กรุงเทพฯ 9 ก.ย.-นักวิชาการ ชี้ “ทักษิณ” ยังอยู่ในสมการการเมืองแม้ถูกจำคุก แต่พลังคงลดลง และไม่แข็งแกร่งพอ หากเลือกตั่งตามกรอบ MOA เพื่อไทยคงยังไม่ฟื้น และมี สส.ไหลออก
นายสติธร ธนานิธิโชติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทยถึงสถานการณ์ การเมืองหลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลฎีกา มีคำสั่งบังคับโทษ จำคุก 1ปี คดีชั้น 14 ว่า ไม่ว่าจะอย่างไรนายทักษิณ ก็ยังต้องอยู่ในสมการการเมือง เพียงแต่ว่าบทบาทต้องไปอยู่หลังฉากมากขึ้น ไม่ใช่บทบาทเดิมที่ออกมาแสดงวิสัยทัศน์ เหมือนที่ผ่านมา เพราะวันนี้ชัดเจนแล้วว่าต้องถูกคุมขัง แต่ในฐานะที่เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณก็ยังมีอยู่ หากใครที่ยังต้องการทำงานการเมืองต่อกับพรรคเพื่อไทยก็อาจจะอ้างอิงนายทักษิณ ได้
อย่างไรก็ตาม เร็วเกินไปที่จะประเมินว่าการที่ สส.พรรคเพื่อไทย ยังโหวตเลือกนายชัยเกษม นิติศิริ เป็นการยืนยันว่ายังคงอยู่กับพรรคเพื่อไทย มีที่ไปเพียง 9 คน เพราะต้องยอมรับว่าทางฝั่งพรรคภูมิใจไทยกับพรรคร่วมรัฐบาล ในขณะนี้ค่อนข้างหนักแน่น กับคำมั่นสัญญากับพรรคประชาชนว่าจะไม่เติมเสียง สส. เข้ามาใน ฝั่งรัฐบาลและยอมเป็นรัฐบาลเสี่ยงข้างน้อย ดังนั้น การที่ สส. พรรคเพื่อไทยโหวตให้นายชัยเกษม อยู่ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันอะไร ว่าหากมีการยุบสภาจริง แล้วมีการเลือกตั้ง สส.เหล่านั้นจะยังคงอยู่กับพรรคเพื่อไทยต่อ แต่ตอนนี้แน่นอนว่ารับสภาพการเป็น สส.พรรคฝ่ายค้านในนามพรรคเพื่อไทย ส่วนคนที่ไม่รับสภาพก็เห็นชัดเจนว่าลาออกและไปอยู่ฝั่งภูมิใจไทย ในคณะรัฐมนตรี จึงไม่มีหลักประกันว่าหลังยุบสภาแล้ว จะมี สส. หันเหไปทางอื่น
สำหรับอนาคตของพรรคเพื่อไทยหลังจากที่นายทักษิณ ตัดสินใจกลับมาประเทศไทยและรับฟังคำตัดสินของศาลนั้น นายสติธร กล่าวว่าในระยะสั้น พรรคเพื่อไทยอาจจะยังไม่ฟื้นง่ายๆ หากดูตามเงื่อนเวลา แม้นายทักษิณ จะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ และระยะเวลาที่ศาลให้คุมขังนายทักษิณเป็นเวลา 1ปี หมายความว่า หากไทม์ไลน์ทางการเมืองเป็นไปตาม MOA ของพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน คือ 4 เดือนยุบสภา ไม่เกิน 60 วัน มีการเลือกตั้งและไม่เกิน 2 เดือน รู้ผลเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่ก็ยังอยู่ในช่วงเวลา 1 ปีที่นายทักษิณ ถูกคุมขังอยู่ แปลว่าบทบาทของพรรคเพื่อไทย แม้จะยังอยู่บนหน้ากระดานการเมืองในสนามเลือกตั้ง แต่อาจจะไม่เข้มแข็งหรือแข็งแกร่งมากพอ ดังนั้นการเมืองก็น่าจะชัดว่า เป็นการแข่งกันระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน เป็นสองพรรคใหญ่ และมีพรรคอื่นๆ ที่เป็นพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กอีกจำนวนมาก โดยน่าจะเป็นระบบที่มีหลายพรรคแข่งกันมาก
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่า แม้นายทักษิณ จะได้รับการลดโทษก็ไม่สามารถออกมาทันช่วยพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง ใช่หรือไม่ นายสติธร กล่าวว่า นายทักษิณ ไม่น่าจะทันในแง่ของการออกมาปรากฏตัวในเวทีปราศรัยต่างๆ แต่อาจจะมีการให้คำปรึกษาเรื่องความคิดความอ่าน หรือถูกใช้ชื่อเพื่อการอ้างอิงในการหาเสียง ก็สามารถทำได้ แต่แน่นอนว่าพลังจะไม่เท่ากับการที่นายทักษิณ มีบทบาท เองไปช่วยหาเสียงหรือไปช่วยพูดคุยกระชับความสัมพันธ์กับฐานเสียง ดังนั้นปรากฏการณ์ สส. ไหลออก จากพรรคเพื่อไทยไม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ แต่พอยุบสภาและชัดเจนว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ตนคิดว่าน่าจะมี สส. พรรคเพื่อไทยออกอีกแน่นอน
“วันนี้ในฐานะที่ยังมีสถานะสส.กันอยู่ และดูเหมือนว่าประตูที่จะไปเปิดเป็นคณะรัฐมนตรี เป็นไปไม่ได้เพราะมีคำมั่นสัญญากันอยู่ บรรดาสสที่อยู่กับพรรคเพื่อไทยวันนี้คงต้องรอโอกาสไปก่อน และประเมินสถานการณ์กันอีกที ถ้าการเลือกตั้งมาเร็วตาม MOA สี่เดือนยุบสภา ผมคิดว่าถึงวันนั้นกระแส ความนิยมของพรรคเพื่อไทย อาจจะยังไม่ฟื้นซะทีเดียว ประกอบกับบทบาท ของคุณทักษิณ เองก็ต้องลดลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นบรรดา สส. ที่เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพา แบรนด์ของพรรคเพื่อไทยในการสู้ โดยเฉพาะในระบบเขต ผมก็เชื่อว่าเขาคงต้องดูว่า จุดหมายปลายทางที่จะไปอยู่พรรคนั้น และช่วยให้เขา ชนะเลือกตั้งกลับเข้ามาได้ คือพรรคไหน อาจจะเป็นพรรคที่มีอยู่ตอนนี้ หรือ เป็นพรรคใหม่ที่จะเกิดขึ้น อันนี้เกิดขึ้นได้ครับ” นายสติธร กล่าว.-1.-312.-สำนักข่าวไทย