“มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็น เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 13 ส.ค.- “มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็นอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้ เชื่อยูเอ็นเข้าใจ เผยคุยมิตรประเทศ บอก พฤติกรรมเขมรวางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งประชุมร่วมรัฐภาคี-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บหลักฐานให้คณะทำงานดูข้อมูลจริงจากพื้นที่ ขอช่วยผลักดันเขมรร่วมวงเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ทำตามอนุสัญญาออตตาวา


นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเลขาฯ UN และ UNSC อ้างไทยละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงหยุดยิงว่า เป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งตนยังไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจน ของกัมพูชาว่าเราละเมิดตรงไหน ในขณะที่ทางกัมพูชาเองใช้วิธีที่ไม่จริงใจต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยั่วยุด้วยสงครามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โอกาสในการมาฝังลูกระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามความตกลงหยุดยิงระหว่างกัน

อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาส่งหนังสือไปถึงยูเอ็น ทางฝ่ายยูเอ็นก็ไม่ได้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้มีหนังสือชี้แจง เลขาธิการสหประชาชาติไปในทุกโอกาส และทุกกรณีที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของอนุสัญญาออตตาวา ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือผลักดันในเรื่องนี้ไปถึง ทูต ญี่ปุ่น ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานของรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา 3 ฉบับและอีกหนึ่งฉบับก็กำลังจะส่งตามไป เพื่อกดดันหรือผลักดันให้รัฐภาคี ดำเนินตามมาตรการ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขอข้อมูลหลักฐาน ที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพได้ร่วมมือกันอย่างดี และสนับสนุน ข้อมูลทั้งหลายเพื่อให้เราสามารถใช้ในกรอบของการขับเคลื่อนผลักดันกัมพูชาให้มากยิ่งขึ้นในการเก็บกู้วัตถุระเบิดต่อไป

สำหรับการประชุมในวันศุกร์นี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่ากัมพูชายังไม่เข้าร่วม โดยยังคงปฏิเสธ ซึ่งตรงนี้จะเป็นเรื่องที่เราประชุมร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเชิญรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา ทีแมค และเชิญผู้แทนจากกองทัพมาร่วมประชุมซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความพยายาม ที่เราจะกดดันให้กัมพูชาเข้ามาร่วมมือ ตรงนี้ท่าทีของเราชัดเจนและได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าการทำงานของเรามีความโปร่งใส เป็นไปตามกรอบความตกลงของยูเอ็น ในเรื่องของกฎหมาย ระหว่างประเทศ ดังนั้นทางกัมพูชาก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องแสดงท่าทีแสดงความจริงใจที่จะเข้ามาร่วม มือกับประเทศไทย โดยเรากดดันทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมแม่โขง-ล้านช้าง ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันนี้ด้วยว่า จะใช้โอกาสที่ได้พบปะหารือทวิภาคีกับประเทศสมาชิกที่ไปร่วมประชุม ชี้แจงให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และ ตลอดระยะเวลาในช่วงที่ผ่านมาก็ได้ชี้แจงตลอด ไม่ใช่เฉพาะช่วงที่มีเหตุทหาร เหยียบกับระเบิด ซึ่งที่ผ่านมาได้พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศที่เป็นพันธมิตรกับไทยหลายคน ตนได้มีข้อความติดต่อกับรัฐมนตรีต่างประเทศของทุกประเทศเหล่านี้อธิบายและ อัปเดต ความคืบหน้าต่างๆ ถึงสถานการณ์ ว่ากัมพูชาไม่ได้แสดงความจริงใจ โดยทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้เป็นเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนและทำให้มิตรประเทศของไทยทั้งหลาย ในโลกได้เข้าใจประเทศไทย ซึ่งขอย้ำว่า การทำงานของ รัฐบาลกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพเป็นเนื้อหนึ่งเดียวกัน โดยจะเห็นว่าในช่วงที่ตนเดินทาง ร่วมประชุมสหประชาชาติ ก็ได้มีการรณรงค์ ในเรื่องของการแสดงความชอบธรรมของเราที่จะใช้การป้องกันตนเอง ซึ่งตรงนี้ทำให้ทหารและกองทัพปฏิบัติการทางยุทธศาสตร์ของทหาร ได้อย่างสะดวกใจโดยไม่มีประเทศไหนประณาม หรือมีประเทศอื่นใดตำหนิการใช้อาวุธของประเทศ และหลายคนก็ไม่เห็นด้วยที่กัมพูชาละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยการโจมตีเป้าหมาย พลเรือน ดังนั้นขอเรียนว่านโยบายด้านการต่างประเทศและการทหารสอดรับมาประสานกันมาโดยตลอด ทำให้การดำเนินนโยบายต่างประเทศหรือการทูตประสบความสำเร็จด้วยการกดดันของฝ่ายทหารขณะเดียวกันทหารก็มีความสบายใจในการปฏิบัติการทางทหาร บนพื้นฐานว่าเราทำทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การตอบโต้ ที่เป็นไปตามบทบาทสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นขอเรียนว่าประชาคมโลกเข้าใจประเทศไทย และทำให้เราไม่ถูกตำหนิใดๆ ทั้งสิ้นและต้องขอขอบคุณปฏิบัติการทางทหาร ที่ทำให้การดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การทูตระหว่างประเทศประสบผลสำเร็จด้วยดี


