รัฐสภา 29 ก.ย.- “ศิริกัญญา” เผย นโยบายรัฐบาล “อนุทิน” ไม่ต่างจาก 2 รัฐบาลที่ผ่านมา บอก ไม่ได้คาดหวัง แต่รัฐบาลต้องเน้นแก้ปัญหาเฉพาะจุด ไม่ตัดสินใจอะไรที่ส่งผลเสียต่ออนาคต ชี้ นโยบายเศรษฐกิจ ไม่มีเป้า-แผนงานที่ชัดเจน ติง อัดงบ “คนละครึ่ง” หวังผลทางการเมืองหรือไม่
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายคำแถลงนโยบายรัฐบาล ว่า คำแถลงนโยบายที่ดีควรเป็น Government Policy Statement คือ ต้องเป็นระบบนำทางที่จะบอกว่า เป้าหมายรัฐบาลคืออะไร และจะเดินไปเส้นทางไหน เพื่อสู่จุดหมายหรือเป้าหมายนั้นๆ ด้วยวิธีการใด และจะไปถึงเป้าหมายเมื่อไร และมองว่า คำแถลงนโยบายยังอยู่ในแพลตเทิร์นเดิมๆ ไม่แตกต่างคำแถลงนโยบายของ 2 รัฐบาลที่ผ่านมา หรือแม้กระทั้งรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยซ้ำไป ซึ่งขาดความชัดเจนเป้าที่จะไปถึง ไม่มีการใส่ตัวชี้วัดใดๆ ทั้งสิ้นถึงแม้ไทม์ไลน์ของรัฐบาลจะระบุว่า ทุกอย่างจะต้องเสร็จภายใน 4 เดือน คำขยายก็เป็นอย่างกว้างๆ ลอยๆ เช่น อย่างเหมาะสม หรือ อย่างเป็นธรรม ซึ่งเป็นนามธรรมมากๆ
“เราไม่ได้คาดหวังกับรัฐบาลนี้มากขนาดนั้น ว่า จะต้องมีนโยบายแก้ปัญหา มีการตั้งเป้าหมาย ไม่ได้คาดหวังแม้กระทั้งว่า ต้องทำตามเป้าหมายที่หาเสียงไว้ ซึ่งไม่ได้เปิดดูว่า ภูมิใจไทยหาเสียงอะไรไว้ แล้วจะเหมือนหรือต่างคำแถลงนโยบายนี้”น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลนี้มีข้อจำกัดทั้งในมิติระยะเวลาและมิติของงบประมาณ แต่สิ่งที่เราคาดหวัง คือ การบริหารจัดการประเทศนี้แบบประคับประคองไปจนถึงการเลือกตั้ง เน้นการแก้ปัญหาเฉพาะจุด เฉพาะหน้า และไม่ต้องตัดสินใจทำอะไร ที่จะเกิดความเสียหายแบบที่จะแก้ไขไม่ได้อีกในอนาคต และที่สำคัญไม่ฉวยโอกาสหากินจากภาษีของประชาชน
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จะเห็นได้ว่า ด้วยอายุรัฐบาลเพียง 4 เดือน ทุกนโยบายจึงเป็นนโยบายเร่งด่วนล้วนๆ และต้องทำอย่างไรสำเร็จใน 4 เดือนได้จริง และขอบเขตงานต้องชัดมากๆ ไม่เช่นนั้นใน 4 เดือน จะเห็นเพียงแผนงานที่สุดท้ายต้องรอรัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจเต็มมาปฏิบัติต่อ ซึ่งอาจจะเป็นความสูญเปล่า
น.ส.ศิริกัญญา ยังรู้สึกผิดหวังต่อคำแถลงนโยบาย เพราะไม่ได้ช่วยสร้างความกระจ่างชัดเจน แต่สร้างคำถามตามมา โดยในคำแถลงนโยบายด้านเศรษฐกิจ มีแต่ “What” ว่า จะทำเรื่องใดบ้าง แต่ขาด “how” ว่า จะทำอย่างไรให้เสร็จใน 4 เดือน ไม่มีการจัดลำดับความสำคัญต้องทำเรื่องใดก่อน-หลัง
น.ส.ศิริกัญญา มองว่า พรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล ไม่ได้เป็นพรรคที่มีวาระการเมือง หรือนโยบายต่างๆ ที่พรรคอื่นมี หรือ อาจไม่ได้เตรียมนโยบายมาอย่างเข้มข้มเพื่อมาขับเคลื่อน และรัฐมนตรีที่มาร่วมงาน แม้จะมีคนนอกหรือนักธุรกิจ แต่อาจคิดนโยบายไม่ตกผลึกว่าจะแก้ปัญหาต่างๆในเวลา 4 เดือน ด้วยวิธีการอย่างไร และทำอย่างไรให้เสร็จใน 4 เดือน ได้เป็นแบบ “Big Quick Win” อย่างที่นายกรัฐมนตรีได้สัมภาษณ์ไว้
