raw beef on stove

เกาหลีใต้ห่วงนำเข้าเนื้อวัวสหรัฐแก่กว่า 30 เดือน

โซล 12 ก.ค.- ชาวเกาหลีใต้กำลังวิตกเรื่องสหรัฐพยายามผลักดันให้เกาหลีใต้เปิดตลาดให้แก่เนื้อวัวจากวัวที่มีอายุมากกว่า 30 เดือน เพราะเสี่ยงกระทบอุตสาหกรรมเนื้อวัวชั้นดีของเกาหลีใต้ และปลุกกระแสวิตกเรื่องโรควัวบ้า ปัจจุบันเกาหลีใต้เป็นผู้นำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐรายใหญ่ที่สุดในโลก และจำกัดการนำเข้าเนื้อวัวจากวัวที่มีอายุมากกว่า 30 เดือน เนื่องจากกังวลเรื่องโรคบีเอสอี (BSE) หรือโรควัวบ้า ชาวเกาหลีใต้กังวลว่า การยกเลิกมาตรการจำกัดเหล่านี้ในการเจรจาการค้ากับสหรัฐ อาจปลุกกระแสวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารที่ทำให้ชาวเกาหลีใต้ประท้วงใหญ่ในปี 2551 ต่อต้านการนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐ รอยเตอร์รายงานว่า ข้อมูลในเว็บไซต์ของกระทรวงเกษตรสหรัฐระบุว่า องค์การสุขภาพสัตว์โลก (WOAH) จัดให้สหรัฐเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงน้อยมาก (negligible risk) ต่อโรควัวบ้า เนื่องจากพบเพียง 7 กรณีในช่วงปี 2546-2566 มีมาตรการควบคุมเคร่งครัด และมีระบบเฝ้าระวังระดับประเทศที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันผู้ค้าเนื้อวัวชั้นดีรายหนึ่งกังวลว่า หากสหรัฐส่งออกเนื้อวัวปลอดภาษีและเนื้อวัวจากวัวที่มีอายุมากกว่า 30 เดือนเข้ามามากขึ้น จะบีบให้ผู้ค้าเนื้อเกาหลีใต้ต้องลดราคาลงมาแข่งกับเนื้อวัวนำเข้าราคาถูก ทั้งนี้เกาหลีใต้จะเก็บภาษีศุลกากรอัตราร้อยละ 0 กับเนื้อวัวนำเข้าจากสหรัฐตั้งแต่ปี 2569 ตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีของ 2 ประเทศที่มีผลอยู่ในปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากสหรัฐผลักดันให้เกาหลีใต้นำเข้าเนื้อวัวจากวัวที่มีอายุมากกว่า 30 เดือน อาจทำให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงไม่ซื้อเนื้อวัวสหรัฐแบบเหมารวมด้วยความกลัวโรควัวบ้า.-814.-สำนักข่าวไทย

former Thai PM gives speech in 50th Anniversary of China-Thailand diplomatic relation seminar

สัมมนาวิชาการ “50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน”

กรุงเทพฯ 12 ก.ค. – สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ร่วมกับสถาบันขงจื่อ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย จัดสัมมนาทางวิชาการ ในวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ร่วมกับสถาบันขงจื่อแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานสัมมนา “50 ปี ความสัมพันธ์ไทย–จีน” ณ อาคารสยามบรมราชกุมารี สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) โดยได้รับการสนับสนุนจากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อเฉลิมฉลองวาระสำคัญของการครบรอบครึ่งศตวรรษแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตอันยาวนานและแน่นแฟ้นระหว่างราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีบุคคลสำคัญร่วมงานจำนวนมาก เช่น นายเจ้า เมิ่งเทา อุปทูตที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ในโอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เป็นผู้กล่าวต้อนรับและเปิดงาน นายชุน ไพลินดีเลิศ นายกสมาคมนักธุรกิจยุคใหม่ไทย-จีน ได้แสดงปาฐกถา พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดตัวหนังสือ  “50 ปี ความสัมพันธ์ไทย–จีน” ซึ่งศาสตราจารย์ฟู่ เจิงโหย่ว ที่ปรึกษาอาวุโสประจำสถาบันขงจื่อแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นหัวหน้าคณะบรรณาธิการหนังสือเล่มดังกล่าว การจัดสัมมนาทางวิชาการในหัวข้อ […]

President Lee Jae Myung poses for a photo with his staff 11 July 2025

ผู้นำเกาหลีใต้ชวนคน “กินข้าวนอกบ้าน”

โซล 12 ก.ค.- ประธานาธิบดีอี แจ มยองของเกาหลีใต้ชักชวนประชาชนรับประทานอาหารนอกบ้าน เป็นการส่งเสริมความต้องการบริโภคในประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ประธานาธิบดีอี วัย 61 ปี โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์วันนี้ว่า โดยส่วนตัวแล้วหวังว่าประชาชนจะออกไปรับประทานร้านอาหารใกล้บ้าน เพื่อส่งเสริมและให้กำลังใจผู้ประกอบการ ซึ่งจะส่งผลกลับมาฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น และกลายเป็นแรงส่งเสริมอนาคตที่สดใสของเกาหลีใต้ เว็บไซต์สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้ลงภาพผู้นำเกาหลีใต้ตั้งท่าถ่ายรูปอย่างเป็นกันเองกับคณะทำงาน 4 คน ขณะรับประทานอาหารที่ร้านอาหารปิ้งย่างแห่งหนึ่งย่านใจกลางกรุงโซลเมื่อวานนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้จะเริ่มแจกเงินสดให้แก่ประชาชนทุกคนตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ตามมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ เป็นการแจกครั้งเดียวจำนวน 150,000 วอน (ราว 3,525 บาท) ขึ้นกับรายได้ของแต่ละคน โดยเรียกว่าคูปองการบริโภค หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมจำนวน 31.8 ล้านล้านวอน (ราว 747,190 ล้านบาท) ในจำนวนนี้ 12.1 ล้านล้านวอน (ราว 284,308 ล้านบาท) สำหรับจัดสรรเป็นคูปองบริโภค ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ธนาคารกลางของเกาหลีใต้ได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ลงอย่างมาก จากที่เคยประมาณการไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.5 ปรับลดลงเหลือร้อยละ 0.8 ด้วยเหตุผลว่า […]

Pope Leo XIV's childhood home purchased

ซื้อบ้านวัยเด็กในสหรัฐของโป๊ปเลโอ

ดอลตัน 12 ก.ค.- บ้านในวัยเด็กของสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14  หรือโป๊ปเลโอ ในนครชิคาโกของสหรัฐมีผู้ซื้อไปแล้วเมื่อต้นเดือนนี้ บ้านเลขที่ 212 ในพื้นที่ชานเมืองของตอนใต้ของนครชิคาโกในสหรัฐ เป็นบ้านในวัยเด็กของโป๊ปเลโอ พระชนมพรรษา 69 ปี พระประมุขพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกองค์ปัจจุบันที่เป็นชาวอเมริกันคนแรก เป็นบ้านสไตล์ เคป คอด (Cape Cod) คือบ้านสไตล์อังกฤษผสมอเมริกัน ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2492 หมู่บ้านดอลตัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านหลังนี้ได้ซื้อบ้านวัยเด็กของโป๊ปเลโอไปเมื่อต้นเดือนราคา 375,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 12 ล้านบาท คณะผู้นำหมู่บ้านเปิดเผยว่า มีการลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ซื้อบ้านหลังนี้ เพราะถือว่าเป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต ทางหมู่บ้านมีแผนจะจัดทัวร์พาชมบ้านที่โป๊ปเลโอใช้ชีวิตในวัยเด็ก และกำลังพิจารณาเรื่องซื้ออสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย.-816(814).-สำนักข่าวไทย

Child before gets trapped inside toy claw machine in Ohio

ช่วยเด็กติดอยู่ในตู้คีบตุ๊กตาในสหรัฐ

เมสัน 12 ก.ค.- เจ้าหน้าที่ในสหรัฐให้การช่วยเหลือเด็กชายคนหนึ่งที่มุดเข้าไปติดอยู่ในตู้คีบตุ๊กตาแล้วออกมาไม่ได้ ด้วยการเปิดฝาตู้ด้านหลังให้เด็กออกมาอย่างปลอดภัย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ศูนย์การค้าในเมืองเมสัน รัฐโอไฮโอ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในศูนย์การค้าเห็นเด็กชายอายุราว 3 ขวบ เดินมาที่ตู้คีบตุ๊กตา แล้วก้มตัวเข้าไปดูช่องสำหรับรับตุ๊กตาด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนกระทั่งมุดเข้าไปโผล่อยู่ในตู้ท่ามกลางกองตุ๊กตา และไม่สามารถออกมาได้ เจ้าหน้าที่ที่ได้รับแจ้งเหตุเดินทางมาช่วยเหลือด้วยการเข็นตู้คีบดังกล่าวเข้าไปยังร้านค้าที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วเปิดฝาตู้ด้านหลังออก สามารถนำตัวเด็กออกมาได้ และกลับสู่อ้อมกอดของบิดา โดยที่เด็กไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด.-816(814).-สำนักข่าวไทย

press conference podium of State Department

กระทรวงต่างประเทศสหรัฐเริ่มปลดคนทำงาน

วอชิงตัน 12 ก.ค.- กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐเริ่มปลดคนทำงานมากกว่า 1,350 คน ตามนโยบายของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ที่ต้องการยกเครื่องคณะทูตานุทูต ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าจะบั่นทอนความสามารถของสหรัฐในการปกป้องและส่งเสริมผลประโยชน์ของสหรัฐในต่างประเทศ การปลดคนทำงานที่เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ กระทบเจ้าหน้าที่พลเรือน 1,107คน และเจ้าหน้าที่การทูตที่ประจำการอยู่ในสหรัฐ 246 คน ผู้ถูกเลิกจ้างได้รับรายงานตรวจสอบการแยกทางความยาว 5 หน้ากระดาษที่แจ้งว่า จะไม่สามารถเข้าอาคารและอีเมลตั้งแต่เวลา 17.00 น.วันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ด้านนอกอาคารมีกลุ่มคนมาชูป้ายและปรบมือให้กำลังใจผู้ที่ถูกเลิกจ้าง บันทึกภายในของกระทรวงต่างประเทศระบุว่า กระทรวงกำลังปรับเปลี่ยนการทำงานภายในประเทศให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เพื่อมุ่งเน้นภารกิจสำคัญทางการทูต การลดจำนวนคนทำงานได้ผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนให้มีผลเฉพาะหน้าที่ที่ไม่จำเป็น หน่วยงานที่ซ้ำซ้อนและเกินความจำเป็น และหน่วยงานที่ต้องเพิ่มประสิทธิภาพ โดยจะมีการลดจำนวนคนทั้งหมดเกือบ 3,000 คน รวมทั้งผู้สมัครใจลาออก จากจำนวนคนทำงานที่อยู่ในสหรัฐทั้งสิ้น 18,000 คน สว.ทิม เคน รัฐเวอร์จิเนียจากพรรคเดโมแครตแถลงวิจารณ์ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์และนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศกำลังทำให้สหรัฐอเมริกาปลอดภัยและมั่นคงน้อยลงอีกครั้ง เพราะตัดสินใจในช่วงที่จีนกำลังเพิ่มบทบาททางการทูตทั่วโลกและสร้างเครือข่ายฐานทัพทางการทหารและการคมนาคมในต่างประเทศ ขณะที่รัสเซียกำลังเดินหน้าทำสงครามที่โหดร้ายกับประเทศอธิปไตย และตะวันออกกลางกำลังเหวี่ยงจากวิกฤตหนึ่งไปสู่อีกวิกฤตหนึ่ง นายรูบิโอประกาศแผนการปรับองค์กรเมื่อเดือนเมษายนว่า จะคืนอำนาจให้แก่สำนักงานระดับภูมิภาคและสถานทูต จะขจัดโครงการและสำนักงานที่ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์หลักของสหรัฐ แผนการนี้จะนำมาซึ่งการยุติบทบาทของเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงพลเรือน ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน และการปิดสำนักงานบางแห่งที่ติดตามเรื่องอาชญากรรมสงครามและความขัดแย้งทั่วโลก.-814.-สำนักข่าวไทย

