คนละครึ่งเฟส 2 มีเงินรองรับเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ 23 พ.ย.- รมว.คลัง ย้ำคนละครึ่งเฟส 2 มีเงินรองรับเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมหนุนรถเก่าแลกรถใหม่ ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ระบุต้องร่วมมือหลายหน่วยงาน คาดจัดทำงบประมาณปี 65 ยังขาดดุลเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา “Wealth Forum : ลงทุนอย่างไร..ให้รวย” จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่า การพิจารณาขยายโครงการคนละครึ่งเฟส 2 และผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยเพื่อเติมกำลังซื้อ รวมทั้งการผ่อนปรนเงื่อนไขชำระเงินให้กับผู้จบการศึกษาจากการกู้เงินกองทุน กยศ. สำหรับกลุ่มคนที่ต้องการกลับมาลงทะเบียนคนละครึ่งที่ไม่ผ่านในรอบแรก หรือเปลี่ยนใจเข้าร่วมโครงการจะให้กลับมาลงทะเบียนใหม่ได้ โดยต้องเข้าเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนด ยืนยันแหล่งเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท หลังจากขออนุมัติเอาไว้ในรอบแรก 30,000 ล้านบาท ยังสามารถปรับมาใช้เฟส 2 ได้เพิ่มเติม

ในที่ประชุม ครม.วันนี้ เห็นชอบเกี่ยวกับการดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยต้องการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในลักษณะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การผลักดันการลงทุนจากต่างประเทศทั่วโลกในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากปัญหาไวรัสโควิด การส่งเสริมเร่งรัดการใช้เครื่องยนต์มาตรฐานยูโร 5 การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งได้สนับสนุนผ่านภาษีสรรพสามิตไปแล้ว สำหรับแนวทางการใช้รถเก่าแลกรถใหม่ ถือว่าเป็นนโยบายในการลดปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยต้องร่วมมือกับหลายหน่วยงาน เพราะรถเก่ามีปัญหาในการปล่อยควันดำ สร้างปัญหาหลักการเกิด PM 2.5 พร้อมกับการเผาไหม้ในที่โล่ง จึงต้องมีทั้งมาตรการที่ไม่ได้ใช้เงิน และการใช้เงินในการดูแลปัญหา


ยอมรับว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในปี 64 ขยายตัวร้อยละ 4 เพราะมีปัจจัยสนับสนุนในเชิงบวกหลายด้าน หลังได้รับแรงส่งจากเศรษฐกิจปี 63 ที่ไม่มีปัญหาเรื่องเสถียรภาพ ฐานะทางการคลังเข้มแข็ง ทุนสำรองระหว่างประเทศมั่นคง เมื่อมีวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดได้ จะสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนต่างชาติ เพราะยังสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศ ขณะที่รัฐบาลต้องเร่งรัดการอัดฉีดเงินออกสู่ระบบผ่านงบประมาณปี 64 สัดส่วนร้อยละ 30 ของกรอบวงเงินรายจ่าย 3.3 ล้านล้านบาท เป็นเงินประมาณ 9.8 แสนล้านบาท ผ่านนโยบายการคลัง สำหรับแผนการใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากเงินกู้ 4 แสนล้านบาท อนุมัติวงเงินไปแล้ว 1.2-1.3 แสนล้านบาท จึงเป็นปัจจัยบวกในการใช้เงินลงทุนออกสู่ระบบ

นอกจากนี้ต้องการให้ ธปท. ใช้นโยบายการเงินช่วยดูแลเศรษฐกิจให้แรงขึ้นจากปัจจุบัน แม้ว่าขณะนี้ดูแลเงินบาทแข็งค่าจากเงินไหลเข้าประเทศ ทั้งลงทุนในตลาดหุ้นและลงทุนในด้านต่างๆ แต่ยอมรับว่าไทยอาจต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูเศรษฐกิจถึง 2 ปี และในเดือนธันวาคม รัฐบาลจะเริ่มจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 65 ยังต้องจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง