“นักวิชาการ-สื่อ” มองศาลยุคปัจจุบันปรับตัว รับคำวิจารณ์

โรงแรมอัศวินฯ 14 ก.ค.-“นักวิชาการ-สื่อ” มองศาลยุคปัจจุบันปรับตัว รับคำวิจารณ์ เป็นหลักประชาธิปไตย ชี้หากแก้ไขที่มาตุลาการให้เลือกตั้ง หวั่นซ้ำรอยต่างประเทศ ขอให้ปรับการสื่อสาร เร็ว-เข้าใจง่าย ซัดนักการเมืองมองรัฐธรรมนูญเป็นต้นไม้พิษ แต่เลือกกินผลที่เป็นประโยชน์ ไม่เคยแก้ไขตัวเอง แต่อ้างนิติสงคราม ศาลรัฐธรรมนูญ จัดการเสวนาหัวข้อ “การสร้างระบบถ่วงดุลและบทบาทหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต” นายวันวิชิต บุญโปร่ง รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า มีการตั้งคำถามว่ามีสิทธิ์อะไรที่คนแค่ 9 คน มาตัดสินอนาคต หรือคนที่ได้รับฉันทามติจากประชาชนโดยตรงนั้น แต่ปัญหาการสื่อสาร รับข้อความบ้านเรา ชอบมองที่ปลายน้ำไม่มองต้นน้ำ ว่าที่ถูกร้องเรียนนั้นเพราะอะไร แล้วเอาปลายน้ำมาตั้งคำถาม และถามการได้มาของศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าต้องการประชาธิปไตยจ๋า แบบเม็กซิโก ประชาชนเลือกตั้งศาลทุกระดับ พบว่าประชาชนใช้สิทธิ์แค่ 13% หรือแค่ล้านกว่าคน จากจำนวนคนของทั้งประเทศ ทำให้มีการวิจารณ์ระบบยุติธรรมของชาติตามมา ฝ่ายการเมืองก็คิดวางอำนาจของตน กลายเป็นว่าศาลต้องวิ่งหานักการเมือง วิ่งหาฐานเสียง ทำให้คนมองว่ากระบวนการยุติธรรมถูกปู้ยี้ปู้ยำ แต่ฝ่ายการเมืองบอกว่านี่คือประชาธิปไตย ดังนั้นหากเรื่องนี้เกิดขึ้นในไทย คิดว่าคนค่อนประเทศ หรือส่วนใหญ่จะสวดชยันต์โต ย้อนไปร้อยกว่าปี อำนาจศาล พระเดชพระคุณอยู่ที่คนคนเดียว แล้วจะเอาอย่างนั้นหรือ “ผมคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.นี้ […]

นักวิชาการมองปมฟ้อง “ฮุน เซน” เกินเขตอำนาจศาลไทย

กทม. 23 มิ.ย. – นักวิชาการธรรมศาสตร์ วิเคราะห์สาเหตุที่ “กัมพูชา” ช่วงชิงการนำในการประกาศมาตรการต่างๆ ก่อนไทยดำเนินการ เช่น ระงับนำเข้าน้ำมันและก๊าซ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ประเทศที่กำลังปกป้องอธิปไตยจากผู้ถูกรุกราน ซึ่งจะได้ประโยชน์หากสถานการณ์ถึงจุดที่อาเซียนจะเข้ามาเป็นตัวกลางเจรจา ระบุกรณีไทยฟ้อง ฮุน เซน เกินเขตอำนาจศาลไทย ผศ. ธนภัทร ชาตินักรบ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยถึงกรณีที่ประเทศกัมพูชาประกาศระงับนำเข้าน้ำมันและก๊าซทุกชนิดจากประเทศไทยว่า เหตุผลที่กัมพูชาต้องช่วงชิงการนำในการตัดสินใจเชิงนโยบายต่างๆ ก่อนที่ประเทศไทยจะดำเนินการ เช่น การประกาศระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซทุกชนิดจากไทยก่อนที่ไทยจะประกาศระงับการส่งออกไปยังกัมพูชานั้น ถือเป็นแนวทางการตอบโต้ที่เรียกว่าการทูตเชิงรุก เพื่อวางกรอบภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูเป็นประเทศที่มั่นคงและยึดหลักการปกป้องอธิปไตยของตนเอง มากกว่าเป็นประเทศเล็กๆ ผู้ถูกรุกรานที่คอยตั้งรับเพียงอย่างเดียว และยิ่งกัมพูชาพยายามแสดงว่าการกดดันของไทยไม่เป็นผลมากเท่าใด ก็จะยิ่งทำให้ไทยต้องยกระดับมาตรการกดดันให้เข้มข้นมากขึ้นอีก ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้จะทำให้ไทยมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในสายตาของเวทีระหว่างประเทศ แต่กลับทำให้กัมพูชาดูดีในฐานะประเทศที่กำลังปกป้องอธิปไตยตนเองจากผู้รุกราน ผศ. ธนภัทร กล่าวว่า หากไทยยกระดับมาตรการกดดันขึ้นไปเรื่อยๆ จนผลกระทบขยายตัวและลุกลามไปจนเริ่มสร้างผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ ที่ไม่ใช่กัมพูชา เกิดเป็นความเสียหายต่อเศรษฐกิจหรือการค้าในระดับภูมิภาคอาเซียน ตรงนี้จะเป็นการตอกย้ำว่ากลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC ใช้ไม่ได้ผล จำเป็นต้องมีประเทศที่ 3 หรือเวทีนานาชาติในระดับอาเซียนเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาหาทางออก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง กัมพูชาจะมีภาพจำว่าเป็นผู้ปกป้องอธิปไตยของตนเองและตอบโต้ไทยอย่างมีหลักการ ขณะที่ไทยคือผู้รุกรานที่ยกระดับมาตรการกดดันจนกระทบต่ออาเซียน สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเหตุผลที่กัมพูชาพยายามช่วงชิงการนำ […]

นักวิชาการแนะอ่านโพลก่อนปรับ ครม.

กทม.15 มิ.ย.-นักวิชาการแนะอ่านโพลก่อนปรับ ครม. ชี้สะท้อนความต้องการของประชาชนที่สุด​ อยากแก้ปัญหาประชาชน ก็ต้องฟังเสียงประชาชน รองศาสตราจารย์ โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพากล่าวถึงกรณีมหิดลโพลเผยแพร่ผลการสำรวจในประเด็นเรื่องของการปรับ ครม. ซึ่งมีอยู่ 5 กระทรวงที่อยู่ในข่าย ความต้องการของประชาชนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงพม. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ​ว่า​ ในกระแสข่าวว่ามีความต้องการจากพรรคเพื่อไทยในการปรับ ครม.ขอแนะนำว่าหากต้องการทำเพื่อแก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริงก็ให้นำโพลล่าสุดไปประเมิน เพื่อนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง โพลที่ออกมาเป็นตัวช่วยชั้นเลิศ รัฐบาลไม่ต้องทำอะไรแล้ว แค่ฟังเสียงประชาชนและอ่านโพลให้เป็นเท่านั้น รองศาสตราจารย์ โอฬาร​ กล่าวว่า​ ถ้าจะปรับ ครม. ก็ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนไม่ใช่ปรับ เพื่อตอบสนองทางการเมือง เล่นเกมอำนาจโดยไม่เห็นหัวพี่น้องคนไทย อย่าใช้โอกาสในการปรับ ครม. เพื่อสนอง ผลประโยชน์ของตัวเอง ทั้งในเรื่องของการเลือกตั้งและในเรื่องของนโยบายกาสิโน เราทุกคนรู้ว่าความต้องการที่จะฮุบกระทรวงมหาดไทยนั้นเป็นไปเพื่ออะไร​ แต่ถามว่าประชาชนได้ประโยชน์ตรงไหนหากทำสำเร็จแล้วทั้งที่กระทรวงมหาดไทยไม่ได้อยู่ในกลุ่ม กระทรวงที่สมควรต้องถูกปรับเปลี่ยนเสียด้วยซ้ำ รองศาสตราจารย์ โอฬาร​ ย้ำว่า หากจะปรับ ครม.ก็ต้องใช้โอกาสนี้ทำไปเพื่อพี่น้องประชาชน ผลโพลที่ออกมาบอกปัญหาของรัฐบาลไปหมดแล้วว่ากระทรวงไหนต้องรีบแก้ไข อย่างกระทรวงกลาโหม แทบทุกคนฟันธงตรงกันว่าขณะนี้ยังเดินตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเห็นว่าราคาพืชผลตกต่ำ กระทรวงการคลังก็ไม่มีผลงานที่ชัดเจน […]

นักวิชาการมองทิศทางประชุม JBC วันที่สอง

14 มิ.ย. – การประชุม JBC ระหว่างไทย-กัมพูชา วันแรกยังไม่ได้ข้อสรุป ต้องพักการประชุม เพราะกัมพูชามองว่าเป็นไทยที่แถลงฝ่ายเดียว ไม่ใช่ผลการประชุมร่วม นัดประชุมใหม่พรุ่งนี้เช้า (15 มิ.ย.) นักวิชาการมองเรื่องนี้อย่างไร ผลการเจรจาจะออกมาในรูปแบบใด ไปพูดคุยกับ อ.ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย .-สำนักข่าวไทย

นักวิชาการวิเคราะห์มาตรการไทย-กัมพูชา ใครได้ ใครเสีย

13 มิ.ย. – ฟังมุมมอง รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช นายกสมาคมภูมิภาคศึกษา และอาจารย์ประจำสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังกัมพูชาออก 6 มาตรการกดดันไทย ไม่ซื้อเน็ต ไม่ซื้อไฟ ใครได้ ใครเสีย.-สำนักข่าวไทย

นักวิชาการเตือนอย่าชะล่าใจ แม้สถานการณ์ชายแดนผ่อนคลาย

กทม. 9 มิ.ย. – นักวิชาการ มธ. เตือนอย่าเพิ่งชะล่าใจ เร่งฝึกซ้อมแผนอพยพ-จุดหลบภัย ‘เตรียมกระเป๋าฉุกเฉิน’ ทั้งก่อน-ระหว่าง-หลัง เกิดเหตุ เน้นดูแลกลุ่มเปราะบาง แม้สถานการณ์ไทย-กัมพูชาผ่อนคลาย รศ.อัจฉรา ชลายนนาวิน คณบดีคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา จะดูผ่อนคลายลงในระดับหนึ่งแล้ว แต่ประเทศไทยยังไม่ควรนิ่งนอนใจ หรืออย่าเพิ่งชะล่าใจ แต่ควรใช้โอกาสนี้เร่งเตรียมความพร้อมให้กับประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดนที่อาจจะได้รับผลกระทบหากเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ รัฐบาลต้องมีมาตรการเร่งด่วนในการซักซ้อมแผนรับมือกับภัยพิบัติสงคราม อาทิ กำหนดจุดรวมพล จุดหลบภัย แผนการอพยพ การดูแลประชากรกลุ่มเปราะบาง เด็ก คนชรา ผู้พิการ หญิงตั้งครรภ์ การจัดทำแผนที่ชุมชนและมาตรการชุมชนเมื่อเผชิญเหตุ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้ประชาชนมีความพร้อม ไม่ตื่นตระหนก ไม่สับสนหรือขาดสติในขณะที่เกิดเหตุ สำหรับประชาชนที่อยู่ในอาศัยในพื้นที่เสี่ยง คำแนะนำคือควรใช้เวลานี้ตระเตรียมกระเป๋าฉุกเฉิน ซึ่งมีอุปกรณ์ยังชีพพื้นฐาน เอกสารสำคัญ ยาสามัญประจำตัว ฯลฯ หากเกิดเหตุก็สามารถหยิบกระเป๋าใบนี้แล้วเดินทางไปยังพื้นที่หรือศูนย์หลบภัยได้ทันที รศ.อัจฉรา กล่าวว่า หากเกิดการปะทะระหว่างทหารทั้งสองฝ่าย ประชาชนกลุ่มคนเปราะบางจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ฉะนั้นสิ่งที่พื้นที่หรือชุมชนต้องดำเนินการคือการจัดทำระบบเตือนภัยพิเศษ […]

นักวิชาการแนะเร่งเจรจากัมพูชา ด้วยท่าทีชัดเจน

29 พ.ค. – อ.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ มองท่าทีผู้นำระดับสูงกัมพูชาที่แสดงออกผ่านเฟซบุ๊ก เป็นลักษณะการเมืองสองหน้า แนะไทยต้องเร่งทำความเข้าใจภายในประเทศ และข้อยุติที่ตรงกันต่อ MOU 44 จากนั้นควรเร่งเจรจากัมพูชา ด้วยท่าทีที่ชัดเจนและเข้มแข็งของผู้นำ.-สำนักข่าวไทย

นักวิชาการเผยปีนี้มีปัจจัยทำให้เกิดน้ำท่วม

27 พ.ค. – ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชี้ปีนี้ฝนตกมาก มีปัจจัยทำให้เกิดน้ำท่วม ช่วงเดือนตุลาคมมีโอกาสได้รับผลกระทบจากพายุมากที่สุด อาจารย์สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อม โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าปีนี้ฝนตกมาก มีปัจจัยทำให้เกิดน้ำท่วมได้ เนื่องจากประเทศไทยเผชิญกับฝนตกหนักเกือบ 80% ของพื้นที่ โดยในเขต กทม.-ปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคกลาง และชายฝั่งทะเลอันดามันจะได้รับผลกระทบหนักถึงหนักมาก จนถึงวันที่ 27 พฤษภาคม จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เป็นเพียงพื้นที่เดียวที่รอดพ้นจากสภาพอากาศเลวร้าย จากการคาดการณ์จากปัจจัยของลม ร่องมรสุมต่างๆ ทำให้ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงกลางเดือนตุลาคม ประเทศไทยจะมีฝนชุก เเละประเทศไทยมีโอกาสได้รับผลกระทบจากพายุมากที่สุดช่วงเดือนตุลาคม พายุมีโอกาสเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แต่มีโอกาสมากขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป และเดือนตุลาคมเป็นเดือนที่มีโอกาสมากที่สุด ซึ่งปีนี้ฝนตกมาก น้ำมาก อาจมีพายุเคลื่อนเข้ามามากขึ้นเพราะช่วงนี้ประเทศในแถบเอเชียใต้ เช่น อินเดีย ปากีสถาน มีสภาวะอากาศร้อนสุดขีดถึง 50 องศาเซลเซียส ที่อ่าวเบงกอลอาจจะเกิดพายุขึ้นได้.-สำนักข่าวไทย

นักวิชาการเตือน กาสิโนส่อเพิ่มคดีฆาตกรรม

กรุงเทพฯ​ 19 พ.ค.​ – อาจารย์​ภาควิชา​เศรษฐศาสตร์​ มหา​วิทยา​ลัยเกษตร​ศาสตร์​ชี้ตัวอย่างจากหลายประเทศในเอเชีย กาสิโนกลายเป็นแหล่งซ่องสุมอาชญากรรม​ แนะควรใช้กรอบการวิเคราะห์จากอาชญาวิทยาควบคู่กับเศรษฐศาสตร์ และปราบคอร์รัปชันอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้การเปิดกาสิโนกลายเป็นการซ้ำเติมปัญหาสังคมในระยะยาว รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แสดงความกังวลว่า หากประเทศไทยเดินหน้าผลักดันให้มีกาสิโนถูกกฎหมายโดยที่ยังไม่สามารถควบคุมการทุจริตและอาชญากรรมเชิงโครงสร้างได้ อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของคดีฆาตกรรมและอาชญากรรมร้ายแรงในรูปแบบอื่นๆ ในระหว่างการนำเสนอผลงานวิจัยในการสัมมนาทางวิชาการประจำปีของภาควิชาเศรษฐศาสตร์ หัวข้อ “Entertainment Complex และบุหรี่ไฟฟ้า: ทางหลายแพร่ง?” รศ.ดร.ชิดตะวัน เปิดเผยว่า ประเทศในเอเชียที่มีปัญหาคอร์รัปชันสูง เช่น กัมพูชา ลาว และฟิลิปปินส์ ล้วนประสบปัญหาการก่ออาชญากรรมเพิ่มขึ้นหลังจากอนุญาตให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย พร้อมกัน​นี้ตัวอย่างเช่น ในกัมพูชาและลาว พบว่าพื้นที่ตั้งกาสิโนมักกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มอิทธิพล การค้าสัตว์ป่า ยาเสพติด และการค้ามนุษย์ โดยเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่มาเลเซีย แม้มีกาสิโนถูกกฎหมายเพียงแห่งเดียวคือ “เก็นติ้งไฮแลนด์” แต่ก็ยังพบคดีฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยเงินกู้นอกระบบซึ่งมักจบลงด้วยการลักพาตัว กักขัง หรือสังหารเมื่อลูกหนี้พนันไม่สามารถชำระหนี้ได้ ในประเทศที่ไม่มีระบบกำกับดูแลเข้มแข็ง กาสิโนจะกลายเป็นศูนย์กลางของปัญหา ไม่ใช่ทางออกทางเศรษฐกิจ รัฐต้องจัดการกับคอร์รัปชันและยกระดับความปลอดภัยของประชาชนก่อน” รศ.ดร.ชิดตะวัน กล่าว แม้แต่ในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร […]

นักวิชาการ ชี้ข่าวลบไม่กระทบคะแนนเสียง สท.ธัญบุรี

การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี วันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค.นี้ นับว่าแข่งขันกันดุเดือด นักวิชาการ และประชาชนมองอย่างไร ลองไปไล่เรียงกัน

1 2 3 21
...