‘ทรัมป์-ลี’ เตรียมพบกันนอกรอบการประชุมเอเปคที่เกาหลีใต้

โซล 17 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ถูกคาดหมายว่าจะเดินทางเยือนเกาหลีใต้ ในเดือนหน้า เพื่อเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค และจะพบปะกับประธานาธิบดีลี แจ มย็อง ของเกาหลีใต้ นอกรอบการประชุมดังกล่าว สำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่า นายโจเซฟ ยุน รักษาการเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเกาหลีใต้ กล่าวถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมเกี่ยวกับพันธมิตรเกาหลีใต้-สหรัฐ ขณะที่เกาหลีใต้กำลังจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดเอเปคที่เมืองคย็องจู ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ระหว่างช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ประธานาธิบดีลีได้เชิญทรัมป์เข้าร่วมการประชุมนี้เมื่อตอนที่ทั้งสองได้พบกันระหว่างการประชุมสุดยอดทวิภาคีที่กรุงวอชิงตัน เมื่อเดือนที่แล้ว นายยุน กล่าวว่า เขาเชื่อว่าผู้นำทั้งสองได้มีการหารือที่ “ประสบความสำเร็จ” ในเดือนสิงหาคม และคาดว่าจะได้พบกันอีกครั้งที่เมืองคย็องจู ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน นายวี ซอง-แลค ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ ได้กล่าวในที่ประชุมว่า เขาคาดว่านายทรัมป์จะเดินทางเยือนเกาหลีใต้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเปค แม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการก็ตาม.-813.-สำนักข่าวไทย

อังกฤษจับผู้ฉายภาพ ‘ทรัมป์-เอปสตีน’ บนกำแพงปราสาทวินด์เซอร์

ลอนดอน 17 ก.ย. – ตำรวจอังกฤษจับกุมผู้ต้องหา 4 คนในวันอังคาร หลังเกิดเหตุการณ์ฉายภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ คู่กับนายเจฟฟรีย์ เอปสตีน ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดทางเพศ ขึ้นบนปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ระหว่างการเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการ นายทรัมป์เดินทางถึงอังกฤษเมื่อช่วงค่ำวันอังคารเพื่อเยือนรัฐอย่างเป็นทางการเป็นครั้งที่สองซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเขาจะได้เข้าเฝ้า สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ในวันพุธ ที่ปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางตะวันตกประมาณ 40 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร กลุ่มผู้ประท้วงได้นำป้ายผ้าขนาดใหญ่ซึ่งมีภาพของนายทรัมป์และนายเอปสตีนไปกางไว้ใกล้ปราสาทวินด์เซอร์ และต่อมาได้ฉายภาพหลายภาพของทั้งสองคนขึ้นบนหอคอยแห่งหนึ่งของปราสาท ตำรวจแถลงว่า ผูัเกี่ยวข้อง 4 คนถูกจับกุมในข้อหาการสื่อสารที่ประสงค์ร้ายจากเหตุการณ์ “การฉายภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต” ที่ปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งตำรวจอธิบายว่าเป็นการสร้างกระแสในที่สาธารณะ โดยขณะนี้ทั้งสี่ยังอยู่ระหว่างการควบคุมตัว นายทรัมป์เคยเป็นเพื่อนกับนายเอปสตีนก่อนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี แต่ได้เลิกคบหากับอดีตนักการเงินผู้นี้หลายปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในเรือนจำเมื่อปี 2019.-813.-สำนักข่าวไทย

‘ทรัมป์’ เดินทางถึงอังกฤษแล้ว

ลอนดอน 17 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐเดินทางถึงกรุงลอนดอนแล้วเมื่อช่วงค่ำวันอังคาร เพื่อเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการเป็นครั้งที่สอง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เครื่องบินของประจำตำแหน่งประธานาธิบดี “แอร์ฟอร์ซ วัน” ของนายทรัมป์ลงจอดที่สนามบินลอนดอนสแตนสเต็ด โดยมีนางอีเวตต์ คูเปอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศและไวเคานต์ เฮนรี ฮูด ผู้แทนพระองค์สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 รอต้อนรับ หลังจากน้ันประธานาธิบดีสหรัฐและนางเมลาเนีย สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังวินฟิลด์เฮาส์ ซึ่งเป็นบ้านพักอย่างเป็นทางการของเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหราชอาณาจักร เพื่อพักค้างคืน นายทรัมป์มีกำหนดเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ที่ปราสาทวินด์เซอร์ในวันนี้ ในระหว่างการเยือน คาดว่าทั้งสองประเทศจะทำข้อตกลงมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการฟื้นฟูความสัมพันธ์พิเศษที่นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น.-813.-สำนักข่าวไทย

