คุนหมิง 8 ก.ย. – บรรดาสื่อมวลชนและนักวิชาการจากประเทศเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยืนยันจะร่วมมือกันเป็นกระบอกเสียงในการเสนอข่าวสารและข้อมูลไปยังทั่วโลก โดยยึดมั่นในข้อมูลที่เป็นความจริง เพื่อสะท้อนเสียงของกลุ่มประเทศโลกใต้
ในการประชุมสุดยอดความร่วมมือพันธมิตรสื่อในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำปี 2025 ซึ่งจัดโดยศูนย์การสื่อสารระหว่างประเทศเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งยูนนาน หรือ YICC ที่นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน บรรดาผู้ร่วมการประชุม เห็นพ้องกันที่จะกระชับความร่วมมือกันให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเผชิญกับสถานการณ์โลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งที่มาจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า และอื่น ๆ โดยเฉพาะอิทธิพลของนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่มีทั้งคุณและโทษต่ออุตสาหกรรมสื่อ
เวทีการประชุมดังกล่าว มีความเห็นสอดคล้องกันว่า การใช้เทคโนโลยี AI เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในแวดวงสื่อ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ นอกจากจะกระตุ้นให้คนสื่อทำงานร่วมกับการใช้ AI อย่างชาญฉลาดแล้ว ยังต้องอาศัยการตรวจสอบย้อนกลับการทำงานของ AI ด้วย เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า องค์กรสื่อและผู้สื่อข่าว จะไม่กลายเป็นผู้แพร่กระจายข่าวปลอม หรือข้อมูลที่บิดเบือนคลาดเคลื่อนจากความจริงเสียเอง


ด้านนางสาวภาวีวรรณ นรพัลลภ กงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง กล่าวถึงการประชุมสุดยอดพันธมิตรสื่อในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำปี 2025 ว่า เป็นการขานรับนโยบายของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่กำหนดให้มณฑลยูนนาน เป็นประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนที่จะขยายไปถึงเอเชียใต้ พร้อมทั้งแสดงความเห็นว่า สื่อเป็นหน่วยที่สามารถเข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด ดังนั้นความร่วมมือระหว่างสื่อ จะนำไปสู่ความสัมพันธ์ระดับประชาชนที่ลุ่มลึก เข้าถึง และรวดเร็ว จากการที่ศูนย์การสื่อสารระหว่างประเทศเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งยูนนาน จัดการประชุมดังกล่าวขึ้น ชี้ให้เห็นว่า ยูนนานเป็นมณฑลของจีนที่มีความร่วมมือด้านสื่อในระดับก้าวหน้า
ในโอกาสนี้ กงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง ยังได้ให้สัมภาษณ์แก่สำนักข่าวไทย ถึงกรณีที่ประชาชนจีนไปเที่ยวประเทศไทยน้อยลงว่า มีหลายเหตุผล อย่างแรก คือ คนจีนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารบางประเภทที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ทำให้คนจีนเกิดความหวาดระแวง และกังวลจนไม่กล้าไปเที่ยวประเทศไทย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนของไทย รวมทั้งสื่อมวลชน ต้องทำหน้าที่ในการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ปัจจัยที่ 2 คือ คนจีนหันมาเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้น หลังผ่านพ้นช่วงโรคระบาด Covid-19 ส่งผลให้คนจีนคุ้นชินกับการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะมณฑลยูนนาน ซึ่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวในประเทศยอดนิยมของคนจีนไปแล้วนับตั้งแต่เกิด Covid-19 ซึ่งเป็นช่วงที่ทางการจีนประกาศมาตรการการเดินทางนอกประเทศ เพื่อป้องกันโรคระบาด จากสถิติพบว่า มณฑลยูนนานมีคนจีนจากทั่วประเทศเข้ามาท่องเที่ยวมากถึงหลักหลายร้อยล้านคน บางปีมากถึงหลักพันล้านคน นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาไปทั่วโลก ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวจีนต้องตระหนักเรื่องการใช้จ่ายให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานของทางการไทยที่เกี่ยวข้อง ทั้งสถานกงสุลไทย ณ นครคุนหมิง และสำนักงานการท่องเที่ยวของไทย ประจำมณฑลยูนนาน ได้พยายามจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง เช่น เทศกาลไทย การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงและจำหน่ายสินค้าไทย เพื่อกระตุ้นให้คนจีนสนใจไปท่องเที่ยวไทยกันมากขึ้น ทั้งนี้ จากการจัดกิจกรรมทั้งในมณฑลยูนนาน และกุ้ยโจว เนื่องในวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน พบว่าได้รับความสนใจอย่างมากจากชาวจีน

ขณะเดียวกัน กงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง ย้ำว่า ผลไม้ไทยยังคงเป็นสินค้ายอดนิยมของผู้บริโภคชาวจีน โดยปีนี้ การนำเข้าผลไม้ไทยที่ด่านยูนนาน มีปริมาณมากเป็นอันดับ 1 ในบรรดาด่านนำเข้าทั้งหมดของประเทศจีน ทั้งนี้ ทุเรียน เป็นผลไม้ที่นำเข้าจากไทยมากที่สุด ทั้งหมดนี้เป็นผลจากเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ที่อำนวยความสะดวกให้สินค้าผลไม้ไทยมากขึ้น
นอกจากนี้ นางสาวภาวีวรรณ นรพัลลภ กงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง ยังกล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ในมิติการค้าการลงทุนยังคงสามารถต่อยอดได้อีก และยังมีโอกาสอีกมากสำหรับนักลงทุนไทยที่จะเข้าไปลงทุนในสาธารณรัฐประชาชนจีน
มณฑลยูนนาน อยู่ในภาคใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีพรมแดนติดต่อกับ 3 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ลาว เมียนมา และเวียดนาม.-810.-สำนักข่าวไทย