“ภูมิธรรม” จ่อฟ้องนักวิชาการปมตัดขา ชี้อย่าพูดให้แตกแยก

ทำเนียบ 13 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ยัน กต. เตรียมยื่นฟ้อง UN กัมพูชาผิดอนุสัญญาออตตาวา ซัดจงใจไม่ให้เกิดสันติภาพ เผยให้กองทัพ-ทุกภาคส่วน ทำความเข้าใจ ปชช. หลังหวาดระแวงอพยพอีกรอบ ย้ำรัฐบาลไม่ขัดข้อง พร้อมหนุนเครื่องมือป้องอธิปไตย จ่อ ฟ้องนักวิชาการ ที่บอกให้ตัดขา ชี้ อย่าพูดให้เกิดความแตกแยก


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดจนขาขาดอีก 1 นาย เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ว่า ตนได้รับทราบแล้ว และขอแสดงความเสียใจต่อนายทหารดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเห็นใจ เพราะกำลังทำหน้าที่อยู่

ส่วนที่มีทหารระบุหลังจากเกิดกรณีนี้ต้องมีการปกป้องตนเองนั้น ตนคิดว่า ตามสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศสามารถทำได้ ถ้าเราคิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่กระทบ และเป็นปัญหาที่ผิดอนุสัญญาต่าง ๆ โดยเฉพาะการใช้กับระเบิด ผิดอนุสัญญาออตตาวาแน่นอน แต่ก็มีขั้นตอนว่า จะต้องไปดำเนินการยื่นเรื่องฟ้องร้องกับทางสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นให้เห็นว่า เรื่องนี้เป็นปัญหา ทางยูเอ็นจะมีขั้นตอนในการที่จะแจ้งให้ทั้งสองฝ่ายทราบ และจะมีกระบวนการที่จะดำเนินการต่อไป ตรงนี้สามารถทำได้ตามกฎหมาย เมื่อเช้าวันเดียวกัน (13 ส.ค.) ได้คุยกับกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้เตรียมพร้อมที่จะยื่นเรื่องแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องใช้ความระมัดระวัง แต่เป็นเรื่องที่กระทำได้ และควรกระทำ เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เห็นได้ชัดว่า ความประสงค์ของกัมพูชาไม่ได้มีเจตนาที่จะให้เกิดสันติภาพ เดี๋ยวคงจะได้มีกระบวนการ และคงได้คุยกันกับทุกฝ่าย


ส่วนทางรัฐบาลจะต้องส่งสัญญาณไปในพื้นที่หรือไม่ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มันมีกระบวนการของมันอยู่แล้ว โดยเฉพาะทางกองทัพบกที่จะช่วยดำเนินการ ซึ่งเขาอยู่ในหน้างานอยู่แล้ว เขาสะท้อนให้ทราบ โดยกองทัพกับ กต. และรัฐบาล จะมีการคุยกัน ทั้งหมดเป็นส่วนเดียวกันอยู่แล้ว

ส่วนขณะนี้จะให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไร เพราะพอเกิดเหตุการณ์ขึ้น ประชาชนเริ่มไม่มั่นใจและเริ่มอพยพออกจากบ้านเรือนอีกครั้ง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องเห็นใจประชาชนที่ยังคงมีความหวาดระแวง แต่เป็นหน้าที่ของทุกส่วน ทั้งกองทัพ และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องที่จะต้องไปทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากขึ้นให้อยู่ในภาวะที่ไม่ตื่นตระหนกเกินไป และเดี๋ยวนี้สื่อมีมากมาย ทั้งสื่ออิสระ และสื่อหลัก มีความพยายามปั่นข่าวให้เกิดความไม่สบายใจขึ้น จึงอยากขอร้องทุกคนให้ช่วยกัน อย่างสื่อสาธารณะ สื่อหลัก ขอให้ช่วยกันทำความเข้าใจ จะช่วยได้มาก

