fbpx

โควิดพรากพ่อแม่ เด็กกำพร้ากว่า 360ราย

กรุงเทพฯ 7 ก.ย.-โควิดในเด็กยังน่าห่วง ยอดติดเชื้อกว่า 1.4 แสนคน 80% มาจากครอบครัวยากจน ขณะที่เด็กกำพร้าเพิ่มทุกวัน ล่าสุด 369 คน 3จังหวัดชายแดนใต้สูงสุด เปิดรับอาสาสมัครเสริมทัพดูแลเด็กป่วย และอาสาเลี้ยงดูเด็กในครอบครัวอุปถัมภ์ พร้อมเร่งเยียวยาให้ได้รับการดูแลโดยครอบครัวที่ปลอดภัย เสนอมาตรการให้เด็กกำพร้าจากโควิดทุกกรณีเรียนฟรีจนถึงระดับอุดมศึกษา


ศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กรมสุขภาพจิตและองค์การยูนิเซฟประเทศไทย แถลงข่าวเรื่อง ‘สถานการณ์เด็กติดเชื้อ เด็กกำพร้า ผลกระทบจากโควิด-19 และการเยียวยาฟื้นฟู’

นางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบในวงกว้าง กลุ่มเด็กยังคงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลโควิด-19 พบมีเด็กติดเชื้อสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.–4 ก.ย.64 จำนวน 142,870 คน แบ่งเป็น กทม. 31,111 คน และภูมิภาค 111,759 คน โดยยังคงติดเชื้อรายวันมากกว่า2,000 ราย ที่สำคัญผู้เสียชีวิตเฉลี่ยรายวันยัง คงขึ้นลงมากกว่า 200 รายต่อวัน ซึ่งหากผู้เสียชีวิตเป็นพ่อแม่หรือผู้ปกครองของเด็กก็จะส่งผลให้มีเด็กกำพร้าเพิ่มมากขึ้น โดยกรมกิจการเด็กฯ ร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ได้ช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่ 1 ม.ค.– 4 ก.ย.64 จำนวนทั้งสิ้น 9,565 คน


สำหรับกลุ่มเด็กกำพร้านายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยมอบหมายให้ พม.สำรวจข้อมูลตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.–4 ก.ย.64 พบเด็กกำพร้าจำนวน 369 คน กำพร้าบิดามากที่สุด 180 คน กำพร้ามารดา 151 คน กำพร้าทั้งบิดาและมารดา 3 คน และกำพร้าผู้ปกครอง 35 คน ภาคใต้พบเด็กกำพร้ามากที่สุด 131 ราย ร้อยละ 71.54 อยู่ในช่วงอายุ 6-18 ปี และร้อยละ 33.06 เป็นเด็กที่เรียนชั้นประถมศึกษา

ปัจจุบันเด็กกำพร้า 369 คนได้รับการดูแลในรูปแบบครอบครัว 367 คน (โดยอยู่กับพ่อหรือแม่ 231คน อยู่กับครอบครัวเครือญาติ133 คนและอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์อาสาสมัคร 3 คน) และอยู่ในบ้านพักเด็กและครอบครัว/สถานสงเคราะห์เพื่อจัดหาครอบครัวทดแทน 2 คน โดยได้รับการช่วยเหลือเฉพาะหน้า ได้แก่ ให้คำปรึกษาเบื้องต้น 369 ราย มอบถุงยังชีพ/เครื่องอุปโภคบริโภค 209ราย จ่ายเงินสงเคราะห์/เงินฉุกเฉิน 184 ราย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือ 313 ราย ลงเยี่ยมบ้าน/ประสาน อพม.ติดตามเยี่ยมบ้าน 313 ราย ประสานตรวจเชื้อ 1 ราย และการฟื้นฟู เยียวยาคุณภาพชีวิต ได้แก่ ประสานขอรับทุนพระราชทานมูลนิธิ ราชประชานุเคราะห์ฯ 196 ราย เงินช่วยเหลือจากกองทุนคุ้มครองเด็ก 57 ราย รับเข้าอุปการะ 2 ราย จัดหาครอบครัวอุปถัมภ์/บุญธรรม 3 ราย และช่วยเหลืออื่น ๆ 1 ราย ทั้งนี้ ข้อมูลเด็กกำพร้าจะถูกบันทึกลงในระบบสารสนเทศเพื่อการคุ้มครองเด็ก CPIS เพื่อใช้ในการวางแผนการดูแลและการจัดบริการให้แก่เด็กทั้งระยะสั้นและระยะยาว