Air India plane crashed on building

เปิดรายงานเบื้องต้นแอร์อินเดียตก

นิวเดลี 12 ก.ค.- อินเดียเปิดเผยรายงานเบื้องต้นเหตุการณ์เครื่องบินสายการบินแอร์อินเดียตกเสียชีวิตเกือบทั้งลำเมื่อเดือนก่อนโดยพบว่า สวิตช์ตัดการจ่ายเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ถูกสับลงหลังจากขึ้นบินได้ไม่กี่นาที สำนักงานสอบสวนอุบัติเหตุเครื่องบินของอินเดียหรือเอเอไอบี (AAIB) ออกรายงานเบื้องต้นในวันนี้ กรณีเครื่องบินโบอิง 787 ดรีมไลเนอร์ของแอร์อินเดีย ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของอินเดีย ตกเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน หลังทะยานขึ้นจากท่าอากาศยานในเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอนของอังกฤษ ทำให้คนบนเครื่องบินที่มีทั้งหมด 242 คนเสียชีวิตเกือบทั้งลำ โดยมีผู้โดยสารรอดชีวิตเพียงคนเดียว และทำให้มีคนบนพื้นดินเสียชีวิตอีก 19 คน ทั้งนี้ ระเบียบสากลกำหนดให้ต้องออกรายงานเบื้องต้นภายใน 30 วันหลังเกิดเหตุ และออกรายงานตัวจริงภายใน 1 ปี รายงานเบื้องต้นลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามเวลามาตรฐานสากลว่า เครื่องบินเดินทางจากกรุงนิวเดลีมาลงจอดที่อาห์เมดาบัด เมื่อเวลา 05.57 น. และเริ่มกระบวนการเตรียมขึ้นบินตั้งแต่เวลา 07.48 น. จนกระทั่งทะยานขึ้นจากท่าอากาศยานเมื่อเวลา 08.08.39 น. เครื่องบินบินด้วยความเร็วสูงสุด 180 นอต เมื่อเวลา 08.08.42 น.ซึ่งเป็นเวลาที่สวิตช์ตัดการจ่ายเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์หมายเลข 1 และหมายเลข 2 ถูกสับจากตำแหน่งทำงานหรือรัน (RUN)  ลงไปอยู่ที่ตำแหน่งตัดหรือคัตออฟ […]