เมื่อถามถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เสนอให้ กต.ยื่นเรื่องไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กต.ทำมาหลายเรื่อง ที่ผ่านมาได้มีการคุยกับเลขาธิการยูเอ็น และหลาย ๆ ส่วน รวมถึงทางคณะกรรมการของอนุสัญญาออตตาวา โดย กต.ยืนยันว่า ทำไปทุกอย่างแล้ว ยืนยันรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญคือ การชี้แจง หรือการทำความเข้าใจกับประชาชน และการที่จะสามารถทำให้นานาชาติได้รับรู้ อาจจะยังทำช้าไป หรือเสียงดังไม่พอ แต่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศ เชื่อมั่นว่า นานาชาติเข้าใจเรามากกว่ากัมพูชา เพราะทุกคนมองเห็น และได้เห็นรายละเอียดต่าง ๆ แล้ว ตนยังบอกไปว่า สิ่งสำคัญคือประชาชนในประเทศนี่แหละ ถ้าทำให้ประชาชนในประเทศเข้าใจจะเป็นสิ่งที่ดียิ่งขึ้น


เมื่อถามถึงกรณี กองทัพภาคที่ 2 โพสต์ขอรับการสนับสนุนลวดหนาม นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยากเรียนทำความเข้าใจกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จริง ๆ ในกระบวนการ หากคิดว่า ไม่พอ สามารถแจ้งมาที่กองทัพ หรือผู้บัญชาการทหารบกได้ และสิ่งเหล่านี้สามารถที่จะจัดได้ เพราะเป็นเรื่องที่ตนพูดอยู่ตลอดเวลากับผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้ง 3 เหล่าทัพว่า อะไรที่ขาด หรือจำเป็นให้รีบทำเรื่องเสนอขึ้นมา รัฐบาลจะให้งบกลางช่วยเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องนี้เสนอมา ส่วนใหญ่เสนอมายังคณะรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องเหล่านี้หากเสนอขึ้นมาอนุมัติหมด ไม่ว่า จะเป็นเรื่องของงบประมาณกำลังพลทั้งหมด จริง ๆ ยังไม่จำเป็นไปถึงขนาดขึ้นเพจเฟซบุ๊กขอให้ประชาชนมาช่วย ตนคิดว่าจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจ รัฐบาลไม่มีอะไรขัดขวาง อยากจะเรียนให้แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ทราบเพราะว่า ถ้าขาดจริง ๆ บอกมา เรามีงบประมาณให้อยู่แล้ว และได้บอกไปแล้วว่า ตอนนี้อะไรที่สามารถเอามาจากตรงไหนได้ให้เอามาก่อน ตรงไหนขาดบอกมาจะใช้วิธีพิเศษที่สามารถพิจารณาให้ได้เลย เพื่อให้ได้ของ ซึ่งเรื่องนี้ตนคิดว่า จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันได้

ทั้งนี้ ยืนยันว่า อะไรที่ขณะนี้เป็นเรื่องที่ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับกำลังพลในการรักษาอธิปไตยของประเทศ รัฐบาลนี้ไม่ขัดข้อง ได้มีการเปิดงบกลางให้ได้ใช้อยู่แล้ว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนอยากขอความกรุณา และกราบเรียนพี่น้องประชาชน ช่วยกันในการแก้ปัญหา ตนก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมเหมือนกัน แต่ว่า อยู่ในฐานะหน้าที่เราพยายามจะนิ่งให้ได้มากที่สุด การที่บอกว่า ตนไปเข้าข้างเขมร บอกว่าระเบิดที่ลงที่โรงพยาบาล ไม่ใช่อย่างโน้นอย่างนี้ ไม่จริง และถ้าไปดูเทปทั้งหมดเขาถามว่า จะชี้แจงอย่างไรหรือไม่ ทำไมระเบิดถึงลงเฉพาะที่นี่ ตนก็บอกว่า เขาไม่ได้ยิงเฉพาะเจาะจงเป้าหมาย หากยิงเฉพาะเจาะจงเป้าหมายจะไม่มีการเสียชีวิตของพลเรือนเลย เป็นการยิงด้วยระเบิด BM- 21 ที่ออกมาทีจำนวนมากกระจัดกระจายไม่ได้ไปที่เป้าหมายทางทหาร นั่นหมายความว่า พลเรือนและโรงพยาบาล ตนคิดว่าอย่าเอาไปบิดเบือน ทำลายรัฐบาล สร้างความไม่ไว้วางใจรัฐบาล ทำให้ประชาชนในประเทศเกิดความแตกแยก

