โควิดพรากพ่อแม่ เด็กกำพร้ากว่า 360ราย

กรุงเทพฯ 7 ก.ย.-โควิดในเด็กยังน่าห่วง ยอดติดเชื้อกว่า 1.4 แสนคน 80% มาจากครอบครัวยากจน ขณะที่เด็กกำพร้าเพิ่มทุกวัน ล่าสุด 369 คน 3จังหวัดชายแดนใต้สูงสุด เปิดรับอาสาสมัครเสริมทัพดูแลเด็กป่วย และอาสาเลี้ยงดูเด็กในครอบครัวอุปถัมภ์ พร้อมเร่งเยียวยาให้ได้รับการดูแลโดยครอบครัวที่ปลอดภัย เสนอมาตรการให้เด็กกำพร้าจากโควิดทุกกรณีเรียนฟรีจนถึงระดับอุดมศึกษา


ศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กรมสุขภาพจิตและองค์การยูนิเซฟประเทศไทย แถลงข่าวเรื่อง ‘สถานการณ์เด็กติดเชื้อ เด็กกำพร้า ผลกระทบจากโควิด-19 และการเยียวยาฟื้นฟู’

นางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบในวงกว้าง กลุ่มเด็กยังคงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลโควิด-19 พบมีเด็กติดเชื้อสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.–4 ก.ย.64 จำนวน 142,870 คน แบ่งเป็น กทม. 31,111 คน และภูมิภาค 111,759 คน โดยยังคงติดเชื้อรายวันมากกว่า2,000 ราย ที่สำคัญผู้เสียชีวิตเฉลี่ยรายวันยัง คงขึ้นลงมากกว่า 200 รายต่อวัน ซึ่งหากผู้เสียชีวิตเป็นพ่อแม่หรือผู้ปกครองของเด็กก็จะส่งผลให้มีเด็กกำพร้าเพิ่มมากขึ้น โดยกรมกิจการเด็กฯ ร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ได้ช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่ 1 ม.ค.– 4 ก.ย.64 จำนวนทั้งสิ้น 9,565 คน


สำหรับกลุ่มเด็กกำพร้านายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยมอบหมายให้ พม.สำรวจข้อมูลตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.–4 ก.ย.64 พบเด็กกำพร้าจำนวน 369 คน กำพร้าบิดามากที่สุด 180 คน กำพร้ามารดา 151 คน กำพร้าทั้งบิดาและมารดา 3 คน และกำพร้าผู้ปกครอง 35 คน ภาคใต้พบเด็กกำพร้ามากที่สุด 131 ราย ร้อยละ 71.54 อยู่ในช่วงอายุ 6-18 ปี และร้อยละ 33.06 เป็นเด็กที่เรียนชั้นประถมศึกษา

ปัจจุบันเด็กกำพร้า 369 คนได้รับการดูแลในรูปแบบครอบครัว 367 คน (โดยอยู่กับพ่อหรือแม่ 231คน อยู่กับครอบครัวเครือญาติ133 คนและอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์อาสาสมัคร 3 คน) และอยู่ในบ้านพักเด็กและครอบครัว/สถานสงเคราะห์เพื่อจัดหาครอบครัวทดแทน 2 คน โดยได้รับการช่วยเหลือเฉพาะหน้า ได้แก่ ให้คำปรึกษาเบื้องต้น 369 ราย มอบถุงยังชีพ/เครื่องอุปโภคบริโภค 209ราย จ่ายเงินสงเคราะห์/เงินฉุกเฉิน 184 ราย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือ 313 ราย ลงเยี่ยมบ้าน/ประสาน อพม.ติดตามเยี่ยมบ้าน 313 ราย ประสานตรวจเชื้อ 1 ราย และการฟื้นฟู เยียวยาคุณภาพชีวิต ได้แก่ ประสานขอรับทุนพระราชทานมูลนิธิ ราชประชานุเคราะห์ฯ 196 ราย เงินช่วยเหลือจากกองทุนคุ้มครองเด็ก 57 ราย รับเข้าอุปการะ 2 ราย จัดหาครอบครัวอุปถัมภ์/บุญธรรม 3 ราย และช่วยเหลืออื่น ๆ 1 ราย ทั้งนี้ ข้อมูลเด็กกำพร้าจะถูกบันทึกลงในระบบสารสนเทศเพื่อการคุ้มครองเด็ก CPIS เพื่อใช้ในการวางแผนการดูแลและการจัดบริการให้แก่เด็กทั้งระยะสั้นและระยะยาว

