นายกฯ ยก 3 ทางรอด สร้างโอกาสประเทศไทย

ทางรอดประเทศไทย

ศูนย์สิริกิติ์ 21 พ.ย.-นายกฯ ชี้กระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องแรก ยก 3 ทางรอด สร้างโอกาสประเทศไทย “อาหาร-สุขภาพ-อุตสาหกรรมใหม่” ดึงซอฟต์พาวเวอร์ไทย สร้างรายได้เข้าประเทศ ยันรัฐบาลอยู่ครบเทอม เตรียมแถลงผลงานรัฐบาล 90 วัน 12 ธ.ค.นี้ พร้อมนโยบายเศรษฐกิจใหม่-แพ็กเกจของขวัญปีใหม่

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานสัมมนา PRACHACHAT THAILAND 2025 โอกาส,ความหวัง,ความจริง และกล่าวปาฐกถาพิเศษ “ประเทศไทย : โอกาส- ความหวัง-ความจริง” มีนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เดินทางร่วมงาน


ก่อนเริ่มงาน นายกรัฐมนตรีเดินชมบูธหนังสือมติชน พร้อมกับซื้อหนังสือจำนวน 8 เล่ม อาทิ “สมรภูมิพลิกอำนาจโลก” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองโลกในปัจจุบัน และทำความเข้าใจจุดปะทุทางภูมิศาสตร์ใหม่ภายใต้เกมอำนาจของสามขั้วพร้อมร่วมหาจุดยืนให้ไทยท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงสู่โลกหลายขั้ว ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววัน , หนังสือ ไทยในภายในระเบียบโลก, การออกแบบเมืองของญี่ปุ่น“ เป็นต้น และถ่ายภาพหมู่ร่วมกับคณะผู้บริหาร

น.ส.แพทองธาร กล่าวปาฐกถา ว่า รัฐบาลพยายามสร้างโอกาสให้กับประเทศไทยได้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นโอกาสแบบไหนก็ต้องเป็นโอกาสที่จับต้องได้ส่วนตัวชอบคำนี้เพราะการที่จะทำให้คนมีชีวิตที่ดี โอกาสเป็นคำที่สวยหรูแต่โอกาสที่จะจับต้องได้ต้องดูว่าเป็นการที่เราจะใช้โอกาสนั้นให้เกิดประโยชน์กับชีวิตเราได้นี่ คือสิ่งสำคัญที่ต้องการให้เกิดขึ้น


เรามองเห็นศักยภาพของคนไทยว่ามีศักยภาพที่สูงมากแต่บางทีโอกาสเขาไม่ถึงหรือมีการซัพพอร์ตที่ไม่เพียงพอ ดังนั้นการกระจายโอกาสจึงสำคัญมาก รัฐบาลจึงเร่งทำในเรื่องนี้ แต่บางอย่างเกิดปัญหาสะสมมานาน เราไม่สามารถใช้วิธีสองวิธีเพื่อการแก้ปัญหาได้ต้องใช้หลายวิธีในการผลักดันประเทศชาติและผลักดันเศรษฐกิจให้ไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแรง

อย่างแรกสิ่งที่รัฐบาลต้องการจะทำคือการกระตุ้นเศรษฐกิจการพัฒนาในเรื่องเศรษฐกิจเพราะเป็นสิ่งสำคัญทำให้ประเทศชาติและคนในประเทศมีการกินอยู่ที่สบายขึ้น ซึ่งเราพูดมาตลอดว่าถ้าคนไทยปากท้องอิ่ม จะดึงศักยภาพที่ซ่อนในตัวจะออกมาเอง ถ้าเบสิกพื้นฐานยังไม่ถูกเติมเต็มการที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ การผลักดันประเทศจะเป็นไปได้ยาก ฉะนั้นเราถึงพยายามกระจายโอกาสให้ได้มากที่สุดเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

ส่วนแบ็กกราวด์เศรษฐกิจมีการคาดเดาเรื่องการเติบโตของจีดีพีถ้ารวมทั้งปีประมาณ 2.7% ซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ในระหว่างการฟื้นตัวแต่ละควอเตอร์ และเราทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์โดยสภาพัฒน์ฯประกาศว่าจีดีพีโตขึ้น 3% เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจโดยส่วนใหญ่ที่เศรษฐกิจเติบโตได้มาจากการลงทุนของรัฐบาลและภาครัฐและที่สำคัญคือการท่องเที่ยวเพราะก่อนหน้านี้ก่อน โควิด-19 มีนักท่องเที่ยวประมาณ 40ล้านคน และตัวเลขได้หายไปอย่างน่าตกใจ ก่อนที่ตนจะเข้ามาการเมืองได้ทำโรงแรมอยู่ เห็นได้ชัดว่าตัวเลขได้หายไปแบบน่าตกใจ และคาดว่าในปีนี้ตัวเลขของนักท่องเที่ยวน่าจะกลับใกล้ 36 ล้านคน และเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว โอกาสที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นมาจากการผลักดันหลายส่วน และโควิดเบาแล้ว มีฟรีวีซ่าตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน รวมถึงการพัฒนาสนามบิน ที่อยากให้เป็นสมาร์ทแอร์พอร์ตให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาสามารถเช็กอินได้โดยไม่ต้องเสียเวลาในการรอคิว แต่ทำเอกสารต่างๆ ที่สนามบินได้ และเราต้องการจะทำให้ต่อเนื่องมากขึ้นนอกจากนั้นยังมี festival country ทำให้เมืองไทยทุกที่สามารถท่องเที่ยวได้และให้ต่างชาติรู้จักเมืองรองด้วย โดยใช้วัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ เช่น ลอยกระทง สงกรานต์ เพื่อให้ต่างชาติรู้ว่าไม่ได้ท่องเที่ยวแค่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งแต่สามารถเที่ยวได้ทั่วประเทศไทย และอยู่ได้ยาวนาน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำลังรณรงค์อยู่