“มีนักวิจารณ์การเมืองบางคน ไปพูดว่า ให้ตัดขาผม จะได้รู้ว่า หัวอกเป็นอย่างไร ทั้งหมดนี้ตนจะฟ้องหมด ซึ่งตนเป็นคนที่ไม่คิดจะฟ้องใคร แต่คิดว่าเรื่องนี้ต้องทำให้ประจักษ์อย่างที่เคยทำในอดีต เคยถูกโจมตี จนกระทั่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล แพ้ตนในชั้นศาลฎีกา อันนี้เคยมาแล้ว ขอโทษมาแล้ว เรื่องนี้เหมือนกัน อย่าพูดอะไรพล่อย ๆ อย่าพูดอะไรทำให้เกิดความแตกแยก อย่าพูดอะไรที่ทำร้ายคนอื่น อยากให้สื่อช่วยด้วยในสิ่งที่ตนพูดไป ไม่อย่างนั้นตนจะพูดในสิ่งที่ควรจะพูดเท่านั้น จะไม่พูดอะไรที่มากไปกว่านี้แล้ว เพราะพูดไปแล้ว มีการไปทำร้ายกัน เอาไปบิดเบือนกัน ตัดตอนบางส่วนที่พูด แล้วก็ไม่มีใครช่วยเหลือ คิดว่า ต้องทำให้เป็นธรรม ไม่อย่างนั้นก็ไม่เหมาะสม อันนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในใจผม กำลังจะให้ทนายผมดำเนินการฟ้องทั้งหมด ที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง ซึ่งข้อมูลและสิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์ทั้งหมดเก็บไว้หมดแล้ว” นายภูมิธรรม กล่าว.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

วิศวกรรมสถานฯ ห่วงดินอ่อนเสี่ยงขยายวง หลังถนนหน้า รพ.วชิรพยาบาล ทรุดตัว

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – วิศวกรรมสถานฯ ตรวจสอบเหตุถนนทรุด หน้า รพ.วชิรพยาบาล เบื้องต้นพบยังมีน้ำรั่วซึม ทำให้ดินใต้ถนนอ่อนตัว มีโอกาสสไลด์เพิ่ม หากมีฝนตกลงมา นายธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุผิวจราจรทรุดตัวบริเวณถนนหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ายังมีน้ำรั่วซึม ทำให้ดินใต้ถนนอ่อนตัวและมีโอกาสสไลด์เพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะหากมีฝนตกลงมา จะเพิ่มความเสี่ยงให้พื้นที่ไม่คงตัวมากขึ้น ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเร่งหาทางปิดแหล่งน้ำที่รั่วซึม ทั้งจากท่อประปาและท่อระบายน้ำ ซึ่งยังมีน้ำไหลออกมาเป็นระยะ หากสามารถหยุดได้จะช่วยสร้างเสถียรภาพชั่วคราวให้กับดิน และลดโอกาสการขยายวงของการทรุดตัว พร้อมกันนี้มีการนำเครื่องมือสำรวจ เช่น 3D Scan มาช่วยวัดความกว้าง ความยาว และความลึกของหลุม เพื่อประเมินความปลอดภัยและแนวทางแก้ไขอย่างชัดเจน สำหรับอาคารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาล (สน.ใหม่) พบว่าเสาเข็มบางต้นหักหรือแตกร้าว ทำให้ต้องตรวจสอบรอยร้าวของโครงสร้างอาคารอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันอันตรายต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ นายธเนศ เน้นย้ำว่า มาตรการสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือการปิดกั้นพื้นที่เสี่ยงและไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าใกล้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้วิศวกรรมสถานฯ ได้เสนอแนวทางเบื้องต้น คือการควบคุมน้ำไม่ให้รั่วซึม การกั้นเขตพื้นที่เสี่ยง และการติดตามโครงสร้างอาคารโดยรอบอย่างต่อเนื่อง ก่อนประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าพื้นที่จะกลับมาเสถียรและปลอดภัยเมื่อใด ด้านนายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณถนนทรุด […]

