“มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็น เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 13 ส.ค.- “มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็นอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้ เชื่อยูเอ็นเข้าใจ เผยคุยมิตรประเทศ บอก พฤติกรรมเขมรวางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งประชุมร่วมรัฐภาคี-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บหลักฐานให้คณะทำงานดูข้อมูลจริงจากพื้นที่ ขอช่วยผลักดันเขมรร่วมวงเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ทำตามอนุสัญญาออตตาวา


นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเลขาฯ UN และ UNSC อ้างไทยละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงหยุดยิงว่า เป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งตนยังไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจน ของกัมพูชาว่าเราละเมิดตรงไหน ในขณะที่ทางกัมพูชาเองใช้วิธีที่ไม่จริงใจต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยั่วยุด้วยสงครามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โอกาสในการมาฝังลูกระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามความตกลงหยุดยิงระหว่างกัน

อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาส่งหนังสือไปถึงยูเอ็น ทางฝ่ายยูเอ็นก็ไม่ได้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้มีหนังสือชี้แจง เลขาธิการสหประชาชาติไปในทุกโอกาส และทุกกรณีที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของอนุสัญญาออตตาวา ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือผลักดันในเรื่องนี้ไปถึง ทูต ญี่ปุ่น ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานของรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา 3 ฉบับและอีกหนึ่งฉบับก็กำลังจะส่งตามไป เพื่อกดดันหรือผลักดันให้รัฐภาคี ดำเนินตามมาตรการ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขอข้อมูลหลักฐาน ที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพได้ร่วมมือกันอย่างดี และสนับสนุน ข้อมูลทั้งหลายเพื่อให้เราสามารถใช้ในกรอบของการขับเคลื่อนผลักดันกัมพูชาให้มากยิ่งขึ้นในการเก็บกู้วัตถุระเบิดต่อไป

สำหรับการประชุมในวันศุกร์นี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่ากัมพูชายังไม่เข้าร่วม โดยยังคงปฏิเสธ ซึ่งตรงนี้จะเป็นเรื่องที่เราประชุมร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเชิญรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา ทีแมค และเชิญผู้แทนจากกองทัพมาร่วมประชุมซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความพยายาม ที่เราจะกดดันให้กัมพูชาเข้ามาร่วมมือ ตรงนี้ท่าทีของเราชัดเจนและได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าการทำงานของเรามีความโปร่งใส เป็นไปตามกรอบความตกลงของยูเอ็น ในเรื่องของกฎหมาย ระหว่างประเทศ ดังนั้นทางกัมพูชาก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องแสดงท่าทีแสดงความจริงใจที่จะเข้ามาร่วม มือกับประเทศไทย โดยเรากดดันทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมแม่โขง-ล้านช้าง ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันนี้ด้วยว่า จะใช้โอกาสที่ได้พบปะหารือทวิภาคีกับประเทศสมาชิกที่ไปร่วมประชุม ชี้แจงให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และ ตลอดระยะเวลาในช่วงที่ผ่านมาก็ได้ชี้แจงตลอด ไม่ใช่เฉพาะช่วงที่มีเหตุทหาร เหยียบกับระเบิด ซึ่งที่ผ่านมาได้พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศที่เป็นพันธมิตรกับไทยหลายคน ตนได้มีข้อความติดต่อกับรัฐมนตรีต่างประเทศของทุกประเทศเหล่านี้อธิบายและ อัปเดต ความคืบหน้าต่างๆ ถึงสถานการณ์ ว่ากัมพูชาไม่ได้แสดงความจริงใจ โดยทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้เป็นเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนและทำให้มิตรประเทศของไทยทั้งหลาย ในโลกได้เข้าใจประเทศไทย ซึ่งขอย้ำว่า การทำงานของ รัฐบาลกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพเป็นเนื้อหนึ่งเดียวกัน โดยจะเห็นว่าในช่วงที่ตนเดินทาง ร่วมประชุมสหประชาชาติ ก็ได้มีการรณรงค์ ในเรื่องของการแสดงความชอบธรรมของเราที่จะใช้การป้องกันตนเอง ซึ่งตรงนี้ทำให้ทหารและกองทัพปฏิบัติการทางยุทธศาสตร์ของทหาร ได้อย่างสะดวกใจโดยไม่มีประเทศไหนประณาม หรือมีประเทศอื่นใดตำหนิการใช้อาวุธของประเทศ และหลายคนก็ไม่เห็นด้วยที่กัมพูชาละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยการโจมตีเป้าหมาย พลเรือน ดังนั้นขอเรียนว่านโยบายด้านการต่างประเทศและการทหารสอดรับมาประสานกันมาโดยตลอด ทำให้การดำเนินนโยบายต่างประเทศหรือการทูตประสบความสำเร็จด้วยการกดดันของฝ่ายทหารขณะเดียวกันทหารก็มีความสบายใจในการปฏิบัติการทางทหาร บนพื้นฐานว่าเราทำทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การตอบโต้ ที่เป็นไปตามบทบาทสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นขอเรียนว่าประชาคมโลกเข้าใจประเทศไทย และทำให้เราไม่ถูกตำหนิใดๆ ทั้งสิ้นและต้องขอขอบคุณปฏิบัติการทางทหาร ที่ทำให้การดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การทูตระหว่างประเทศประสบผลสำเร็จด้วยดี