‘ทรัมป์’ ฟ้อง ‘นิวยอร์ก ไทมส์’ 15,000 ล้านดอลลาร์ ในคดีหมิ่นประมาท

นิวยอร์ก 15 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ฟ้องร้องหนังสือพิมพ์ “เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์” (The New York Times), นักข่าว 4 คน และสำนักพิมพ์ “เพนกวิน แรนดอม เฮาส์” (Penguin Random House) ในวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นจำนวนเงินอย่างน้อย 15,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.54 แสนล้านบาท) ในข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง นายทรัมป์อ้างถึงบทความหลายชิ้นของเดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ รวมถึงบทบรรณาธิการชิ้นหนึ่งก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2024 ซึ่งระบุว่าเขาไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง และยังรวมถึงหนังสือที่ตีพิมพ์ในปี 2024 โดยสำนักพิมพ์ เพนกวิน ชื่อ “Lucky Loser : How Donald Trump Squandered His Father’s Fortune […]

‘ทรัมป์’ ระบุไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าก่อนอิสราเอลโจมตีในกาตาร์

วอชิงตัน 16 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววันจันทร์ว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ไม่ได้แจ้งให้เขาทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการโจมตีของอิสราเอลในกาตาร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ความเห็นของนายทรัมป์มีขึ้นหลังจากสำนักข่าว แอ็กซิออส (Axios) รายงานว่า นายเนทันยาฮูได้แจ้งประธานาธิบดีสหรัฐ ก่อนการโจมตีเล็กน้อย ในขณะที่รัฐบาลทรัมป์เคยกล่าวว่า พวกเขาได้รับแจ้งเมื่อขีปนาวุธถูกยิงไปแล้ว ทำให้นายทรัมป์ไม่มีโอกาสที่จะคัดค้านการโจมตีดังกล่าว แต่ แอ็กซิออส รายงานโดยอ้างอิงจากเจ้าหน้าที่อิสราเอลว่า ทำเนียบขาวรับทราบเรื่องนี้ก่อนหน้านั้น ถึงแม้ว่าจะมีเวลาจำกัดในการยับยั้งการโจมตีก็ตาม เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อิสราเอลได้พยายามสังหารผู้นำทางการเมืองของกลุ่มฮามาสด้วยการโจมตีทางอากาศในกาตาร์ ซึ่งเป็นการยกระดับปฏิบัติการทางทหารในตะวันออกกลาง การโจมตีครั้งนี้ถูกประณามอย่างกว้างขวางทั้งในตะวันออกกลางและที่อื่น ๆ ว่าเป็นการกระทำที่อาจยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคที่กำลังเปราะบางอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยกล่าวว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของอิสราเอลที่จะโจมตีกาตาร์ เมื่อถูกถามในวันจันทร์ว่า ยสบเนทันยาฮูได้พูดคุยกับเขาโดยตรงเพื่อแจ้งเตือนว่าอิสราเอลจะโจมตีผู้นำฮามาสในกาตาร์หรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า อิสราเอลไม่ได้บอกเขาในเรื่องนี้ สำนักงานของนายเนทันยาฮูกล่าวย้ำหลังรายงานของ แอ็กซิออสว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นปฏิบัติการของอิสราเอลแต่เพียงผู้เดียว.-813.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐเผยภาพและตั้งค่าหัวมือยิง ‘ชาร์ลี เคิร์ก’