นายกฯ รุดตรวจถนนยุบ สั่งเร่งหาสาเหตุ คุมสถานการณ์ได้แล้ว

สามเสน 24 ก.ย.- นายกฯ รุดตรวจเหตุถนนสามเสนยุบตัว ขึ้นตึกวชิรพยาบาล ดูมุมสูง ชี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว บอกไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่ทรัพย์สินเสียหาย ห่วง สน.สามเสน เสาเข็มขาด 2-3 ต้น ประสานโรงพยาบาลในเครือ รองรับผู้ป่วย มอบโยธารวบรวมผู้เชี่ยวชาญหาสาเหตุที่แท้จริง ด้าน รฟม. น้อมรับชดเชยค่าเสียหายทุกอย่าง ขณะผู้ว่าฯ กทม. สั่งเตรียมเครื่องสูบน้ำ หวั่นฝนถล่มซ้ำ กันประชาชนเข้าใกล้รัศมี 100 เมตร ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 10.35 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ถนนสามเสน บริเวณด้านหน้า โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รอรับและรายงานสถานการณ์ และการลงพื้นที่ครั้งนี้มี น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารกระทรวงคมนาคม นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายไชยชนก […]

สั่งหยุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง พื้นที่เกิดเหตุถนนทรุด

กรุงเทพ 24 ก.ย.- รฟม. สั่งการให้หยุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงในพื้นที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุถนนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน ตามที่เกิดเหตุพื้นถนนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน ใกล้เคียงกับจุดก่อสร้างทางขึ้น-ลงที่ 4 สถานีวชิรพยาบาล (PP19) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 กันยายน 2568 นั้น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แจ้งให้นางมัลลิกา จิระพันธุ์วานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ร่วมกับนายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อกำกับดูแลการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด โดยในเบื้องต้น ผู้ว่าการ รฟม. พร้อมด้วยผู้อำนวยการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ และทีมงาน ได้สั่งการให้หยุดการก่อสร้างบริเวณพื้นที่เกิดเหตุในทันที เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุ พร้อมทั้งปิดกั้นพื้นที่ก่อสร้างบางส่วน และอพยพประชาชนโดยรอบออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย รฟม. ได้ประสานหน่วยงานสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง ทั้งการประปานครหลวง การไฟฟ้านครหลวง บริษัทโทรคมนาคม และตำรวจในพื้นที่ เพื่อเร่งแก้ไขสถานการณ์ รวมถึงจัดการจราจรในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้สัญจร ทั้งนี้ […]

วชิรพยาบาลปิดรับผู้ป่วยนอก 2 วัน เหตุถนนทรุดไม่กระทบอาคาร

24 ก.ย.- คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ยันตัวอาคารโรงพยาบาลไม่ได้รับผลกระทบ ขอปิดรับผู้ป่วยนอก 2 วัน รับกังวลการมาทำงานของเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ผศ.นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล กล่าวถึงกรณีการทรุดตัวลงของพื้นผิวถนนหน้าโรงพยาบาลวิชรพยาบาลว่า ตัวของโรงพยาบาลไม่มีผลกระทบอะไรเลย เพราะด้านหน้ามีกำแพงกั้นดินที่ลึกถึง 60 เมตร และตัวอาคารทีปังกรฯ มีกำแพงอยู่ แต่เพื่อความไม่ประมาทและการจราจรก็มีปัญหาจึงได้หยุดให้บริการตึกผู้ป่วยนอกเป็นเวลา 2 วัน และตึกดังกล่าวไม่ได้มีการอพยพผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยทั้งหมดในตึกนั้นเป็นผู้ป่วยนอกจึงไม่จำเป็นที่จะต้องอพยพ ทั้งนี้ หากมีเหตุจำเป็นและเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินทางโรงพยาบาลยังเปิดให้บริการอยู่ ตอนนี้เราเป็นห่วงในเรื่องของการจราจรส่วนอาคารนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร ในส่วนของการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยก็ยังสามารถใช้ประตูอื่นบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลได้ ส่วนที่เรากังวลคือการเดินทางมาทำงานของเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาล. -สำนักข่าวไทย