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการตอบโต้กัมพูชาหลังทหารเหยียบกับระเบิดเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ว่า ทหารไทยได้สูญเสียอวัยวะ และบาดเจ็บ กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจสอบกับทางกองทัพ และยื่นประท้วงกับทางกัมพูชาไปแล้ว เราไม่พอใจอย่างรุนแรงที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงที่คุยกันไว้ในการประชุม GBC และอนุสัญญาออตตาวา รวมถึง เราได้ส่งหนังสือไปถึงเลขาธิการสหประชาชาติ ได้ชี้แจงรายละเอียด การกระทำที่ละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ โดยการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล นอกจากนี้ยังมีหนังสือไปถึง ทูตญี่ปุ่นประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานรัฐภาคีสัญญาออตตาวา เพื่อให้เร่งดำเนินการในสิ่งที่เราได้ขอรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวาไปแล้ว

“ผมได้พูดโดยตรงกับเลขาธิการสหประชาชาติตอนอยู่ที่นิวยอร์กก่อนที่จะมีการปะทะได้พูดกับเลขาธิการสหประชาชาติโดยตรง เพื่อยืนยันและชี้แจงให้เลขาธิการสหประชาชาติได้เข้าใจถึงการกระทำที่ละเมิดของกัมพูชา ตอนนั้นทหารไทยได้เหยียบกับระเบิดไปแล้วสองครั้ง ซึ่งผมเรียนท่านว่า ในอนาคตหากกัมพูชายังไม่หยุดการกระทำเช่นนี้ ผมจะขอให้ใช้กลไกของ อนุสัญญา ออตตาวาผ่านเลขาธิการสหประชาขาติ เพื่อที่จะไต่สวนความผิด รวมถึงการกระทำของกัมพูชาในเรื่องของการใช้ระเบิดสังหารบุคคล”

นายมาริษ กล่าวต่อว่า เราพยามผลักดันในเรื่องนี้ ได้ใช้กลไกทุกอย่างของอนุสัญญาออตตาวา ได้มีหนังสือกลับมาขอเอกสารเพิ่มเติม เมื่อวานนี้ทั้งวันตนได้มีการพูดคุยกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ได้เรียนให้ทราบว่า ตนมีความเป็นห่วงและไม่สามารถรับได้กับการกระทำที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในการใช้ระเบิดสังหารบุคคลและทหารไทยต้องประสบกับความเสียหายในตรงนี้ และขอให้ช่วยผลักดันให้ใช้กลไกของ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งตนขอยืนยันว่าจะผลักดันในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ กระทรวงการต่างประเทศก็ดำเนินการทุกอย่างอย่างเต็มที่ ผ่านกระบวนการทั้งที่นิวยอร์กและ นครเจนีวา เพื่อให้ได้ผลโดยเร็ว เพื่อให้มีการไต่สวนและพิจารณาการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา

ส่วนของความร่วมมือในภูมิภาคตนได้ใช้เวลาทั้งวันคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย และได้คุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ สิ่งสำคัญที่เราต้องพยายามผลักดันต่อไป ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ คือขอให้อาเซียน หรือกรอบความร่วมมือของภูมิภาคกดดันให้กัมพูชามาร่วมมือกับประเทศไทย ในการที่จะแก้ไขปัญหาการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล บริเวณชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนของประเทศไทย ซึ่งสิ่งที่กระทรวงต่างประเทศยึดถือมาโดยตลอด และชี้แจงให้ทั่วโลกตระหนักว่า กัมพูชาละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย โดยการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และเกิดความเสียหาย

“เราไม่ได้ต้องการเพียงแค่ประณาม อย่างที่เราดำเนินการมาโดยตลอด แต่เราต้องการเห็นความจริงใจของกัมพูชาที่จะแก้ไขปัญหาตรงนี้ร่วมกับเราโดยการมีการร่วมมือ ทั้งในกรอบภูมิภาค กรอบของโลก ในกรอบของภูมิภาคเรามีความร่วมมือของศูนย์ปฏิบัติการจัดการทุ่นระเบิด ซึ่งในกัมพูชาก็มีศูนย์นี้เช่นกัน ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากมิตรประเทศให้เก็บกู้ทุ่นระเบิด”