Rubio meets Chinese foreign minister in Malaysia

รมต.สหรัฐ-จีนใช้เวทีอาเซียนหาพันธมิตร

กัวลาลัมเปอร์ 11 ก.ค.- รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐใช้เวทีอาเซียนหารือทวิภาคีกับหลายประเทศ รวมถึงไทย เพื่อย้ำบทบาทของสหรัฐ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศจีนใช้โอกาสนี้วิจารณ์สหรัฐอย่างรุนแรงเรื่องภาษีศุลกากรอัตราใหม่ นายมาร์โก รูบิโอ เดินทางมาเอเชียเป็นครั้งแรกตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม เขาได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกหรืออีเอเอส (EAS) และการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกหรือเออาร์เอฟ (ARF) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียในวันนี้ ร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศจากหลายประเทศที่เป็นหุ้นส่วนกับอาเซียน เช่น จีน รัสเซีย ญี่ปุ่น ส่วนเมื่อวานนี้นายรูบิโอได้กล่าวในการประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนว่า อินโด-แปซิฟิกยังคงเป็นจุดสนใจสำคัญในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ นักวิเคราะห์เชื่อว่า เขาจะหาทางนำเสนอว่าสหรัฐยังคงเป็นหุ้นส่วนของภูมิภาคนี้ที่ดีกว่าจีน กระทรวงต่างประเทศสหรัฐแจ้งว่า นายรูบิโอมีกำหนดหารือทวิภาคีในวันนี้กับรัฐมนตรีต่างประเทศไทย กัมพูชา และอินโดนีเซีย ด้านนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนใช้โอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์สหรัฐอย่างรุนแรง โดยได้กล่าวกับนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยว่า สหรัฐใช้ภาษีศุลกากรในทางมิชอบ บ่อนทำลายระบบการค้าเสรี และแทรกแซงเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและการผลิตระดับโลก นอกจากนี้ยังได้กล่าวกับรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาว่า ภาษีของสหรัฐพรากสิทธิอันชอบธรรมของกัมพูชาที่จะพัฒนาประเทศ นายรูบิโอ วัย 54 ปี และนายหวัง วัย 71 ปี ได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรกในวันนี้ในการหารือทวิภาคีที่ใช้เวลานาน 1 ชั่วโมง.-814.-สำนักข่าวไทย

ASEAN agrees Myanmar election is not a priority, Malaysia says

อาเซียนเห็นพ้องเลือกตั้งเมียนมาไม่ใช่เรื่องด่วน

กัวลาลัมเปอร์ 11 ก.ค.- สมาชิกอาเซียนมีความเห็นตรงกันว่า การเลือกตั้งในเมียนมาไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือ การยุติความรุนแรงทั้งหมด เพื่อให้ทุกฝ่ายหันมาเจรจาหาทางออกร่วมกัน นายโมฮาหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนให้สัมภาษณ์สื่อ นอกรอบการประชุมอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันนี้ว่า ชาติสมาชิกอาเซียนมีความเห็นพ้องกันว่า การเลือกตั้งในเมียนมาไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนในเวลานี้ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ จะต้องยุติความรุนแรงทั้งหมดลงก่อน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันเจรจาหาทางออกของปัญหาทางการเมือง และเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน ซึ่งเป็นแผนสันติภาพที่ผู้นำทหารเมียนมาเคยตกลงไว้เมื่อเดือนเมษายน 2564 หลังจากเกิดการทำรัฐประหารรัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซู จีในเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน นายโมฮาหมัดกล่าวว่า การเลือกตั้งในเมียนมาไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนสันติภาพ 5 ข้อ และอาเซียนได้แนะนำเมียนมาแล้วว่า การเลือกไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ เพราะสถานการณ์ที่ยังเต็มไปด้วยความรุนแรง และการปราบปรามกลุ่มที่เห็นต่างกับรัฐบาลทหาร การเลือกตั้งที่ไร้พรรคฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพจะไม่สามารถแก้ปัญหาใด ๆ ได้ มีแต่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก และอาเซียนจะไม่ยอมรับการเลือกตั้งในเมียนมาที่ไม่มีพรรคการเมืองเข้าร่วมทุกพรรค นอกจากนี้อาเซียนยังต้องการให้เมียนมาขยายเวลาหยุดยิงออกไปอีก หลังจากที่ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านประกาศหยุดยิงหลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา  แต่ก็ยังมีรายงานว่าฝ่ายรัฐบาลยังคงยิงปืนใหญ่และใช้การโจมตีทางอากาศต่อฝ่ายต่อต้านอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลทหารเมียนมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าว ขณะที่การสู้รบภายในประเทศหลังเกิดรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 7,000 คน ประชาชนมากกว่า 3 ล้าน 5 แสนคนต้องไร้ที่อยู่.-816(814).-สำนักข่าวไทย