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการตอบโต้กัมพูชาหลังทหารเหยียบกับระเบิดเมื่อวันที่ 12 สค ว่า ทหารไทยได้สูญเสียอวัยวะ และบาดเจ็บ กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจสอบกับทางกองทัพ และยื่นประท้วงกับทางกัมพูชาไปแล้ว เราไม่พอใจอย่างรุนแรงที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงที่คุยกันไว้ในการประชุม GBC และอนุสัญญาออตตาวา รวมถึง เราได้ส่งหนังสือไปถึงเลขาธิการสหประชาชาติ ได้ชี้แจงรายละเอียด การกระทำที่ละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ โดยการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล นอกจากนี้ยังมีหนังสือไปถึง ทูตญี่ปุ่นประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานรัฐภาคีสัญญาออตตาวา เพื่อให้เร่งดำเนินการในสิ่งที่เราได้ขอรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวาไปแล้ว

“ผมได้พูดโดยตรงกับเลขาธิการสหประชาชาติตอนอยู่ที่นิวยอร์กก่อนที่จะมีการปะทะได้พูดกับเลขาธิการสหประชาชาติโดยตรง เพื่อยืนยันและชี้แจงให้เลขาธิการสหประชาชาติได้เข้าใจถึงการกระทำที่ละเมิดของกัมพูชา ตอนนั้นทหารไทยได้เหยียบกับระเบิดไปแล้วสองครั้ง ซึ่งผมเรียนท่านว่า ในอนาคตหากกัมพูชายังไม่หยุดการกระทำเช่นนี้ ผมจะขอให้ใช้กลไกของ อนุสัญญา ออตตาวาผ่านเลขาธิการสหประชาขาติ เพื่อที่จะไต่สวนความผิด รวมถึงการกระทำของกัมพูชาในเรื่องของการใช้ระเบิดสังหารบุคคล”

นายมาริษ กล่าวต่อว่า เราพยามผลักดันในเรื่องนี้ ได้ใช้กลไกทุกอย่างของอนุสัญญาออตตาวา ได้มีหนังสือกลับมาขอเอกสารเพิ่มเติม เมื่อวานนี้ทั้งวันตนได้มีการพูดคุยกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ได้เรียนให้ทราบว่า ตนมีความเป็นห่วงและไม่สามารถรับได้กับการกระทำที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในการใช้ระเบิดสังหารบุคคลและทหารไทยต้องประสบกับความเสียหายในตรงนี้ และขอให้ช่วยผลักดันให้ใช้กลไกของ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งตนขอยืนยันว่าจะผลักดันในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ กระทรวงการต่างประเทศก็ดำเนินการทุกอย่างอย่างเต็มที่ ผ่านกระบวนการทั้งที่นิวยอร์กและ นครเจนีวา เพื่อให้ได้ผลโดยเร็ว เพื่อให้มีการไต่สวนและพิจารณาการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา

ส่วนของความร่วมมือในภูมิภาคตนได้ใช้เวลาทั้งวันคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย และได้คุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ สิ่งสำคัญที่เราต้องพยายามผลักดันต่อไป ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ คือขอให้อาเซียน หรือกรอบความร่วมมือของภูมิภาคกดดันให้กัมพูชามาร่วมมือกับประเทศไทย ในการที่จะแก้ไขปัญหาการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล บริเวณชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนของประเทศไทย ซึ่งสิ่งที่กระทรวงต่างประเทศยึดถือมาโดยตลอด และชี้แจงให้ทั่วโลกตระหนักว่า กัมพูชาละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย โดยการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และเกิดความเสียหาย

“เราไม่ได้ต้องการเพียงแค่ประนาม อย่างที่เราดำเนินการมาโดยตลอด แต่เราต้องการเห็นความจริงใจของกัมพูชาที่จะแก้ไขปัญหาตรงนี้ร่วมกับเราโดยการมีการร่วมมือ ทั้งในกรอบภูมิภาค กรอบของโลก ในกรอบของภูมิภาคเรามีความร่วมมือของศูนย์ปฏิบัติการจัดการทุ่นระเบิด ซึ่งในกัมพูชาก็มีศูนย์นี้เช่นกัน ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากมิตรประเทศให้เก็บกู้ทุ่นระเบิด”

นายมาริษ ย้ำว่า ต้องใช้กรอบของอาเซียนกดดันให้กัมพูชาเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อแสดงถึงความจริงใจให้เห็นว่า พร้อมที่จะมามีความร่วมมือกับเรา

“เมื่อเราประท้วง กัมพูชาจะใช้ว่าเป็นระเบิดเก่า และฝังอยู่ในดินแดนของกัมพูชา ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงฝังระเบิดในดินแดนของเขา”

นายมาริษ ระบุว่า ความพยายามในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด มีมาตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีจนมาถึงสมัย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกเรื่องนี้ หารือกับทางกัมพูชา ในระดับนโยบายได้พูดคุยมาโดยตลอด แต่กัมพูชาบ่ายเบี่ยง จึงขอเรียกร้องอีกครั้งว่า ขอให้กัมพูชาแสดงความจริงใจที่จะแก้ปัญหานี้ร่วมกันกับประเทศไทย

หลายทุกคนคงจำได้ว่าในการประชุม GBC หนึ่งในคณะของฝ่ายไทย ได้หยิบยกขึ้นมาคือ เก็บกู้ระเบิดซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ปฏิเสธ เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ว่าตนไรัฐด้พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย ไปแล้ว ขอให้ประเทศทั้งหลายที่เป็นมิตรประเทศอาเซียนร่วมกันกดดัน เรามีความจริงใจและพร้อมเพราะเรามีทั้งเทคโนโลยี และองค์ความรู้เรื่องในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ถึงแม้ว่าตนจะอยู่ที่ต่างประเทศ แต่จะมีสรุปเข้ามาจะมีการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย กับ ทหาร กองทัพ และประเทศสมาชิก ที่ให้ความสำคัญ กับการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ต้องขอบคุณประเทศญี่ปุ่น ที่ให้ความช่วยเหลือทั้งกัมพูชาและไทย ในเรื่องเทคโนโลยีองค์ความรู้ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพราะฉะนั้นเราจะเชิญประเทศที่ช่วยเหลือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ประเทศอาเซียน รวมทั้งรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา มาร่วมประชุมด้วย ว่าไทยจะมีขั้นตอนต่อไปอย่างไร ตนได้มอบนโยบายไปแล้วว่า ให้ร่วมกันพูดคุย เพื่อผลักดันให้กัมพูชาแสดงความจริงใจ ในการแก้ไขปัญหากับไทยอย่างเต็มที่ ซึ่งจะมีการลงไปในพื้นที่เพื่อเก็บหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งให้คณะทำงานทั้งหมดได้รับทราบข้อมูล จากผู้ปฏิบัติในสนามอย่างแท้จริง.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]