อย่างไรก็ตามเพื่อปกป้องไม่ให้เด็กอยู่ในภาวะโดดเดี่ยว ศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 จำเป็นต้องระดมพลังเครือข่ายอาสาสมัครดูแลเด็กติดเชื้อ/เด็กกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงที่อายุไม่เกิน 8 ปีหรือไม่สามารถดูแลตัวเองได้และอาสาสมัครเลี้ยงดูเด็กชั่วคราวในครอบครัวอุปถัมภ์ โดยเป็นผู้มีประสบการณ์การดูแลเด็กมีความเสี่ยงต่ำจากการติดเชื้อขณะปฏิบัติงาน หรือหากติดเชื้อจะเกิดความรุนแรงของอาการน้อย เช่น เคยมีประวัติการติดเชื้อโควิด-19 มาก่อนหรือได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 ครั้ง อายุไม่เกิน 50 ปี (ยกเว้น อาสาสมัครครอบครัวอุปถัมภ์ ไม่เกิน 65 ปี) ไม่มีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ได้ ทั้งนี้ อาสาสมัครจะได้รับการสนับสนุนเป็นค่าตอบแทน อุปกรณ์จำเป็น องค์ความรู้การดูแลเด็ก และการให้คำปรึกษาระหว่างปฏิบัติงาน


ทั้งนี้ ในปีงบฯ2565พม.เตรียมรองรับการจัดสวัสดิการให้กับเด็กและครอบครัว โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนคุ้มครองเด็กให้ความสำคัญในการช่วยเหลือเด็กรายบุคคลโดยการสนับสนุนครอบครัวและครอบครัวอุปถัมภ์ให้ได้รับบริการเพื่อสนับสนุนการดูแลเด็ก โดยจะมีเด็กได้รับความช่วยเหลือประมาณ 1,600 คน นอกจากนี้มีเงินอุดหนุนการให้บริการสวัสดิการเด็กในครอบครัวยากจน ผู้สนใจสามารถสมัครเป็นอาสาสมัครได้ตั้งแต่วันพุธที่ 8 ก.ย.64 ผ่านทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ และ Facebook กรมกิจการเด็กและเยาวชน www.dcy.go.th และ กสศ. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา www.eef.or.th หรือสมัครโดยตรงได้ที่กองส่งเสริมการพัฒนาและสวัสดิการเด็ก เยาวชน และครอบครัว กรมกิจการเด็กและเยาวชน ตึกดรุณวิถี ภายในบริเวณสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี ในภูมิภาคสมัครได้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวทั้ง 76 จังหวัด

ด้าน ศ.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคประชาสังคม กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ของ กสศ. ในช่วงที่ผ่านมาพบว่าเด็กส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ 80% คือเด็กยากจนด้อยโอกาส ในชุมชนแออัดที่นอกจากเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐานะแล้วยังเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา วันที่เราส่งเพวกเขากลับบ้าน จะพบเห็น คลื่นปัญหาที่ต้องเผชิญต่อไปคือ ความยากจน เพราะพ่อแม่ที่ป่วยไข้ก็ตกงาน ไม่ได้กลับไปทำงาน ถูกเลิกจ้าง ไม่มีเงินซื้ออาหาร ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ไม่นับเรื่องการเรียน ออนไลน์ไม่มีอุปกรณ์ไม่มีความพร้อมใดใด และมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้กลับมาเรียนอีก ภารกิจจากนี้คือ การเยียวยาป้องกันไม่ให้เด็กๆหลุดจากระบบการศึกษา

สำหรับเด็กกำพร้า เสนอให้รัฐบาลออกมาตราการเรียนฟรีจนถึงระดับอุดมศึกษา ครอบคลุมทั้งกลุ่มที่สูญเสียพ่อแม่เพราะการติดเชื้อโควิด หรือเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายจากวิกฤติเศรษฐกิจ นอกจากนี้ต้องให้คำแนะนำแก่ครูและโรงเรียน ในการเตรียมความพร้อมเพื่อดูแลเด็กนักเรียนที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักหรือสมาชิกครอบครัวจากวิกฤตโควิดโดยแม้เด็กจะกลับมาเข้าห้องเรียนได้ แต่สภาพจิตใจอาจยังไม่พร้อมสมบูรณ์

