“นักวิชาการ-สื่อ” มองศาลยุคปัจจุบันปรับตัว รับคำวิจารณ์

โรงแรมอัศวินฯ 14 ก.ค.-“นักวิชาการ-สื่อ” มองศาลยุคปัจจุบันปรับตัว รับคำวิจารณ์ เป็นหลักประชาธิปไตย ชี้หากแก้ไขที่มาตุลาการให้เลือกตั้ง หวั่นซ้ำรอยต่างประเทศ ขอให้ปรับการสื่อสาร เร็ว-เข้าใจง่าย ซัดนักการเมืองมองรัฐธรรมนูญเป็นต้นไม้พิษ แต่เลือกกินผลที่เป็นประโยชน์ ไม่เคยแก้ไขตัวเอง แต่อ้างนิติสงคราม

ศาลรัฐธรรมนูญ จัดการเสวนาหัวข้อ “การสร้างระบบถ่วงดุลและบทบาทหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต” นายวันวิชิต บุญโปร่ง รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า มีการตั้งคำถามว่ามีสิทธิ์อะไรที่คนแค่ 9 คน มาตัดสินอนาคต หรือคนที่ได้รับฉันทามติจากประชาชนโดยตรงนั้น แต่ปัญหาการสื่อสาร รับข้อความบ้านเรา ชอบมองที่ปลายน้ำไม่มองต้นน้ำ ว่าที่ถูกร้องเรียนนั้นเพราะอะไร แล้วเอาปลายน้ำมาตั้งคำถาม และถามการได้มาของศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าต้องการประชาธิปไตยจ๋า แบบเม็กซิโก ประชาชนเลือกตั้งศาลทุกระดับ พบว่าประชาชนใช้สิทธิ์แค่ 13% หรือแค่ล้านกว่าคน จากจำนวนคนของทั้งประเทศ ทำให้มีการวิจารณ์ระบบยุติธรรมของชาติตามมา ฝ่ายการเมืองก็คิดวางอำนาจของตน กลายเป็นว่าศาลต้องวิ่งหานักการเมือง วิ่งหาฐานเสียง ทำให้คนมองว่ากระบวนการยุติธรรมถูกปู้ยี้ปู้ยำ แต่ฝ่ายการเมืองบอกว่านี่คือประชาธิปไตย ดังนั้นหากเรื่องนี้เกิดขึ้นในไทย คิดว่าคนค่อนประเทศ หรือส่วนใหญ่จะสวดชยันต์โต ย้อนไปร้อยกว่าปี อำนาจศาล พระเดชพระคุณอยู่ที่คนคนเดียว แล้วจะเอาอย่างนั้นหรือ


“ผมคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.นี้ มีการน้อมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์และการตั้งคำถามของสื่อ นักวิชาการ นักวิเคราะห์ ซึ่งนี่คือโลกของประชาธิปไตยที่ยอมรับการแสดงความเห็นหลายด้าน ผมไม่ได้มาชม แต่เห็นว่าพัฒนาการของศาลดีขึ้นตามลำดับ” นายวันวิชิต กล่าว

นายวันวิชิต ยังกล่าวว่าส่วนกรณีให้มีศาลจริยธรรมตรวจสอบดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญอีกเหมือนบางประเทศ จะกลายเป็นการฟอก หรือดึงเช็ง และเป็นประเด็นถกเถียงกันอีก ทั้งนี้ผลการตัดสินย่อมมีทั้งคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีการเปิดเผยมติและความเห็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้นถือเป็นความโปร่งใสแล้ว อย่างมติ 7 ต่อ 2 เสียง ที่ให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ กับไม่หยุด มีคนระดับนายพลมาถามว่า ทำไมเป็นแบบนี้ นี่แสดงว่าเขาไม่อ่านเนื้อหาข้างใน ซึ่งบรรยายเหตุผลไว้อยู่แล้วว่า เพราะอะไร และเห็นด้วยว่าควรมีโฆษกศาลฯ เพื่อตอบคำถามมากกว่าเพลส หรือแถลงการณ์ เพื่อลดความฟุ้งซ่านของสังคม และทันต่อสถานการณ์


นายชวรงค์ ลิมปัทมปาณี ประธานสภาสื่อมวลชนแห่งชาติ กล่าวว่า คนมองศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นศาลการเมือง ต่างจากหลายประเทศ โดยเฉพาะปัจจุบันศาลรัฐธรรม ตามรัฐธรมนูญปี 2560 มีอำนาจเพิ่มขึ้นในการตัดสินจริยธรรมนักการเมืองที่เป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะการเมืองมีหลายฝ่าย แต่ประเด็นการสื่อสารของสื่อที่มีหลายช่องทางและใช้ความเร็วในการชิงพื้นที่ จึงสื่อสารสั้นๆ เช่น มติ 7 ต่อ 2 สั้นๆ จึงต้องมีคำอธิบายออกมาเร็ว ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญถือว่า มีเอกสารเผยแพร่ออกมาเร็ว แต่ใช้ภาษาอ่านยาก จึงต้องพัฒนา ควรสรุปย่อคำวินิจฉัย คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ที่อ่านเข้าใจง่าย ไม่ใช้ภาษากฎหมาย ภาษาศาล ส่วนกรณีที่มีการบิดถ้อยคำ หรือมีนักแบกต่างๆ นั้นเห็นว่าควรมีโฆษกศาล ที่สามารถอธิบายคำวินิจฉัยข้อสงสัย และให้ความเห็นได้

