกทำลายจากการดื่มน้ำร้อนอย่างต่อเนื่อง เมื่อสัมผัสกับสารเคมีที่อยู่ในบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งได้ง่ายขึ้น ในอดีตมีการศึกษากับสัตว์ทดลอง พบว่าการให้สัตว์ดื่มน้ำร้อนมาก ๆ เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารเช่นกัน […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ปัญหาถุงใต้ตาบวม

16 มีนาคม 2568 – ปัญหาถุงใต้ตาบวมเกิดได้จากสาเหตุใดได้บ้าง ถุงใต้ตาบวมแบบไหนควรรีบพบแพทย์ และจะมีวิธีการดูแลและแก้ไขอย่างไร ต่อไปนี้คือข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย สาเหตุของถุงใต้ตาบวม: ถุงใต้ตาบวมแบบถาวร: เมื่ออายุมากขึ้น เนื้อเยื่อรอบดวงตาจะอ่อนลง ทำให้ไขมันเคลื่อนตัวและสร้างถุงได้ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการผ่าตัด ถุงใต้ตาบวมแบบชั่วคราว: อาการแพ้สามารถทำให้เกิดอาการบวมรอบดวงตาได้ นอกจากนี้ การนอนหลับไม่เพียงพอสามารถทำให้ของเหลวสะสมใต้ดวงตาได้ ถุงใต้ตาบวมแบบเฉียบพลัน: หากถุงปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะหลังจากได้รับบาดเจ็บ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที แล้วเมื่อใดควรไปพบแพทย์ ? หากบริเวณใต้ตาเป็นแผล โดยเฉพาะหลังจากเกิดอุบัติเหตุ กรณีเด็ก หากบริเวณใต้ตามีอาการบวมอย่างกะทันหันอาจบ่งบอกถึงโรคร้ายแรงได้ การดูแลและคำแนะนำ: หากเกิดอาการบวมที่ทั้งสองข้าง อาจเกิดจากอาการแพ้และไม่เป็นอันตราย สามารถบรรเทาอาการได้โดยการทานยาแก้แพ้หรือประคบเย็น หากเกิดอาการบวมข้างเดียว เป็นเรื่องเสี่ยงและควรไปพบแพทย์ สัมภาษณ์เมื่อ : 26 กุมภาพันธ์ 2568ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์เรียบเรียงโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส

ชัวร์ก่อนแชร์: มะเร็งหลอดอาหารสามารถสังเกตได้ง่าย จริงหรือ?

16 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโรคมะเร็งหลอดอาหารเผยแพร่ในต่างประเทศ โดยอ้างว่ามะเร็งหลอดอาหารเป็นโรคที่สามารถสังเกตได้ง่ายในระยะเริ่มต้น เหมือนกับการตรวจคัดกรองมะเร็งทั่วไป บทสรุป : 1.ความผิดปกติทางกายหลายอย่างของมะเร็งหลอดอาหารอาการคล้ายคลึงกับโรคอื่น ๆ2.ปัจจุบันยังไม่มีคำแนะนำให้มีการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งหลอดอาหารในประชาชนทั่วไป FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : หน้าที่ของหลอดอาหาร หลอดอาหาร เป็นอวัยวะซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงอาหารจากคอหอยไปยังกระเพาะอาหาร ในผู้ใหญ่จะมีความยาวประมาณ 23-25 เซนติเมตร สาเหตุมะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งหลอดอาหารเกิดจากผลกระทบที่เกิดกับเซลล์ในมะเร็งหลอดอาหาร ทำให้เซลล์เปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติจนกลายเป็นมะเร็งได้ในที่สุด มะเร็งหลอดอาหารมีหลายประเภท แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ Adenocarcinoma (EAC) และ Squamous-cell carcinoma (ESCC) มะเร็งหลอดอาหาร Adenocarcinoma (EAC) เกิดในเซลล์บริเวณรอยต่อระหว่างหลอดอาหารกับกระเพาะอาหาร มักพบในประชากรประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป มะเร็งหลอดอาหาร Squamous-cell carcinoma […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : โรคข้าวผัด