Philippines Foreign Minister gives interview in Malaysia

เมียนมา-ฟิลิปปินส์จะเจรจาภาษีกับสหรัฐ

เนปิดอว์ 11 ก.ค.- เมียนมาพร้อมส่งทีมไปเจรจากับสหรัฐ ให้ลดภาษีศุลกากรที่ถูกสหรัฐเรียกเก็บร้อยละ 40 ขณะที่ผู้นำฟิลิปปินส์จะไปพบผู้นำสหรัฐ ในเดือนนี้ หลังจากถูกเรียกเก็บเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 17 เป็นร้อยละ 20 โดยไม่มีคำอธิบาย สื่อทางการเมียนมารายงานว่า พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา เรียกร้องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้ลดภาษี หลังจากนายทรัมป์ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าของเมียนมาร้อยละ 40 และเมียนมาพร้อมส่งทีมไปเจรจาที่สหรัฐหากจำเป็น ผู้นำเมียนมายังเสนอให้สหรัฐลดภาษีเมียนมาลงเหลือร้อยละ 10-20 โดยที่เมียนมาจะลดภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐเป็นร้อยละ 0-10 สื่อรัฐบาลเมียนมา รายงานด้วยว่า ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาชื่นชมความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งของประธานาธิบดีทรัมป์ในการนำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองด้วยจิตวิญญาณความรักชาติโดยแท้จริง ด้านนางเธเรซา ลาซาโร รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมอาเซียนที่มาเลเซียว่า นายเฟอร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์จะพบปะกับประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐในเดือนนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ผู้นำทั้ง 2 คนได้พบกัน เพื่อเจรจาเรื่องภาษีศุลกากรที่ฟิลิปปินส์ถูกสหรัฐเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 20 โดยไม่มีคำอธิบาย จากเดิมที่สหรัฐประกาศไว้ที่ร้อยละ 17 ในวันปลดแอก 2 เมษายน ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า การพบปะของผู้นำทั้งสองจะมีขึ้นในวันที่ 22 กรกฎาคม ขณะที่สำนักงานของประธานาธิบดีมาร์กอสระบุว่า นายมาร์กอสมีกำหนดเยือนสหรัฐระหว่างวันที่ […]

26th ASEAN plus Three Ministers' Meeting

จีนเสนอวิธีหนุนอาเซียนบวกสามยกระดับบูรณาการ

กัวลาลัมเปอร์ 11 ก.ค.- จีนเสนอข้อเสนอแนะ 4 ประการ ในการสนับสนุนให้กลุ่มอาเซียนบวกสามยกระดับการบูรณาการในภูมิภาค สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ได้กล่าวในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนบวกสาม ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียเมื่อวานนี้ว่า ยิ่งสถานการณ์ระหว่างประเทศมีความสลับซับซ้อนมากเท่าใด กลุ่มประเทศอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ หรืออาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three) ยิ่งจำเป็นต้องขจัดการแทรกแซงและเดินหน้ายกระดับกระบวนการบูรณาการระดับภูมิภาค นายหวังกล่าวว่า การมุ่งเน้นพัฒนาและส่งเสริมความร่วมมือเป็นแนวโน้มและกระแสหลักของความร่วมมือในเอเชียตะวันออกในปัจจุบัน แม้นานาประเทศจะยังเผชิญหลายความท้าทาย เช่น ผลกระทบจากเอกภาพนิยมหรือการกระทำฝ่ายเดียวและการกีดกันทางการค้า รวมถึงการใช้ภาษีในทางมิชอบโดยชาติมหาอำนาจบางประเทศ ทำให้ยิ่งมีความจำเป็นต้องเสริมสร้างแนวโน้มความร่วมมือและเพิ่มขีดความสามารถการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นายหวังได้เสนอข้อเสนอแนะ 4 ประการสำหรับความร่วมมือในระยะต่อไปประกอบด้วย ประการแรก สร้างเอเชียตะวันออกแบบบูรณาการ ด้วยการยืนหยัดคัดค้านการ “สร้างกำแพงและอุปสรรค” จีนยินดีทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อดำเนินตามแถลงการณ์ของคณะผู้นำ และเดินหน้าส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในด้านห่วงโซ่การผลิตและห่วงโซ่อุปทาน ประการที่สอง สร้างเอเชียตะวันออกที่เข้มแข็งและยืดหยุ่น ด้วยการวางแผนทิศทางในอนาคตของความร่วมมือด้านการคลังและการเงินในภูมิภาค จีนยินดีทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อสำรวจนวัตกรรมเชิงกลไก และยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคบนพื้นฐานของการเสริมสร้างกลไกสำรองข้าวฉุกเฉินอาเซียนบวกสามให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ประการที่สาม สร้างเอเชียตะวันออกที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมและพลวัต ด้วยการคว้าโอกาสที่มาพร้อมการปฏิวัติทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมรอบใหม่ และขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านและการพัฒนาด้วยนวัตกรรม ประการที่สี่ สร้างเอเชียตะวันออกที่เชื่อมโยงทางวัฒนธรรม ด้วยการดำเนินโครงการ “แคมปัส เอเชีย ” […]

