นนทบุรี 10 ม.ค. – รมว.สาธารณสุข สนับสนุนกรมสุขภาพจิต และกรมการแพทย์ ใช้ศักยภาพของกรมวิชาการ ร่วมกันพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยสุขภาพจิต ผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด ในจังหวัดอุดรธานี และเขตสุขภาพที่ 8 เต็มรูปแบบ ทั้งด้านการบริการ การบริหาร วิชาการ และบุคลากร เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีก่อนกลับคืนสู่สังคม
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการให้บริการจิตเวชในจังหวัดอุดรธานี ระหว่าง นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กับ แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ โดยมีนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์พงศธร พอกเพิ่มดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นสักขีพยาน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ภายใต้แนวคิด “เปลี่ยนผู้ป่วยเป็นผู้เสพ” ซึ่งตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 กำหนดให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักในการบำบัดและฟื้นฟูผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน ให้ได้รับการดูแลอย่างครบวงจร จึงได้กำหนดเป็นประเด็นเร่งด่วน (Quick Win) ที่ต้องดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมใน 100 วัน โดยมีการจัดตั้งมินิธัญญารักษ์ใน 76 จังหวัด ขณะนี้เปิดให้บริการแล้ว 73 จังหวัด รวม 128 โรงพยาบาล จำนวน 1,837 เตียง และมีการเปิดหอผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และกลุ่มงานจิตเวชในโรงพยาบาลชุมชน ครบทุกแห่ง
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า การลงนามความร่วมมือการให้บริการจิตเวชในจังหวัดอุดรธานี โดยกรมสุขภาพจิตและกรมการแพทย์ในครั้งนี้ เป็นการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ศักยภาพของกรมวิชาการทั้ง 2 กรม มาร่วมมือพัฒนาทั้งด้านบริการ บริหาร วิชาการ และด้านอื่นๆ ในจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดในเขตสุขภาพที่ 8 ให้มีโรงพยาบาลที่รองรับการให้บริการด้านปัญหาสุขภาพจิต ผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดได้ทุกระดับความรุนแรง โดยกรมสุขภาพจิต จะให้การสนับสนุนบุคลากรด้านจิตเวช ได้แก่ จิตแพทย์ นักจิตวิทยา พยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช และอื่น ๆ เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยจิตเวช ส่วนกรมการแพทย์จะสนับสนุนให้ใช้พื้นที่ของโรงพยาบาลธัญญารักษ์อุดรธานี มาพัฒนาเพื่อให้สามารถรองรับการบริการผู้ป่วยจิตเวชได้อย่างเหมาะสม
“ในเรื่องของการดูแลด้านจิตเวชและยาเสพติด ภารกิจของกรมสุขภาพจิตและกรมการแพทย์ค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน เมื่อมีความร่วมมือกันในการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยด้านนี้ จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงการบำบัดรักษาที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ที่ติดยาเสพติดได้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี และอยู่ในสังคมได้อย่างปลอดภัย” นพ.ชลน่าน. -411-สำนักข่าวไทย