ยูทาห์ 12 ก.ย. – สหรัฐเดินหน้าตามล่ามือสังหารชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวคนดัง ซึ่งล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพของผู้ต้องสงสัยพร้อมกับตั้งรางวัลนำจับให้แก่ผู้ที่ให้เบาะแส สำนักงานความปลอดภัยสาธารณะของรัฐยูทาห์ และสำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอได้เผยแพร่ภาพถ่ายของผู้ต้องสงสัยว่าเป็นมือปืนยิงนายชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวสายอนุรักษ์นิยมซึ่งให้การสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ภาพถ่ายที่นำออกเผยแพร่เป็นชายผิวขาวรูปร่างผอมเพรียวสวมชุดสีดำ สะพายเป้หลัง สวมหมวกแก๊ป แว่นกันแดด รองเท้าผ้าใบคอนเวิร์ส และที่หน้าอกเสื้อมีรูปนกอินทรีอยู่บนธงชาติสหรัฐ เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่ามือปืนเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยยูทาห์วัลเลย์ ในเมืองโอเรมไม่กี่นาทีก่อนที่งานจะเริ่มขึ้น ซึ่งในงานดังกล่าวเคิร์กเป็นผู้นำการอภิปรายท่ามกลางผู้ร่วมกิจกรรมกว่า 3,000 คน ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นภาพมือยิงเดินขึ้นบันไดไปยังดาดฟ้าของอาคารก่อนจะลั่นกระสุนสังหาร โดยกระสุนเจาะเข้าที่คอของเคิร์ก ต่อหน้าผู้ร่วมงานที่หนีตายกันจ้าละหวั่น นอกจากน้ันยังมีการเปิดเผยคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด เป็นภาพของมือปืนวิ่งอยู่บนดาดฟ้าก่อนจะไต่ลงมาและวิ่งข้ามถนนหลบหนีเข้าไปในป่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบอาวุธปืนยาวถูกทิ้งอยู่ในป่าไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุ พร้อมกันนี้เอฟบีได้ได้ตั้งรางวัล 1 แสนดอลลาร์สหรัฐหรือราว 3 ล้าน 2 แสนบาทสำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสในการนำจับมือปืน จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้หารือถึงมูลเหตุจูงใจในการสังหารเคิร์ก แต่ประธานาธิบดีทรัมป์บอกว่าเขามีหลักฐานบ่งชี้แรงจูงใจของฆาตกรแล้ว และจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง และว่าการสอบสวนของเจ้าหน้าที่มีความคืบหน้าไปมากแล้ว ผู้นำสหรัฐยังกล่าวด้วยว่าเขาจะมอบเหรียญอิสรภาพแห่งประธานาธิบดี ซึ่งเป็นเกียรติยศสูงสุดสำหรับพลเรือนของสหรัฐให้แก่เคิร์ก และยืนยันว่าจะไปร่วมงานศพด้วย ขณะที่รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ได้ยกเลิกภารกิจไปร่วมงานรำลึกเหตุวินาศกรรมครั้งใหญ่ 11 กันยายนที่นครนิวยอร์ก และได้เดินทางไปยังรัฐยูทาห์เพื่อให้กำลังใจครอบครัวเคิร์กพร้อมทั้งพาพวกเขาและนำร่างของเคิร์กเดินทางกลับบ้านที่รัฐแอริโซนาด้วยเครื่องบินประจำตำแหน่งแอร์ ฟอร์ซ ทู.-816.-สำนักข่าวไทย

อดีต ปธน.บราซิล ถูกจำคุก 27 ปี คดีวางแผนรัฐประหาร

บราซิเลีย 12 ก.ย. – นายชาอีร์ โบลโซนาโร อดีตประธานาธิบดีบราซิล ถูกศาลลงโทษจำคุกเป็นเวลา 27 ปี 3 เดือน เมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานวางแผนก่อรัฐประหารเพื่อให้ตนเองอยู่ในอำนาจต่อไป หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งในปี 2022 คำพิพากษาลงโทษของคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาของบราซิลจำนวน 5 ท่าน ซึ่งมีมติเห็นพ้องต้องกันในบทลงโทษด้วย ทำให้นายโบลโซนาโร วัย 70 ปี กลายเป็นอดีตประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานทำลายประชาธิปไตย ในขณะเดียวกันยังสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับนายโบลโซนาโรด้วย ผู้พิพากษาคาร์เมน ลูเซีย กล่าวว่า มีหลักฐานเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่านายโบลโซนาโร ซึ่งปัจจุบันถูกกักบริเวณในบ้านพัก พยายามกระทำ โดยมีเป้าหมายเพื่อบ่อนทำลายประชาธิปไตยและสถาบันต่างๆ คณะผู้พิพากษาสี่ในห้าคนลงคะแนนให้ตัดสินว่าอดีตประธานาธิบดีมีความผิดใน 5 ข้อหา ได้แก่ การมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมติดอาวุธ พยายามใช้ความรุนแรงเพื่อล้มล้างประชาธิปไตย, จัดตั้งการรัฐประหาร และทำลายทรัพย์สินของรัฐบาลและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่ได้รับการคุ้มครอง นายทรัมป์ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของนายโบลโซนาโร ได้เรียกคดีนี้ว่าเป็น “การล่าแม่มด” และเพื่อเป็นการตอบโต้ สหรัฐได้ขึ้นภาษี คว่ำบาตรผู้พิพากษาที่รับผิดชอบในคดีนี้ และเพิกถอนวีซ่าเข้าสหรัฐของผู้พิพากษาศาลสูงสุดส่วนใหญ่ เมื่อนายทรัมป์ถูกถามเกี่ยวกับคำตัดสินนี้ ผู้นำสหรัฐกล่าวชื่นชมโบลโซนาโรอีกครั้ง โดยเรียกคำตัดสินนี้ว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากและกล่าวเสริมว่าเขาคิดว่ามันไม่ดีต่อบราซิลเลย […]

