รัฐสภา 29 ก.ย.-“อนุทิน” ลุกโต้ “ชลน่าน” ยันรัฐบาลทำงานเป็น ลั่นกว่าจะมาถึงจุดนี้ใช้เวลาเป็น 10 ปี ต้องทำดีที่สุด เพื่อเป็นเกียรติประวัติ บอกคัด รมต. มากับมือ คุณสมบัติครบ โปร่งใส พร้อมรับการตรวจ ประกาศนายกฯ คนนี้ ไม่มีใครบงการได้ ย้ำทำงาน 4 เดือน ยุบสภา 31 ม.ค.69 ยกคำ “ทักษิณ” อดีตเคยสอน ครม. จำไว้นะ ผู้แพ้เห็นปัญหาทุกทางออก ผู้ชนะจะเห็นทางออกทุกปัญหา
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา หลังจากนายณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ สส. พรรคประชาชน และนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส. น่าน พรรคเพื่อไทยอภิปราย โดยนายกรัฐมนตรี ระบุรณีที่นายแพทย์ชลน่านตั้งคำถามว่า รัฐบาลของตนทำได้ไหม ทำเป็นหรือเปล่า ทำดีหรือเปล่า ซึ่งคำตอบคือทำได้ สิ่งที่ถูกเขียนในคำแถลงนโยบายของตน เป็นสิ่งที่ได้ผ่านการกลั่นกรองมาแล้วว่าพวกเราทุกคนต้องทำได้ เพราะวิธีการทำงานของตนนั้น จะใช้คำว่าทำได้เร็วและต้องทำเลย ขอชี้แจงให้สมาชิกและประชาชนเกิดความมั่นใจ
นายอนุทินยังยืนยันว่าทำเป็น เพราะครม.ที่คัดสรรมา ล้วนมีประสบการณ์ในวิชาชีพทุกด้านที่มี ได้ทำการตรวจสอบประวัติการทำงาน การศึกษาและพฤติกรรม ซึ่งสามารถยืนยันได้ว่าทุกคนมีคุณสมบัติครบถ้วน ทำงานเพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนที่ตนคำนึงถึงตลอดเวลาว่ามีพระคุณต่อตนและรัฐบาลนี้
ส่วนทำดีหรือเปล่า นายอนุทิน กล่าวว่า คนเรามาถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี ต้องถือโอกาสตรงนี้ทำดีที่สุด ให้เป็นเกียรติประวัติ และประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน ที่นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ ดังนั้นใน 4 ประเด็น ที่ท่านบอกไว้ ต่อเนื่องมาจนถึงเรื่องการขาดโอกาส ตนมองว่า นี่เป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะได้แสดงผลงาน เพราะรัฐบาลนี้ตนได้ทำความเข้าใจกับรัฐมนตรีทุกคนแล้วว่า ไม่มีคำว่าคนละพรรค นี่เป็นพรรครัฐบาล ไม่มีขัดแข้งขัดขา ไม่มีความกังวลใดๆ ว่าพรรคไหนทำอะไรแล้วได้รับความนิยมชมชอบจากประชาชนมากกว่า ตนอาจจะโชคดีที่ถูกสั่งสอนให้เป็นคนใจกว้าง อะไรก็ตามที่เป็นวงวานว่านเครือ เป็นเครือข่ายการทำงานที่มีตนเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ใครทำอะไรแล้วประสบความสำเร็จและเป็นประโยชน์ ตนมักจะอนุโมทนาสาธุ และชื่นชม และสนับสนุน ให้ทุกคนที่ทำงานร่วมกันกับตน ได้ประสบความสำเร็จสูงสุด ที่ท่านพูดว่ารัฐบาลนี้ขาดคนมีฝีมือ ขอยืนยันว่าตนให้ความเชื่อมั่นกับท่านว่าทุกคนที่อยู่ในรัฐบาลนี้ ตนคัดเลือกเอง และสิ่งที่สำคัญที่สุด นอกจากเรื่องของคุณงามความดีที่แต่ละคนมี ความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชน และผลงาน ความรู้ ประสบการณ์ ตนขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาล 4 เดือนของตน เต็มไปด้วยบุคลากรที่มีฝีมือความรู้ความสามารถประสบความสำเร็จในชีวิต
นายอนุทิน กล่าวว่า กรณีที่ท่านกังวลเรื่องขาดความโปร่งใส ขอให้สบายใจได้ผมรับฟังท่านทุกคำ จดในความกังวล และยินดีที่จะชี้แจง โดยความโปร่งใสนั้นเกิดจากการที่เราจะต้องทำทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการถูกต้องตามกฎหมาย ถูกต้องตามระเบียบ และที่สำคัญ ต้องใจกล้า ให้ทุกคนมาตรวจสอบได้ ยืนยันว่ารัฐบาลของตนจะต้องโปร่งใส และมีการตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงข้อกังวลสุดท้าย ที่ระบุดูแล้วขาดอนาคตประชาธิปไตย ซึ่งประชาธิปไตยต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ไม่เอาแต่ใจ นึกถึงคนส่วนใหญ่ มีความเป็นตัวของตัวเอง แต่ตนเห็นต่างกับนายแพทย์ชลน่าน ว่ารัฐบาลชุดนี้จะวางรากฐานวางแนวทางที่ดีเป็นแบบอย่างที่ดีที่จะทำให้อนาคตของประชาธิปไตยสดใส อย่างน้อยนายกรัฐมนตรีคนนี้จะไม่มีใครมาบงการได้ ตัดสินใจเองคิดเองได้ และหารือกับครมทั้งหมดและสภาทั้งหมด ในการตัดสินใจทำประโยชน์สูงสุดให้ประเทศชาติและประชาชน
