29 ก.ย.- กองทัพบกเผยกัมพูชาใช้กลยุทธ์สร้างสถานการณ์หวังทำลายภาพลักษณ์ไทย ย้ำการตอบโต้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในทุกมิติ
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 68 พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาชี้แจงถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาว่า “สถานการณ์ในขณะนี้พบว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงจัดกำลังเตรียมพร้อมในพื้นที่สำคัญตามแนวชายแดน และมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการวางทุ่นระเบิด การใช้อาวุธในลักษณะยั่วยุ การแสดงกำลัง รวมถึงการใช้โดรนบินลาดตระเวนตรวจการณ์ ซึ่งทั้งหมดมีเป้าหมายชัดเจนเพื่อหวังให้ฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยอาวุธ และเก็บเป็นหลักฐานไปใช้สื่อสารต่อสังคมในเชิงบิดเบือน จัดฉากให้กัมพูชาดูเสมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ขณะเดียวกันก็ตีความให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้รุกรานและละเมิดข้อตกลง
การสร้างสถานการณ์เช่นนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายผลไปยังเวทีสากล ทำลายภาพลักษณ์ของฝ่ายไทย ดังนั้น กองทัพบกจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการตอบโต้ทางทหาร เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของการบิดเบือนข้อเท็จจริง ขณะเดียวกัน เราก็ยึดมั่นว่าการปกป้องอธิปไตยของชาติไม่สามารถอาศัยเพียงกำลังทางทหารเท่านั้น แต่จำเป็นต้องบูรณาการทั้งมาตรการด้านการเมือง การทูต และการสื่อสารที่ชัดเจนและเป็นระบบ ทั้งต่อประชาชนภายในประเทศและต่อประชาคมระหว่างประเทศ
ขอยืนยันว่า กองทัพบกได้ประสานการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด ทั้งในระดับฝ่ายบริหาร ฝ่ายปฏิบัติ และกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคประชาชน เพื่อให้การปฏิบัติการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ผู้ที่ติดตามสถานการณ์จะเห็นว่าฝ่ายกัมพูชาได้ปรับมาใช้การต่อสู้ในมิติการสื่อสารสาธารณะเป็นหลัก ในการสร้างภาพว่าเป็น ‘เหยื่อ’ หรือ ‘ผู้ถูกกระทำ’ ซึ่งเราต้องตอบโต้ด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริง
ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจได้ว่า กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ยังคงปฏิบัติการเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมในระดับสูงสุด ทั้งด้านการปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่แนวหน้า และการดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ส่วนหลัง โดยฝ่ายทหารและฝ่ายปกครองพร้อมเข้าดำเนินการทันที หากเกิดสถานการณ์ผิดปกติขึ้น
สุดท้ายนี้ กองทัพบกขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังการคล้อยตามข่าวสารที่ชักจูงให้เร่งเข้าปฏิบัติการทางทหาร ขอย้ำว่าในขณะนี้ ทุกการปฏิบัติต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบในทุกมิติ มิฉะนั้น หากดำเนินการในห้วงเวลาที่สถานการณ์และสภาพแวดล้อมยังไม่เอื้ออำนวยแล้ว อาจส่งผลต่อผลลัพธ์สุดท้ายเมื่อเหตุการณ์ได้ยุติลง” -สำนักข่าวไทย