อย่างไรก็ตามเพื่อปกป้องไม่ให้เด็กอยู่ในภาวะโดดเดี่ยว ศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 จำเป็นต้องระดมพลังเครือข่ายอาสาสมัครดูแลเด็กติดเชื้อ/เด็กกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงที่อายุไม่เกิน 8 ปีหรือไม่สามารถดูแลตัวเองได้และอาสาสมัครเลี้ยงดูเด็กชั่วคราวในครอบครัวอุปถัมภ์ โดยเป็นผู้มีประสบการณ์การดูแลเด็กมีความเสี่ยงต่ำจากการติดเชื้อขณะปฏิบัติงาน หรือหากติดเชื้อจะเกิดความรุนแรงของอาการน้อย เช่น เคยมีประวัติการติดเชื้อโควิด-19 มาก่อนหรือได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 ครั้ง อายุไม่เกิน 50 ปี (ยกเว้น อาสาสมัครครอบครัวอุปถัมภ์ ไม่เกิน 65 ปี) ไม่มีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ได้ ทั้งนี้ อาสาสมัครจะได้รับการสนับสนุนเป็นค่าตอบแทน อุปกรณ์จำเป็น องค์ความรู้การดูแลเด็ก และการให้คำปรึกษาระหว่างปฏิบัติงาน


ทั้งนี้ ในปีงบฯ2565พม.เตรียมรองรับการจัดสวัสดิการให้กับเด็กและครอบครัว โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนคุ้มครองเด็กให้ความสำคัญในการช่วยเหลือเด็กรายบุคคลโดยการสนับสนุนครอบครัวและครอบครัวอุปถัมภ์ให้ได้รับบริการเพื่อสนับสนุนการดูแลเด็ก โดยจะมีเด็กได้รับความช่วยเหลือประมาณ 1,600 คน นอกจากนี้มีเงินอุดหนุนการให้บริการสวัสดิการเด็กในครอบครัวยากจน ผู้สนใจสามารถสมัครเป็นอาสาสมัครได้ตั้งแต่วันพุธที่ 8 ก.ย.64 ผ่านทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ และ Facebook กรมกิจการเด็กและเยาวชน www.dcy.go.th และ กสศ. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา www.eef.or.th หรือสมัครโดยตรงได้ที่กองส่งเสริมการพัฒนาและสวัสดิการเด็ก เยาวชน และครอบครัว กรมกิจการเด็กและเยาวชน ตึกดรุณวิถี ภายในบริเวณสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี ในภูมิภาคสมัครได้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวทั้ง 76 จังหวัด

ด้าน ศ.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคประชาสังคม กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ของ กสศ. ในช่วงที่ผ่านมาพบว่าเด็กส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ 80% คือเด็กยากจนด้อยโอกาส ในชุมชนแออัดที่นอกจากเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐานะแล้วยังเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา วันที่เราส่งเพวกเขากลับบ้าน จะพบเห็น คลื่นปัญหาที่ต้องเผชิญต่อไปคือ ความยากจน เพราะพ่อแม่ที่ป่วยไข้ก็ตกงาน ไม่ได้กลับไปทำงาน ถูกเลิกจ้าง ไม่มีเงินซื้ออาหาร ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ไม่นับเรื่องการเรียน ออนไลน์ไม่มีอุปกรณ์ไม่มีความพร้อมใดใด และมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้กลับมาเรียนอีก ภารกิจจากนี้คือ การเยียวยาป้องกันไม่ให้เด็กๆหลุดจากระบบการศึกษา

สำหรับเด็กกำพร้า เสนอให้รัฐบาลออกมาตราการเรียนฟรีจนถึงระดับอุดมศึกษา ครอบคลุมทั้งกลุ่มที่สูญเสียพ่อแม่เพราะการติดเชื้อโควิด หรือเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายจากวิกฤติเศรษฐกิจ นอกจากนี้ต้องให้คำแนะนำแก่ครูและโรงเรียน ในการเตรียมความพร้อมเพื่อดูแลเด็กนักเรียนที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักหรือสมาชิกครอบครัวจากวิกฤตโควิดโดยแม้เด็กจะกลับมาเข้าห้องเรียนได้ แต่สภาพจิตใจอาจยังไม่พร้อมสมบูรณ์