เอฟบีไอตั้งรางวัลนำจับมือยิง ‘ชาร์ลี เคิร์ก’

วอชิงตัน 12 ก.ย. – สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐ หรือเอฟบีไอ เสนอรางวัลสูงสุด 100,000 ดอลลาร์ แก่ผู้แจ้งเบาะแสนำไปสู่การจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุยิงชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวหัวอนุรักษ์นิยมคนดังชาวอเมริกันเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เอฟบีไอโพสต์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์เสนอเงินรางวัลสูงสุดถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.2 ล้านบาท แก่ผู้ที่ให้ข้อมูลและเบาะเสซึ่งนำไปสู่การระบุตัวและจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการยิง ชาร์ลี เคิร์ก พร้อมเผยแพร่ภาพนิ่ง 2 ภาพของชายที่เชื่อว่าเป็น ‘บุคคลที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ’ (person of interest) ซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยิงเคิร์ก ระหว่างร่วมกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยรัฐยูทาห์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ระบุว่า บุคคลดังกล่าวคือผู้ต้องสงสัยโดยตรงในการยิงครั้งนี้ ภาพที่เผยแพร่แสดงให้เห็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงยีนส์ หมวก และแว่นกันแดด เจ้าหน้าที่เอฟบีไอประจำสำนักงานเมืองซอลค์เลคซิตี รัฐยูทาห์ ระบุด้วยว่า บุคคลที่น่าสนใจรายนี้อยู่ระหว่างหลบหนี เชื่อว่ายังหลบซ่อนตัวในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ จากข้อมูลเบื้องต้นเชื่อว่า เขาน่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนักศึกษาส่วนใหญ่ที่มหาวิทยาลัยรัฐยูทาห์ และบอกว่าเจ้าหน้าที่พบหลักฐานเป็นรอยรองเท้าคู่หนึ่งที่เชื่อว่าอาจมาจากรองเท้าของชายคนนี้ รวมถึงพบอาวุธไรเฟิลอานุภาพสูง ซึ่งเชื่อว่าเป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุสังหารเคิร์กถูกนำไปทิ้งในป่าไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ชาร์ลี เคิร์ก วัย 31 ปี เป็นผู้ดำเนินรายการพอดแคสต์และวิทยุแนวอนุรักษ์นิยม และเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีบทบาทสำคัญในการสร้างฐานเสียงของพรรครีพับลิกันในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่ […]

9 ทันโลก : อเมริการ้าวลึก ลอบสังหารทางการเมือง

สหรัฐ 11 ก.ย. – เกิดความรุนแรงทางการเมืองอีกครั้ง คราวนี้นักเคลื่อนไหวการเมืองที่ใกล้ชิดนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตกเป็นเหยื่อลอบสังหาร ติดตามจากรายงาน 9 ทันโลก ของฝ่ายข่าวต่างประเทศ. – สำนักข่าวไทย