Trump and Carney at G7 summit in Canada 16 June 2025

ทรัมป์จะเก็บภาษีแคนาดา 35%

วอชิงตัน 11 ก.ค.- สหรัฐแจ้งแคนาดาว่า จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาร้อยละ 35 ตั้งแต่เดือนสิงหาคม และมีแผนจะเก็บภาษีแบบเหมารวมร้อยละ 15ิ หรือร้อยละ 20 กับสินค้านำเข้าจากหลายประเทศที่ยังไม่ได้ส่งหนังสือแจ้ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยแพร่จดหมายลงสื่อสังคมออนไลน์ทรูธโซเชียลเมื่อวานนี้ เป็นหนังสือที่เขาแจ้งต่อนายกรัฐมนตรีมาร์ค คาร์นีย์ของแคนาดาว่า จะเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าแคนาดาในอัตราร้อยละ 35 เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่เก็บร้อยละ 25 ไม่รวมอัตราภาษีสินค้าเฉพาะกลุ่มสินค้าตามมาตรา 232 (Sectoral Tariffs) ที่ประกาศใช้ไปก่อนหน้านี้ อัตราภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม และจะเพิ่มขึ้นถ้าแคนาดาเก็บภาษีสินค้าตอบโต้สหรัฐ จดหมายดังกล่าวยังระบุว่า แคนาดามีปัญหาเรื่องเฟนทานิลซึ่งเป็นยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์เสพติดได้หลั่งไหลเข้าสหรัฐ และมีอุปสรรคทางการค้าที่มีทั้งภาษี และไม่ใช่ภาษีรวมทั้งนโยบายมากมายที่ทำให้ดุลการค้าไม่สมดุล ด้านนายกรัฐมนตรีคาร์นีย์ของแคนาดาโพสต์เอ็กซ์ (X) ว่า รัฐบาลแคนาดาจะเดินหน้าปกป้องคนทำงานและธุรกิจของแคนาดาในการเจรจากับสหรัฐ ผู้นำแคนาดากล่าวเมื่อเดือนมิถุนายนว่า เขาและผู้นำสหรัฐตกลงกันว่าจะสรุปข้อตกลงเศรษฐกิจและความมั่นคงฉบับใหม่ภายใน 30 วัน ส่วนในการให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีซีนิวส์ (NBC News) ที่เผยแพร่ในวันเดียวกัน นายทรัมป์กล่าวว่า หุ้นส่วนการค้าอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้รับจดหมายแจ้งจากสหรัฐจะถูกเก็บภาษีแบบเหมารวม สหรัฐกำลังพิจารณาในรายละเอียดว่าจะเก็บอัตราร้อยละ 20 หรือร้อยละ 15.-820(814).-สำนักข่าวไทย

1 2 3 677