นายมาริษ ย้ำว่า ต้องใช้กรอบของอาเซียนกดดันให้กัมพูชาเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อแสดงถึงความจริงใจให้เห็นว่า พร้อมที่จะมามีความร่วมมือกับเรา

“เมื่อเราประท้วง กัมพูชาจะใช้ว่าเป็นระเบิดเก่า และฝังอยู่ในดินแดนของกัมพูชา ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงฝังระเบิดในดินแดนของเขา”

นายมาริษ ระบุว่า ความพยายามในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด มีมาตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีจนมาถึงสมัย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกเรื่องนี้ หารือกับทางกัมพูชา ในระดับนโยบายได้พูดคุยมาโดยตลอด แต่กัมพูชาบ่ายเบี่ยง จึงขอเรียกร้องอีกครั้งว่า ขอให้กัมพูชาแสดงความจริงใจที่จะแก้ปัญหานี้ร่วมกันกับประเทศไทย

หลายคนคงจำได้ว่าในการประชุม GBC หนึ่งในคณะของฝ่ายไทยได้หยิบยกขึ้นมาคือ เก็บกู้ระเบิดซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ปฏิเสธ เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ว่าตนได้พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียไปแล้ว ขอให้ประเทศทั้งหลายที่เป็นมิตรประเทศอาเซียนร่วมกันกดดัน เรามีความจริงใจและพร้อมเพราะเรามีทั้งเทคโนโลยี และองค์ความรู้เรื่องในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ถึงแม้ว่าตนจะอยู่ที่ต่างประเทศ แต่จะมีสรุปเข้ามาจะมีการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย กับทหาร กองทัพ และประเทศสมาชิก ที่ให้ความสำคัญกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ต้องขอบคุณประเทศญี่ปุ่นที่ให้ความช่วยเหลือทั้งกัมพูชาและไทย ในเรื่องเทคโนโลยีองค์ความรู้ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพราะฉะนั้นเราจะเชิญประเทศที่ช่วยเหลือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ประเทศอาเซียน รวมทั้งรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา มาร่วมประชุมด้วยว่าไทยจะมีขั้นตอนต่อไปอย่างไร ตนได้มอบนโยบายไปแล้วว่า ให้ร่วมกันพูดคุย เพื่อผลักดันให้กัมพูชาแสดงความจริงใจ ในการแก้ไขปัญหากับไทยอย่างเต็มที่ ซึ่งจะมีการลงไปในพื้นที่เพื่อเก็บหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งให้คณะทำงานทั้งหมดได้รับทราบข้อมูล จากผู้ปฏิบัติในสนามอย่างแท้จริง.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“อนุทิน” โชว์ตัวว่าที่ รมต.ทีมเศรษฐกิจ ล้อมวงกินเค้กส้ม

พรรคภูมิใจไทย 6 ก.ย.- “อนุทิน” โชว์ตัว ว่าที่ 3 รมต.ทีมเศรษฐกิจป้ายแดง ล้อมวงกินเค้กส้ม “เอกนิติ” นั่งขุนคลัง เตรียมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้ปล่อยฟื้นคนละครึ่งกระแสเต็มฟีด ขณะ “สีหศักดิ์” เตรียมนั่ง รมว.กต. มั่นใจชื่อนี้นานาชาติยอมรับ รับเผือกร้อนแก้ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะ “อรรถพล” อดีต CEO ปตท. นั่ง รมว.พลังงาน ทำงานได้เลยไม่ต้องรำมวย ยอมรับเก้าอี้กลาโหม ต้องมีความรู้ในวิชาชีพ ปัดตอบชิงดำ “บิ๊กป้อม-ธรรมนัส” นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีต ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดื่มกาแฟร่วมกันที่ร้านจานิสตาร์ ชั้น 1 ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ภายหลังหารือร่วมกันที่บริเวณชั้นบน ทั้งนี้ คาดว่านายสีหศักดิ์ ถูกทาบทาม […]

“ธรรมนัส” ปัดแย่งเก้าอี้กลาโหม “บิ๊กป้อม” ไม่กังวลปมคุณสมบัติ

พรรคภูมิใจไทย 6 ก.ย.- “ธรรมนัส” ปัดแย่งเก้าอี้กลาโหม “บิ๊กป้อม” อุบตอบ “กล้าธรรม” ได้กระทรวงอะไรเพิ่ม ไม่กังวลปมคุณสมบัติ เหตุตัวเองเป็น “รมต.” มา 2 รอบแล้ว แย้ม เลขาฯ พรรค ต้องได้เก้าอี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม เดินทางมายังที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เพื่อพบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเป็นการส่วนตัว จากนั้นเวลา 16.50 น. นายอนุทิน และ ร.อ.ธรรมนัส เดินลงจากที่ทำการพรรคมายังร้านกาแฟจาริสต้าร์ ซึ่งมี น.ส.ธนพร ศรีวิราช ภรรยาของ ร.อ.ธรรมนัส รออยู่ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส สั่งเครื่องดื่มอเมริกาโน่ร้อน ไม่หวาน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า มาซื้อกาแฟวันนี้ หมายความว่าได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้วใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนมารับภรรยา เมื่อถามว่า พรรคกล้าธรรมมีการพูดคุยตำแหน่งรัฐมนตรีลงตัวแล้วหรือไม่ […]