13 มีนาคม 2568 – โรคข้าวผัด หรือ Fried Rice Syndrome คืออะไร เกี่ยวอะไรกับข้าวผัด จะมีอาหารอื่นเป็นสาเหตุอีกหรือไม่ และจะเป็นอันตรายอย่างไร ต่อไปนี้คือข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ รศ.ดร.วันทนีย์ เกรียงสินยศ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล(สัมภาษณ์เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2568) โรคข้าวผัดคืออะไร ? โรคข้าวผัด หรือ Bacillus cereus Syndrome เป็นโรคอาหารเป็นพิษที่เกิดจากการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย Bacillus cereus ในอาหารประเภทข้าวผัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวผัดที่ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องเป็นเวลานาน เชื้อนี้สามารถพบได้ในอาหารประเภทอื่น ๆ ที่มีข้าวและแป้งเป็นส่วนประกอบ เช่น พาสต้าและก๋วยเตี๋ยว  การปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย การปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียอาจเกิดจากการสุขาภิบาลอาหารที่ไม่ดี, การไม่ล้างมือ, หรือการปนเปื้อนจากอาหารอื่น ๆ เชื้อนี้อาจมีอยู่ในอากาศและปนเปื้อนลงในอาหารได้  ความเสี่ยง ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นหากปรุงอาหารเสร็จแล้วทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องนานกว่า 2 ชั่วโมง การอุ่นอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ Bacillus cereus อาจไม่สามารถทำลายเชื้อได้เนื่องจากต้องใช้ความร้อนสูง  การป้องกัน […]

ชัวร์ก่อนแชร์ CHECK-LIST : 5 เรื่องฮิต สารพัดคำเตือนห้ามกินถั่ว จริงหรือ ?

12 มีนาคม 2568 – บนโซเชียลมีการแชร์สารพัดคำเตือนห้ามกินถั่ว ทั้งให้ระวังถั่วลิสงอบกรอบเพราะอาจมีหนอนอยู่ในนั้น อย่างไรก็ตามยังมีการถกเถียงกัน บ้างก็ว่าน้ำเต้าหู้อันตราย บ้างก็ว่าหากใส่มะนาวลงไป ดื่มแล้วจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ?! ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ รศ.นพ.ดร.เผด็จ สิริยะเสถียร หัวหน้าภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ พ.ต.ท.นพ.กฤติชาติ กำจรปรีชา อายุรแพทย์โลหิตวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ศ.ดร.พีระศักดิ์ ศรีนิเวศน์ ภาควิชาพืชไร่นา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศ.นพ.นิพนธ์ พวงวรินทร์ ราชบัณฑิต พ.ต.อ.หญิง สุรีรัตน์ จารุหทัย นายแพทย์ (สบ 4) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลตำรวจ อ.นพ.วิทวัส แนววงศ์ อายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อฯ เบาหวาน ไทรอยด์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นพ.สมเกียรติ อธิคมกุลชัย จักษุแพทย์ รศ.ดร.วิสิฐ จะวะสิต สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ผศ.สุวรรณี อาจหาญณรงค์ คณะเทคโนโลยีคหกรรมฯ มทร.ธัญบุรี ถั่วลิสงอบกรอบมีหนอน […]

ชัวร์ก่อนแชร์ KEYWORD : Orbiting ? — ขอเป็นดาวบริวารออนไลน์ใกล้ ๆ ก็พอ

1 มีนาคม 2568 สิ่งนี้…คือความสัมพันธ์ที่เปรียบเสมือนดาวเคราะห์บริวารออนไลน์ ที่คอยโคจรติดตามอยู่ห่าง ๆ และ สิ่งนี้ …เป็นพฤติกรรมที่เกิดมากขึ้นในยุคโซเชียลมีเดีย และอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน คือคำว่าอะไร ? มาร่วมไขคำตอบของคำปริศนากัน ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ อาจารย์ ธาม เชื้อสถาปนศิริ อาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล (สัมภาษณ์เมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2568) Orbiting คืออะไร? พฤติกรรมแบบ Orbiting เป็นอย่างไร? ใครคือเป้าหมายของการ Orbiting? ผลกระทบของ Orbiting: คำแนะนำ: ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : จิรัชยา นวลนิ่มน้อย และ จิราภา อ่อนเกลี้ยงเรียบเรียงโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส

ชัวร์ก่อนแชร์ : กาแฟใส่กะทิแทนนมและครีมเทียม ได้กรดลอริกเหมือนน้ำนมแม่ จริงหรือ ?

10 มีนาคม 2568 – ตามที่มีการแชร์คำแนะนำในโซเชียลว่า กาแฟใส่กะทิแทนนมและครีมเทียม เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ มีประโยชน์กว่า เพราะในกะทิมีกรดลอริกเหมือนในน้ำนมแม่นั้น บทสรุป : จริงบางส่วน ไม่ควรแชร์ การใส่กะทิในกาแฟแทนนมหรือครีมเทียมไม่ได้ดีต่อสุขภาพอย่างที่แชร์กันในโซเชียลมีเดีย การเติมส่วนผสมเหล่านี้มีจุด ประสงค์เพื่อปรุงแต่งรสชาติเท่านั้น ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ รศ.ดร.วันทนีย์ เกรียงสินยศ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล (สัมภาษณ์เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2568) ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใส่กะทิในกาแฟเปรียบเทียบกับนมหรือครีมเทียม มีดังนี้ ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์เรียบเรียงโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส

1 2 3 284
...