นายอนุทินกล่าวอีกว่าที่กล่าวหาเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ 4 เดือน ต้องขออนุญาตไปยังนายณัฐพงษ์ ว่าจะขอนับวันที่ 1 ตุลาคมเป็นวันแรกในงานทำงาน หลังจากนั้น 4 เดือน ซึ่งตรงกับวันที่ 31 มกราคมยุบสภาแน่นอน ถือเป็นพันธะ ระหว่างพรรคที่ลงนามใน MOA กับทางพรรคประชาชน และเห็นด้วยว่าถึงเวลาอันสมควร ต้องคืนอำนาจให้ประชาชน รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ แต่มีติ่งท้ายคือ อยากจะขอกระทำ และทำให้สำเร็จ คือจะเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจที่ต้องเข้ามาแก้ไข ความเสียหายของประเทศ ที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่แล้วมา ตนยอมรับสภาพนี้ และครม. ของตนอีก 35 คน จะทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อที่จะเรียกความเสียหาย ความสูญเสีย ทั้งเนื้อเรื่องของเกียรติภูมิของประเทศ ในเรื่องของเศรษฐกิจ ขวัญกำลังใจ และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน กลับมาสู่ ประเทศไทยและคนไทยให้ได้ในระยะเวลา 4 เดือนที่มีอยู่ มั่นใจว่าทำได้ เพราะได้เตรียมการในเรื่องนี้มากพอสมควรแล้ว
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า บางทีการทำงานทุกคนมีความรู้ความสามารถแต่ต้องไม่เปรียบกัน ถ้าท่านทำไม่ได้อย่าคิดว่าคนอื่นทำไม่ได้ มันก็ไม่ถูก ตนก็เคยอยู่กระทรวงสาธารณสุข 7 เดือนเท่ากันกับนายแพทย์ชลน่าน ช่วงตนอยู่นั้นมีเหตุการณ์ ช่วงโควิดเหตุการณ์วิกฤตด้านสาธารณสุขอาจมีบทบาทมากกว่าจะมีประสบการณ์มากกว่าสมัยท่านเคยอยู่ แต่ไม่ว่ากัน ตนเคารพท่านอยู่เสมอ และมั่นใจว่าท่านเสียสละทุ่มเทให้บ้านเมืองไม่น้อยไปกว่าสมาชิกคนอื่นๆ
“ท่านพูดถึงเรื่องผลประโยชน์ส่วนใหญ่ ในรัฐบาลนี้ไม่ตรงกับความต้องการประชาชน ผมมองต่าง รัฐบาลนี้ยกเลิกคาสิโน ยกเลิก Entertainment Complex ไม่เอาเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้ประชาชนเฉยๆ แต่เราใช้วิธีการมีส่วนร่วม ไม่มอมเมาประชาชนด้วยการพนัน ไม่ขยายตัวทางเศรษฐกิจด้วยธุรกิจการพนัน ผมมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ เห็นตรงกับรัฐบาลชุดนี้ และนี่คือเหตุผลหนึ่ง ที่พรรคของผม พรรคภูมิใจไทย ถูกเชิญออกจากการร่วมรัฐบาลเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพราะเราไม่เห็นด้วยกับ แนวทางของรัฐบาลขณะนั้น” นายอนุทินกล่าว
นายอนุทิน ยังระบุขออนุญาต เคลมอีกนิด เรื่องโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคเป็นนโยบายคุณประโยชน์มหาศาล แต่ 30 บาทรักษาทุกที่ อนุทินครับ ไม่ใช่ชลน่าน ตนทำมาตั้งแต่ตนอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 4 ปี ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในการทำงานของรัฐมนตรีหลาย10คนที่ผ่านมา ทำเรื่องฟอกไตฟรี ซึ่งเสียดายที่รัฐบาลก่อนเอาเรื่องนี้ออกไม่ทำทั้งหมด แต่ตนจะเอาเรื่องฟอกไตฟรีกลับมา ภายใน 4 เดือนนี้โดยนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะต้องทำให้เห็นภายใน 2 เดือน ไม่เช่นนั้นตนจะไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเอง
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่นายแพทย์ชลน่านระบุว่ามี การพยายามดึง ซื้อตัวเลข 1,000และ 2,000 รวมแล้วหลายล้านบาท ซึ่งตัวเลขเหล่านี้สำหรับตนถือเป็นตัวเลขอัปมงคล มีความพยายามมีตัวเลขนี้ ทำให้คนในพรรคฝ่ายค้านสมัยนั้นไขว้เขว แต่โชคดีที่ทุกคนเห็นว่าเป็นตัวเลขที่ไม่เป็นมงคล เอาไปแล้วทำให้อนาคตประเทศไทยมืดมน คนที่ทำอยู่ในฝั่งรัฐบาลขณะนั้น แต่ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทยอย่างแน่นอน ซึ่งตนและทีมงานพร้อมให้การพิสูจน์ทุกคน ตนเคยอยู่รัฐบาลเดียวกับนายแพทย์ชลน่าน นโยบายต่างๆก็พยายามที่จะตอบสนอง ยกเว้นที่มีการไปแตะถึงเรื่องความมั่นคงของประเทศ และความเสียหายของประเทศ รวมถึงคุณภาพชีวิตของประชาชน ตนถึงตัดสินใจไม่ร่วมนโยบายนี้กับท่าน และถือเป็นเกียรติที่ ถูกเชิญออกมา และทำให้ประชาชนรับรู้รับทราบว่า พรรคไหนที่คิดถึงประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ส่วนที่ท่านบอกว่านโยบายของรัฐบาลนี้เป็นปัญหา มากกว่าทางออก ตนและคณะรัฐมนตรีทั้ง 36 คน ตอบแทนได้เลยว่า ไม่ใช่ นโยบายและการกระทำของรัฐบาลชุดนี้ จะต้องทำงานอย่างหนักและผลักดันทุกนโยบายเพื่อให้เป็นทางออกของประเทศ
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เมื่อ 20 กว่าปี ก่อนเคยอยู่ในรัฐบาลที่มีชื่อนายกรัฐมนตรี ผู้ที่ทุกคนยอมรับว่าได้ทำความเจริญมากมาย คือนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเมื่อมีการประชุมคณะรัฐมนตรี ก็จะพูดถึงแต่ปัญหา และตอนนั้นตนเป็นรัฐมนตรี นายแพทย์ชลน่าน เป็นเลขารมว.สธ. ก็ได้ทำงานร่วมกัน ซึ่งสิ่งที่ตนจำมาถึงวันนี้ ท่านทักษิณมักจะไม่พอใจกับคณะรัฐมนตรี ที่นำเอาปัญหามาข้อแก้ตัว ในการทำงาน ซึ่งตั้งแต่วันนั้นมา ตนบอกกับตัวเองว่าจะไม่ทำให้เกิดขึ้นกับตน ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีหรือทำงานที่ไหน เมื่อใดที่มีปัญหา เช่นนี้ นายทักษิณ จะปิดไมค์ แล้วพูดว่า จำไว้นะ ผู้แพ้ จะเห็นปัญหาทุกทางออก ผู้ชนะจะเห็นทางออกในทุกปัญหา ซึ่งตนและคณะรัฐมนตรีชุดนี้เป็นอย่างหลัง ชนะหรือไม่ไม่รู้ แต่เห็นทางออกในทุกปัญหา
ขณะที่ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นกล่าวโต้ว่า ขอบคุณนายกฯที่กรุณาพาดพิงถึงการทำหน้าที่ในสมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ท่านบอก7เดือนของท่าน มีผลงานกว่าตน แต่เราจะไม่เถียงกัน ว่าใครดีหรือไม่ดี แต่ที่ตนอยากจะชี้แจงซึ่งหากไม่ชี้แจงก็อาจจะเกิดความเสียหาย ที่นายกรัฐมนตรีบอกว่า 30 บาทรักษาทุกที่ เป็นอนุทินไม่ใช่ชลน่าน ตนขอใช้หลักฐานที่เป็นเชิงประจักษ์ ตนไม่เข้าใจว่านายกรัฐมนตรีเข้าใจอย่างไร แต่นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ เป็นของรัฐบาล พรรคเพื่อไทย ในสมัยนายเศรษฐา ทวีสิน และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นคนที่ดำเนินนโยบายนี้ ตามที่ได้แถลงต่อสภา ซึ่งต่อมา นายกรัฐมนตรีได้พูดถึงอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร ว่าได้นำสิ่งที่เคยให้ไว้มาเป็นแนวทางปฏิบัติ และกล่าวถึงชื่อตนในฐานะเลขารัฐมนตรี ตนอาจจะมีสติปัญญาไม่ถึงตีความไม่ถูก ว่าไปเกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรีได้อย่างไร เพราะตอนนั้นตนเป็นเพียงเลขารัฐมนตรี ไม่มีสิทธิ์เข้าไปนั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี.-319.-สำนักข่าวไทย