นักเคลื่อนไหวสายอนุรักษ์นิยมสหรัฐ ‘ชาร์ลี เคิร์ก’ ถูกยิงเสียชีวิต

วอชิงตัน 11 ก.ย. – ชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวและนักวิจารณ์การเมืองฝ่ายขวาชาวอเมริกัน วัย 31 ปี และเป็นพันธมิตรคนสำคัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกยิงเข้าที่คอจนเสียชีวิต เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ระหว่างร่วมงานในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในรัฐยูทาห์ ซึ่งผู้ว่าการรัฐได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่าเป็นการลอบสังหารทางการเมือง เหตุการณ์ลอบสังหารครั้งนี้ผ่านไปแล้ว 6 ชั่วโมง แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยต่อสาธารณะได้ โดยสื่อสหรัฐรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายว่ายังไม่มีการจับกุมผู้ต้องสงสัย ทางด้านนายคาช ปาเตล ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง หรือ เอฟบีไอ กล่าวว่า มีการควบคุมตัวบุคคลที่ไม่เปิดเผยชื่อเพื่อสอบปากคำ ก่อนจะปล่อยตัวไป เขาระบุว่าการสืบสวนยังคงดำเนินต่อไป นายทรัมป์กล่าวในคลิปวิดีโอที่บันทึกในทำเนียบขาวและโพสต์บนแพลตฟอร์มทรูธโซเชียลของเขา โดยให้คำมั่นว่ารัฐบาลของเขาจะตามล่าตัวผู้ต้องสงสัยให้ได้ นายทรัมป์ยังได้ประณามการลอบสังหารอันโหดเหี้ยมครั้งนี้ พร้อมยกย่องเคิร์กว่าเป็นผู้ที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้า นอกจากนี้นายทรัมป์ยังได้วิพากษ์วิจารณ์ความแตกแยกทางการเมืองในประเทศที่เป็นเสมือนเชื้อเพลิงให้กับความรุนแรงในสหรัฐ นายทรัมป์ยังสั่งให้ลดธงชาติสหรัฐลงครึ่งเสาตามอาคารของรัฐบาลทั้งหมดจนถึงวันอาทิตย์ เพื่อไว้อาลัยแก่นายเคิร์ก คลิปวิดีโอที่ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือและเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต แสดงให้เห็นนายเคิร์กกำลังกล่าวปราศรัยต่อฝูงชนจำนวนมากที่มหาวิทยาลัยยูทาห์ แวลลีย์ ในเมืองโอเร็ม รัฐยูทาห์ เมื่อเวลาประมาณ 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 23.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น เคิร์กเอามือไปแตะที่คอขณะที่ล้มลงจากเก้าอี้ ทำให้ผู้เข้าร่วมงานต่างพากันวิ่งหนี เจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยน่าจะยิงมาจากบนหลังคาในระยะไกลพอสมควร […]