ขณะที่ พญ.ดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า เด็กๆที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สูญเสียชีวิตของผู้ดูแลหลัก หากไม่ได้รับการฟื้นฟูเยียวยาจิตใจที่เหมาะสม จะกลายเป็นปัญหาต่อเนื่องทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว จึงได้เตรียมมาตรการสร้างพื้นที่พักพิงทางจิตใจและสังคม (Psychosocial Care) ร่วมกัน ระยะสั้นคือการปฐมพยาบาลทางจิตใจสำหรับเด็กที่มีความเข้มแข็งทางใจอยู่แล้วให้ฟื้นคืน โดยอาจไม่จำเป็นต้องพบนักจิตวิทยาเด็ก ระยะกลางคือเด็กที่มีปัญหาเดิมอยู่แล้วเมื่อมาเจอกับความสูญเสีย กลุ่มนี้ต้องนำสู่กระบวนการรักษาเต็มรูปแบบทันที ส่วนในระยะยาวหมายถึงการฟื้นฟูทางสังคมและจิตใจร่วมกัน ด้วยการติดตามจากเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยเด็กในการปรับตัวและเป็นที่ปรึกษาให้กับครอบครัวอุปถัมภ์

“เราได้เดินหน้าโครงการ ‘หนึ่งบ้านหนึ่งโรงพยาบาล’ ใช้โครงสร้างการทำงานร่วมกับพื้นที่ ซึ่งกรมกิจการเด็ก ฯ มีบ้านพักรองรับเด็กอยู่แล้วในทุกจังหวัด หลายพื้นที่มีการทำงานกับโรงพยาบาลอยู่แล้ว รูปแบบที่ตามมาคือการนำชุมชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาช่วยสนับสนุนปัจจัยต่าง ๆ ให้เด็ก ในส่วนของกรมสุขภาพจิตเราได้สำรวจเครือข่ายในทุกจังหวัด พบว่ามีความพร้อมขับเคลื่อนการดูแลเด็กทั้งระยะสั้น กลาง และยาวไปด้วยกัน สำหรับบางพื้นที่ที่มีความพร้อมน้อย กรมสุขภาพจิตและทีมโรงพยาบาลจังหวัดนั้น ๆ พร้อมหนุนเสริมเต็มกำลังเพื่อให้การดูแลทำได้ทั่วถึง”พญ.ดุษฎี กล่าว

น.ส.นิโคล่า บลั้น รักษาการหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองเด็ก องค์การยูนิเซฟประเทศไทย กล่าวว่า ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก หรือ UNCRC ระบุไว้ว่า เด็กมีสิทธิที่จะเติบโตในครอบครัวตัวเอง ดังนั้นในความช่วยเหลือเด็กที่สูญเสียผู้ดูแลจากสถานการณ์โควิด-19 จำเป็นต้องมองไปที่สมาชิกครอบครัวที่เหลืออยู่ก่อน หรือใช้การดูแลทดแทนในระยะสั้น พร้อมสนับสนุนให้ครอบครัวมีศักยภาพที่เหมาะสมในการดูแลเด็ก ส่วนการแยกเด็กออกมากอยู่ในสถานสงเคราะห์หรือครอบครัวอุปถัมภ์ ควรเป็นทางเลือกสุดท้าย โดยยูนิเซฟได้ได้จัดทำคู่มือการดูแลเด็กเมื่อต้องแยกจากครอบครัว เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด และมุ่งช่วยเหลือให้กลับมาอยู่กับครอบครัวได้ในระยะเวลาสั้นที่สุด ด้วยการดูแลแบบ Family Base Alternative Care หรือทางเลือกในการดูแลแบบครอบครัว ที่สร้างพื้นที่ ‘บ้าน’ สำหรับเด็ก โดยให้เข้าไปอยู่กับครอบครัวทดแทนในระยะสั้น เพื่อเป็นการปรับตัว ก่อนมองหาครอบครัวอุปถัมภ์ระยะยาวสำหรับเด็ก ด้วยวิธีนี้จะทำให้เด็กไม่ต้องเข้าไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อจิตใจมากกว่า

“รัฐจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการสร้างระบบการช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบ โดยสนับสนุนทั้งสิ่งของ งบประมาณและจิตใจให้เด็กและครอบครัว รวมถึงผลักดันให้เข้าถึงงานสังคมสงเคราะห์ บริการสาธารณสุข มีสวัสดิการและความคุ้มครองทางสังคมรองรับ โดยจัดทำฐานข้อมูลและระบบบริหารจัดการที่ช่วยชี้เป้าและติดตามครอบครัวของเด็กกลุ่มเสี่ยงได้ อาทิ ครอบครัวพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เด็กที่อยู่กับปู่ย่าตายายลำพัง รวมไปถึงข้อมูลของเด็กกลุ่มเปราะบางทั้งหมด และทุกการตัดสินใจเด็กต้องได้มีส่วนร่วม มีสิทธิในการเลือกอนาคตตนเอง ไม่ใช่การวางแผนโดยหน่วยงานหรือผู้ใหญ่โดยที่เด็กไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย ซึ่งนี่คือการจัดการที่รัฐทำได้ผ่านเครื่องมือและกลไก และต้องมีการทำงานที่ประสานความร่วมมือหลายภาคส่วน มององค์รวมของปัญหาที่ต้องลึกลงไปในหลายมิติแง่มุมของมนุษย์” น.ส.นิโคล่า บลั้น กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ลงพื้นที่ชายแดนอรัญประเทศ

สระแก้ว 26 มิ.ย.-นายกฯ นำคณะลงพื้นที่สระแก้ว หารือผลกระทบจากมาตรการเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นจะไปด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ตรงข้ามปอยเปต นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยจุดแรกที่เดินทางมาถึงคือโรงเรียนอรัญประเทศ เพื่อเป็นประธานในการประชุมหารือเรื่องผลกระทบจากมาตรการการกำหนดเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจะรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ทั้งการค้าขายและพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งการป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ หลังการประชุม นายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางต่อไปยังบริเวณด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ตรงข้ามเมืองปอยเปตของกัมพูชา เพื่อลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณด่านชายแดน พร้อมพบปะพูดคุยกับประชาชน ผู้ประกอบการ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่.-สำนักข่าวไทย

คนร้ายเผารถ-วางวัตถุต้องสงสัยหลายจุดใน จ.ปัตตานี

ปัตตานี 26 มิ.ย. – คนร้ายเผารถ อบต.-วางวัตถุต้องสงสัยหลายจุดใน จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่เขาตรึงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมเพิ่มความเข้มงวดการลาดตระเวน เมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุความไม่สงบขึ้นในพื้นที่อำเภอสายบุรี จ.ปัตตานี หลายจุด มีรายงานว่า รถของ อบต.แป้น ถูกลอบวางเพลิงจนได้รับความเสียหาย และในพื้นที่โดยรอบยังพบวัตถุต้องสงสัยหลายจุด ทั้งที่ ม.3 ต.กะรุบี ม.8 ต.ตะโละดือรามัน และ ม.4 ต.ปล่องหอยอำเภอกะพ้อ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้ เข้าตรึงพื้นที่ และดำเนินการเก็บกู้ ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน และรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนและสอดส่องตามจุดเสี่ยง ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และอยู่ระหว่างการสืบสวนถึงมูลเหตุจูงใจ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง และหากพบวัตถุต้องสงสัยหรือเหตุผิดปกติ ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยด่วน.-สำนักข่าวไทย

ชะตากรรมชาวตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านคลองลึก

สระแก้ว 25 มิ.ย. – เสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านพรมแดนคลองลึก จากที่ต้องดิ้นรนค้าขายในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่อยู่แล้ว ยิ่งย่ำแย่ลงกว่าเดิม.-สำนักข่าวไทย

EOD ทำลายระเบิดซุก จยย.จอดทิ้งหน้าอาคารสนามบินภูเก็ต

ภูเก็ต 25 มิ.ย. – ตำรวจชุด EOD ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยซุกระเบิด จอดทิ้งหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินภูเก็ต ล่าสุดยิงทำลายวัตถุระเบิดได้แล้ว อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ ยืนยันมีลูกเดียว ไม่มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต .-สำนักข่าวไทย