ขณะที่ พญ.ดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า เด็กๆที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สูญเสียชีวิตของผู้ดูแลหลัก หากไม่ได้รับการฟื้นฟูเยียวยาจิตใจที่เหมาะสม จะกลายเป็นปัญหาต่อเนื่องทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว จึงได้เตรียมมาตรการสร้างพื้นที่พักพิงทางจิตใจและสังคม (Psychosocial Care) ร่วมกัน ระยะสั้นคือการปฐมพยาบาลทางจิตใจสำหรับเด็กที่มีความเข้มแข็งทางใจอยู่แล้วให้ฟื้นคืน โดยอาจไม่จำเป็นต้องพบนักจิตวิทยาเด็ก ระยะกลางคือเด็กที่มีปัญหาเดิมอยู่แล้วเมื่อมาเจอกับความสูญเสีย กลุ่มนี้ต้องนำสู่กระบวนการรักษาเต็มรูปแบบทันที ส่วนในระยะยาวหมายถึงการฟื้นฟูทางสังคมและจิตใจร่วมกัน ด้วยการติดตามจากเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยเด็กในการปรับตัวและเป็นที่ปรึกษาให้กับครอบครัวอุปถัมภ์

“เราได้เดินหน้าโครงการ ‘หนึ่งบ้านหนึ่งโรงพยาบาล’ ใช้โครงสร้างการทำงานร่วมกับพื้นที่ ซึ่งกรมกิจการเด็ก ฯ มีบ้านพักรองรับเด็กอยู่แล้วในทุกจังหวัด หลายพื้นที่มีการทำงานกับโรงพยาบาลอยู่แล้ว รูปแบบที่ตามมาคือการนำชุมชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาช่วยสนับสนุนปัจจัยต่าง ๆ ให้เด็ก ในส่วนของกรมสุขภาพจิตเราได้สำรวจเครือข่ายในทุกจังหวัด พบว่ามีความพร้อมขับเคลื่อนการดูแลเด็กทั้งระยะสั้น กลาง และยาวไปด้วยกัน สำหรับบางพื้นที่ที่มีความพร้อมน้อย กรมสุขภาพจิตและทีมโรงพยาบาลจังหวัดนั้น ๆ พร้อมหนุนเสริมเต็มกำลังเพื่อให้การดูแลทำได้ทั่วถึง”พญ.ดุษฎี กล่าว

น.ส.นิโคล่า บลั้น รักษาการหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองเด็ก องค์การยูนิเซฟประเทศไทย กล่าวว่า ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก หรือ UNCRC ระบุไว้ว่า เด็กมีสิทธิที่จะเติบโตในครอบครัวตัวเอง ดังนั้นในความช่วยเหลือเด็กที่สูญเสียผู้ดูแลจากสถานการณ์โควิด-19 จำเป็นต้องมองไปที่สมาชิกครอบครัวที่เหลืออยู่ก่อน หรือใช้การดูแลทดแทนในระยะสั้น พร้อมสนับสนุนให้ครอบครัวมีศักยภาพที่เหมาะสมในการดูแลเด็ก ส่วนการแยกเด็กออกมากอยู่ในสถานสงเคราะห์หรือครอบครัวอุปถัมภ์ ควรเป็นทางเลือกสุดท้าย โดยยูนิเซฟได้ได้จัดทำคู่มือการดูแลเด็กเมื่อต้องแยกจากครอบครัว เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด และมุ่งช่วยเหลือให้กลับมาอยู่กับครอบครัวได้ในระยะเวลาสั้นที่สุด ด้วยการดูแลแบบ Family Base Alternative Care หรือทางเลือกในการดูแลแบบครอบครัว ที่สร้างพื้นที่ ‘บ้าน’ สำหรับเด็ก โดยให้เข้าไปอยู่กับครอบครัวทดแทนในระยะสั้น เพื่อเป็นการปรับตัว ก่อนมองหาครอบครัวอุปถัมภ์ระยะยาวสำหรับเด็ก ด้วยวิธีนี้จะทำให้เด็กไม่ต้องเข้าไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อจิตใจมากกว่า

“รัฐจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการสร้างระบบการช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบ โดยสนับสนุนทั้งสิ่งของ งบประมาณและจิตใจให้เด็กและครอบครัว รวมถึงผลักดันให้เข้าถึงงานสังคมสงเคราะห์ บริการสาธารณสุข มีสวัสดิการและความคุ้มครองทางสังคมรองรับ โดยจัดทำฐานข้อมูลและระบบบริหารจัดการที่ช่วยชี้เป้าและติดตามครอบครัวของเด็กกลุ่มเสี่ยงได้ อาทิ ครอบครัวพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เด็กที่อยู่กับปู่ย่าตายายลำพัง รวมไปถึงข้อมูลของเด็กกลุ่มเปราะบางทั้งหมด และทุกการตัดสินใจเด็กต้องได้มีส่วนร่วม มีสิทธิในการเลือกอนาคตตนเอง ไม่ใช่การวางแผนโดยหน่วยงานหรือผู้ใหญ่โดยที่เด็กไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย ซึ่งนี่คือการจัดการที่รัฐทำได้ผ่านเครื่องมือและกลไก และต้องมีการทำงานที่ประสานความร่วมมือหลายภาคส่วน มององค์รวมของปัญหาที่ต้องลึกลงไปในหลายมิติแง่มุมของมนุษย์” น.ส.นิโคล่า บลั้น กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

วัยรุ่นเชียงใหม่ ตะลุมบอนงานไม้ค้ำ จ.เชียงใหม่

กลุ่มวัยรุ่นตะลุมบอนชกต่อยกันในงานแห่ไม้ค้ำโพธิ์ จ.เชียงใหม่ ขณะที่ผู้จัดงานติดป้ายเตือนทะเลาะวิวาทในงาน จับได้ปรับ 75,000 มอบให้คนถ่ายคลิป 5,000

ล่า “จัก เขาบายศรี” ถ้าต่อสู้อาจจำเป็นต้องวิสามัญ

ตำรวจปิดล้อมตรวจค้นหลายจุดทั่วเมืองชลบุรี ล่าตัว “จัก เขาบายศรี” มือกราดยิงวันไหล ย่านบ่อนไก่ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต หากเจอตัวแล้วยิงต่อสู้ อาจจำเป็นต้องวิสามัญ วอนญาติรีบประสานพามามอบตัว

ข่าวแนะนำ

ปลัด ก.พาณิชย์ เสียชีวิตอย่างสงบ ในวัย 56 ปี

ครอบครัวรัชโน แจ้งข่าว นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ จากไปแล้วอย่างสงบ ด้วยวัย 56 ปี หลังจากมีอาการวูบและล้มในห้องน้ำ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.

จับตา ครม.เศรษฐา 2 โผเริ่มนิ่ง คาดไม่เกินสัปดาห์

จับตา “ครม.เศรษฐา 2” โผเพื่อไทยเริ่มนิ่ง คาดไม่เกินสัปดาห์ รอตรวจสอบประวัติว่าที่รัฐมนตรี “สุทิน-หมอชลน่าน-ไชยา-เกรียง” ส่อหลุดเก้าอี้ ด้าน “ธรรมนัส” ยันโควตา พปชร. อีก 1 ตำแหน่ง เป็นของ “ไผ่ ลิกค์”

“ดาว บ้านดอน” ลูกทุ่งดัง ล้มในห้องน้ำ

“ดาว บ้านดอน” วัย 76 ปี เจ้าของผลงานเพลงดัง ประสบอุบัติเหตุล้มในห้องน้ำ ล่าสุดลุกนั่งได้ ลืมตาได้ และรู้สึกตัวดี แต่ยังไม่สามารถพูดได้

“บิ๊กต่าย” เซ็นให้ “บิ๊กโจ๊ก-4 ลูกน้อง” ออกจากราชการไว้ก่อน

รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งให้ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” พร้อมลูกน้องอีก 4 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน หลังถูกดำเนินคดีอาญา