‘ทรัมป์’ ไม่ปลื้มอิสราเอลโจมตีกลุ่มฮามาสในกาตาร์

วอชิงตัน 10 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววันอังคารว่าเขาไม่ค่อยปลื้มนักกับการโจมตีของอิสราเอลในกาตาร์ และระบุว่าการตัดสินใจโจมตีครั้งนี้เป็นของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลไม่ใช่การตัดสินใจของเขาเอง พร้อมเสริมว่าการโจมตีแต่เพียงฝ่ายเดียวในกาตาร์นั้นไม่เป็นผลดีต่อผลประโยชน์ของทั้งอเมริกาและอิสราเอล อิสราเอลพยายามสังหารผู้นำทางการเมืองของกลุ่มฮามาสด้วยการใช้ปฎิบัติการโจมตีทางอากาศในกาตาร์เมื่อวันอังคาร ถือเป็นการยกระดับปฏิบัติการทางทหารในตะวันออกกลางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การโจมตีครั้งนี้ถูกประณามอย่างกว้างขวางทั้งในและนอกภูมิภาคว่าเป็นพฤติกรรมที่อาจทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคที่กำลังเปราะบางอยู่แล้วยิ่งเลวร้ายลงไปอีก นายทรัมป์กล่าวว่าเขาได้สั่งการให้นายสตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของสหรัฐแจ้งเตือนกาตาร์ล่วงหน้าถึงการโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ก็สายเกินไปที่จะหยุดยั้งได้ อย่างไรก็ตามกาตาร์ปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว โดยระบุว่ารายงานที่ว่ากาตาร์ได้รับแจ้งล่วงหน้าก่อนการโจมตีนั้นไม่เป็นความจริง และได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่สหรัฐเมื่อได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นแล้วในกรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ นายทรัมป์โพสต์ข้อความทางแพลตฟอร์ททรูธ โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของตนเองว่า การทิ้งระเบิดโจมตีแต่เพียงฝ่ายเดียวในกาตาร์ ซึ่งเป็นประเทศอธิปไตยและเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐ ที่ทำงานอย่างหนักและเสี่ยงอันตรายเพื่อเป็นคนกลางในการสร้างสันติภาพนั้น ไม่ได้ส่งเสริมเป้าหมายของอิสราเอลหรืออเมริกาเลย อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังเสริมว่า การกำจัดกลุ่มฮามาสซึ่งแสวงหาผลประโยชน์จากความทุกข์ยากของผู้ที่อาศัยอยู่ในกาซานั้นเป็นเป้าหมายที่คุ้มค่า กลุ่มฮามาสเปิดเผยว่าสมาชิก 5 คนของกลุ่มเสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลในกรุงโดฮา ซึ่งรวมถึงลูกชายของ คาลิล อัล-ฮายยา ผู้นำกลุ่มฮามาสพลัดถิ่นในกาซา กาตาร์ถือเป็นพันธมิตรสำคัญในภูมิภาคอ่าวของสหรัฐ กาตาร์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางร่วมกับการอียิปต์ในการพยายามจัดทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ในกาซา เพื่อแลกกับการปล่อยตัวตัวประกันชาวอิสราเอลที่ถูกกลุ่มฮามาสควบคุมตัว และวางแผนสำหรับกาซาหลังความขัดแย้ง หลังจากการโจมตี นายทรัมป์ได้พูดคุยกับทั้งนายเนทันยาฮูและชีคตามิม บิน ฮามัด อัล-ธานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ นายทรัมป์กล่าวว่าเขาได้ให้คำมั่นกับผู้นำกาตาร์ว่า เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกบนแผ่นดินของพวกเขา พร้อมเสริมว่าเขารู้สึกไม่ดีอย่างมากเกี่ยวกับสถานที่ที่เกิดการโจมตี ซึ่งต่อมานายทรัมป์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงวอชิงตันว่าเขา “ไม่ปลื้มนัก” กับการโจมตีของอิสราเอลในกาตาร์.-813.-สำนักข่าวไทย

อิสราเอลโจมตีคณะผู้นำกลุ่มฮามาสในกาตาร์

โดฮา 10 ก.ย. – กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีกลุ่มผู้นำฮามาส ที่มีฐานอยู่ในกรุงโดฮา เมืองหลวงกาตาร์ แต่ฮามาสอ้างว่าคณะผู้นำของกลุ่มรอดชีวิต ขณะที่กาตาร์ประณามอิสราเอลละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ผู้นำสหรัฐบอกอิสราเอลแจ้งล่วงหน้าก่อนโจมตี นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล แถลงวานนี้ว่า เขาได้อนุมัติการโจมตีเฉพาะจุดอย่างแม่นยำต่อผู้นำกลุ่มฮามาสในกรุงโดฮาของกาตาร์ เป็นการขยายปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลที่ครอบคลุมไปทั่วตะวันออกกลาง รวมถึงกาตาร์ ฐานทางการเมืองของกลุ่มฮามาสมายาวนาน การโจมตีดังกล่าวมีเป้าหมายที่บรรดาผู้นำระดับสูงของฮามาส รวมถึง คาลิล อัล-ฮายา ผู้นำฮามาสในฉนวนกาซาที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ และเป็นหัวหน้าคณะเจรจาหลัก เนื่องจากเชื่อว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังการเปิดฉากโจมตีอิสราเอล เมื่อ 7 ตุลาคม 2023 ฮามาสเผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ 6 ราย รวมถึงบุตรชายของ อัล-ฮายา ที่เหลือเป็นทีมงานและเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ส่วน อัล-ฮายาและคนอื่นๆ ในบรรดากลุ่มผู้นำรอดชีวิต ด้านรัฐบาลกาตาร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนกลางร่วมกับอียิปต์ในการเจรจาหยุดยิงในสงครามฉนวนกาซาที่ดำเนินมานานเกือบสองปี ประณามการโจมตีดังกล่าวของอิสราเอลว่าเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับอิหร่าน สหประชาชาติ และสหภาพยุโรป ที่ประณามอิสราเอลเช่นกัน และเตือนว่าจะยิ่งส่งผลให้สถานการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางลุกลามบานปลายยิ่งขึ้น ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐโพสต์บนสื่อออนไลน์ “ทรูธ โซเชียล” (Truth Social) ของตนเองว่า […]

1 2 3 155
...