ทั้งนี้ น.ส.ศิริกัญญา ได้ยกตัวอย่าง นโยบายการแก้หนี้รายบุคคล ที่มียอดหนี้ไม่เกิน 1 แสนบาท มีประมาณ 3 ล้านกว่าบัญชี แต่ไม่ได้บอกวิธีการชัดเจนจะแก้ปัญหาทั้งหมดหรือจะแก้หนี้ให้กี่ราย เป็นต้น ส่วนนโยบายการเพิ่มสภาพคล่องให้SME รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ก็ไม่มีรายละเอียดแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจน และหลายนโยบาย ยังต้องตั้งคำถามว่า จะเร่งด่วนแบบใด เช่น สร้างโอกาสสร้างรายได้และความสามารถในการแข่งขัน จะทำเสร็จใน 4 เดือนได้จริงหรือไม่
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวถึง โครงการคนละครึ่ง พลัส โดยเชื่อว่า คงไม่มีใครไม่เห็นด้วย แต่แปลกใจคนที่ให้ข้อมูลเรื่องนี้มากสุดไม่ใช่รองนายกรัฐมนตรี หรือรมว.คลัง แต่เป็นรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แต่ชวนให้คิดว่า โครงการนี้เป็นโครงการการเมือง หรือโครงการทางเศรษฐกิจกันแน่ ซึ่ง โครงการคนละครึ่ง พลัส เฟสแรก ต้องใช้งบประมาณ 66,400 ล้านบาท ซึ่งหากจะใช้จากงบกลาง 68 ต้องมีการอนุมัติก่อนวันที่ 30 ก.ย.68 รัฐบาลจึงอยากให้มีการอภิปรายร่างนโยบายให้จบพรุ่งนี้ ในเวลา 18.00 น. เพื่อจะได้ประชุมครม.ต่อ ซึ่งดูรัฐบาลรีบร้อนมาก เพื่อให้ใช้เงินได้ทัน
น.ส.ศิริกัญญา มองว่า โครงการคนละครึ่ง พลัส อาจไม่ตอบโจทย์เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าไร เป็นเพียงการย้ายค่าใช้จ่ายจากร้านค้าที่ไม่ร่วมโครงการ ไปอยู่กับร้านค้าที่ร่วมโครงการ ซึ่งหากรัฐบาลอยากกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้ารายย่อยก็สามารถทำได้ แต่ถ้าอยากให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรปรับเงื่อนไข เช่น ควรใช้จ่ายขั้นต่ำ 200 บาทต่อวันขึ้นไป และสิทธิ์ต้องหมดวันต่อวันเพื่อทำให้เกิดการใช้เร็วขึ้น แต่ดูแล้วยังไม่มีการเปลี่ยนเงื่อนไข และมองว่า โครงการนี้สามารถซื้อเสียง สร้างความนิยมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าได้
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะอยู่แค่ 4 เดือน แต่ต้องตัดสินใจทำเรื่องสำคัญในช่วงปลายปีนี้ คือ ต้องกำหนดกรอบงบประมาณปี 2570 และสิ้นปี 69 หนี้สาธารณะอยู่ที่ 69%ต่อจีดีพี และสามารถกู้เพิ่มได้เพียงประมาณ 2.1 แสนล้านบาท และต้องตัดสินใจขยายเพดานหนี้สาธารณะ และเพื่อรักษาภาพลักษณ์การคลังของประเทศ อาจต้องเป็นผู้นำเสนอแผนการจัดเก็บรายได้ใหม่ๆให้กับประเทศด้วย
น.ส.ศิริกัญญา มองว่า ถ้าหากรัฐบาลเร่งรีบใช้จ่ายเม็ดเงินทุกบาททุกสตางค์แบบนี้ เพื่อคะแนนนิยม แล้วรัฐมนตรีคนนอกยอมให้ทำอะไรก็ได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไรจะมีรัฐมนตรีคนนอกโพรไฟล์ดีๆมาดูด้านเศรษฐกิจ ด้านการคลัง
“4 เดือน แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ไม่มีใครโทษ ไม่มีใครว่า แต่ขอว่า อย่าสร้างความเสียหายที่เรากลับไปแก้ไขไม่ได้ เราไม่สามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นได้อีกในอนาคต”น.ส.ศิริกัญญา กล่าว.-315 -สำนักข่าวไทย