พายุไต้ฝุ่น ‘เผ่ย์ผ่า’ ถล่มชิซูโอกะในญี่ปุ่น

โตเกียว 6 พ.ย. – พายุไต้ฝุ่น “เผ่ย์ผ่า” (Peipah) ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักในจังหวัดชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในวันศุกร์ โดยมีรายงานว่าลมกระโชกแรงจากพายุลูกนี้ทำลายอาคารไปอย่างน้อย 220 หลัง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 23 คน เอ็นเอชเค สื่อสาธารณะของญี่ปุ่นรายงานว่า ตรวจพบกระแสลมแรงใน เขตเทศบาล 4 แห่งของจังหวัดชิซูโอกะ ซึ่งรวมถึงเมืองโยชิดะและเมืองมากิโนะฮาระ เจ้าหน้าที่เมืองมากิโนะฮาระระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย 20 ราย ณ เวลา 21:30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 19.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย นอกจากนี้ เอ็นเอชเค ยังรายงานด้วยว่า มีอาคารอย่างน้อย 43 หลังในเมืองมากิโนะฮาระถูกทำลายทั้งหมดหรือเสียหายครึ่งหนึ่งและอีก 184 หลังได้รับความเสียหายบางส่วน พายุ “เผ่ย์ผ่า” ได้ลดระดับลงเป็นพายุโซนร้อนเมื่อเวลาประมาณ 21:00 น. ของวันศุกร์ ตามเวลาท้องถิ่น […]

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

ข่าวแนะนำ

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง “อนุทิน” นายกรัฐมนตรี คนที่ 32

7 ก.ย. – มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ด้วยความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) และประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 เห็นชอบด้วย ในการแต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

สส. รวมชื่อยื่นศาลวินิจฉัย “อนุทิน-ณัฐพงษ์” พ้นสมาชิกภาพ ปมทำ MOA

รัฐสภา 7 ก.ย.-เปิดหนังสือ สส. รวมชื่อส่งประธานสภาฯ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “อนุทิน-ณัฐพงษ์” พ้นสมาชิกภาพ ปมทำ MOA ยุบสภา 4 เดือน-ทำประชามติแก้ รธน. แลกโหวตนั่งนายกฯ เหตุเข้าข่ายครอบงำชี้นำพรรคการเมือง ก้าวก่ายแทรกแซงเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ วันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสภาฯ ได้ร่วมกันเข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น สส. ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคประชาชน และ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (2) ประกอบมาตรา 185 (1) และ (2) ซึ่งประทับตรารับหนังสือโดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 เวลา 11.38 น. […]

“อนุทิน” ยัน “ธรรมนัส” นั่งรัฐมนตรี ไม่มีปัญหา

พรรคภูมิใจไทย 7 ก.ย.-“อนุทิน” ยัน “ธรรมนัส” นั่งรัฐมนตรี ไม่มีปัญหา ขณะที่เจ้าตัวเหงื่อแตก ถามกลับสื่อ “มีใครอยากนั่งกลาโหม” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งของการดื่มกาแฟระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม เมื่อวานนี้ (6 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า จะแนะนำกระทรวงเลยหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า วันนี้ ร.อ.ธรรมนัส นำรายชื่อรัฐมนตรีในสัดส่วนพรรคกล้าธรรมมามอบให้ ส่วน ร.อ.ธรรมนัส จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการด้วยตัวเองหรือไม่ ทั้งคู่ไม่ได้ตอบคำถาม ก่อนที่นายอนุทิน จะออกสีหน้ายิ้มแย้ม และบอกต่อว่า “ไม่มีปัญหา” จึงพยายามถามต่อว่า เป็นกระทรวงที่ถนัดใช่หรือไม่ ทั้งคู่หัวเราะแทนคำตอบ ด้านนายอนุทิน กล่าวว่า “บอกไม่มีปัญหา ก็ยังจะถาม” ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส บอกสวนขึ้นมาว่า “พอเริ่มถามแล้วเหงื่อออก” พร้อมนำกระดาษขึ้นมาซับหน้า ผู้สื่อข่าวจึงถามกลับว่า ร.อ.ธรรมนัส อยากคุมกระทรวงกลาโหมเองหรือไม่ เจ้าตัวร้องโอ้โห ขณะที่นายอนุทิน หันไปมองแล้วกล่าวว่า “ถามสิ […]