นายมนตรี จอมพันธ์ สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวว่า การได้มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มาจากการสรรหา และผ่านการเห็นของของวุฒิสภา เป็นเรื่องที่ถูกตั้งคำถาม และมีการยื่นแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญและแก้ไขตรงนี้ เช่น ให้เป็นความเห็นร่วมระหว่างรัฐสภา และวุฒิสภา ซึ่งต้องจับตาว่าจะผ่านหรือไม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ กรณีการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญล่าสุด คนที่ได้รับการสรรหาแทบได้เสียงเอกฉันท์จากกรรมการสรรหา แต่พอเสนอเข้าวุฒิสภากลับไม่ผ่าน ให้กลับมาสรรหาใหม่ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ คนที่ไม่ได้รับการสรรหาในรอบแรก รอบนี้กลับได้ และเข้าสู่รอบสุดท้ายแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เราทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นไปตามกติกา เมื่อเขียนที่มาให้เป็นแบบนี้ แต่สิ่งที่สื่อมวลชน และนักวิชาการต้องทำคือการจับตาและร่วมการกันตรวจสอบ

นายมนตรี กล่าวต่อถึงการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญขอฝ่ายต่างๆ ขณะนี้ว่า ตนคิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นาทีนี้คงลำบาก แต่ตนเห็นว่า ที่ผ่านมามักเอารัฐธรรมนูญมาเป็นปัญหา บอกว่าเป็นต้นไม้พิษ แต่จริงๆ คนกลับเลือกกินบางผลที่เป็นประโยชน์กับตนเอง เช่นเดียวกับเรื่องรัฐประหารที่เลือกบางอย่างมาใช้ แล้ววันนี้ก็มามองว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามคิดว่า การแก้ไขเพื่อเป็นหลักประกันทุกฝ่าย ปัญหาหนึ่งที่ผ่านมาที่ไม่เคยแก้เลยคือนักการเมือง หรือคน ไม่เคยมองว่าตนเองเป็นปัญหาและไม่เคยแก้ไข ทั้งนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทบทวนคือ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เดิมที่ผ่านมาไม่มีภารหน้าที่มากนัก แต่วันนี้ทุกอย่างมาที่ศาลรัฐธรรมนูญหมด พอเรื่องที่ไม่เป็นคุณ ก็มองว่าคน 9 คน ตัดสินไม่ถูกต้อง หรือบางครั้งคนพูดเรื่องนี้แล้วเห็นว่าเรื่องไหนที่รอก่อน ก็มาถามศาล เช่น แก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำประชามติกี่ครั้ง ซึ่งย้ำว่าถ้าจะแก้จริงๆ ไม่ต้องนับหนึ่งตั้งกรรมการคณะแรกด้วยซ้ำ แถมยังแวะกลางทางเรื่อยๆ สุดท้ายต้องมาถามศาล ดังนั้นต้องทบทวนการได้มาของศาลรัฐธรรมนูญ และทบทวนบทบาทหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะเอาทุกเรื่องตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบหรือไม่ อย่างที่นักการเมืองบอกว่าเรื่องจริยธรรมให้องค์กรดูได้หรือไม่ ศาลจะได้ไม่พลอยเป็นจำเลย คำว่านิติสงครามจะได้ไม่ถูกนำมาพูดถึง ทั้งที่ศาลท่านให้ความเป็นธรรมกับผู้คนทั้งหลายที่ทำอย่างตรงไปตรงมา


“คำว่า นิติสงครามจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเกิดว่าไม่มีคนไปท้าทาย ฉวัดเฉวียน โฉบอยู่เรื่อย เส้นทุกเส้นมันเลยไปหมดแล้ว แม้กระทั้งที่เป็นข่าวอยู่วันสองวัน ถ้ามีคนไปร้องก็หาว่ากลายเป็นลูกอีช่างฟ้อง แต่ถ้าไม่ทำ เขาจะไปฟ้องไหม ก็เพราะว่าไปโฉบๆ เฉี่ยวๆ จนกระทั่งเป็นปัญหา แต่พอไม่พอใจก็บอกว่านี่เป็นนิติสงคราม” นายมนตรี กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]