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปีหน้าเศรษฐกิจที่เราต้องสร้างไว้จะโตกว่าปีนี้ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะจากการที่ไปประชุมต่างประเทศได้คุยกับต่างชาติ ทุกคนสนใจลงทุนในประเทศไทยเพราะภาคการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น นักธุรกิจและชาวต่างชาติ จะมั่นใจในการลงทุนมากยิ่งขึ้น ตนมีหน้าที่บอกทุกคนถึงความเชื่อมั่นว่าเราจะอยู่จนครบจนมีการเลือกตั้งได้ เพื่อให้ชาวต่างชาติมั่นใจว่าการลงทุนไม่ได้เปลี่ยนแปลง และสิ่งที่นายเศรษฐา เคยได้บอกทั่วโลกไว้ว่าไทยน่าลงทุนอย่างไร และตนก็สานต่อนโยบายเหล่านี้เพื่อให้การลงทุนไม่สะดุด เช่น การที่กูเกิลเข้ามาลงทุน ถือเป็นการตอกย้ำว่าเรายังทำสิ่งนี้อยู่

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องรีบทำคือการใช้งบลงทุน 9.6 แสนล้านบาทให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เพราะปกติยุคนี้จะใช้ไม่ค่อยหมด เนื่องจากความล่าช้า ของระบบราชการ ดังนั้นในปี 2568 กำชับต้องใช้เรื่องนี้ให้หมดให้คุ้มค่ากับภาษี

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลกและสหรัฐได้ประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งสิ่งที่เขาทำจะออกไปทางอนุรักษ์นิยมเล็กน้อยจึงมีมีคำถามว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ และเราจะมีการปรับเรื่องการค้าการลงทุนในประเทศอย่างไร เพราะสหรัฐฯจะพุ่งมาที่ประเทศที่มีสินค้าส่งออกเกินดุลการค้า และสินค้าไทยก็จะถูกจับจ้อง เช่นเดียวกับจีน เพราะไทยส่งออกไปอเมริกาจำนวนมาก ต้องพึ่งพาการส่งออก 60% ของจีดีพี และส่งออกอเมริกา10% ของการส่งออกทั้งหมด ตรงนี้เราต้องมาปรับว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เสียโอกาส

นอกจากนั้นต้องผลักดันเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวใหม่ต้องคำนึงถึง economy scale ที่ไทยเสียเปรียบจีน เพราะเขามีกำลังผลิตมากและการแข่งขันจะสูง จะเกิดสงครามการผลิตที่รัฐบาล จะต้องช่วยเรื่องของภาษีและการดูข้อกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ ให้หนักขึ้น ทั้งการซื้อขายออนไลน์ให้ถูกกฎ ให้เคร่งครัดมากยิ่งขึ้น เพื่อสกรีนและช่วยในเรื่องของเอสเอ็มอีประเทศไทย โดยภาพรวมของประเทศจีน มีพื้นที่เกษตรของเขาไม่พอต่อการจะผลิตเพื่อบริโภคในประเทศ ยังต้องพึ่งพาสินค้าเกษตรจากประเทศอื่นและประเทศไทย ที่มีการเกษตรที่แข็งแรง การส่งออกแข็งแรง เราจึงต้องช่วยเพิ่มตรงนี้มากยิ่งขึ้น ทั้งการถนอมอาหาร ถนอมสินค้า ให้ไปถึงปลายทางอย่างมีคุณภาพเหมือนกับต้นทาง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องหาทางรอดว่าจะต้องทำอย่างไรให้คนไทยมีทางรอด และหาเม็ดเงินใหม่เข้าประเทศ เพราะขณะนี้หนี้ครัวเรือนมากมาย โดยเรามี 3 ทางรอด ที่เป็นโอกาสให้จับต้องได้และเรากำลังพัฒนาอยู่ 1.อาหาร ที่เรามีจุดเด่น คือครัวไทย ที่ต้องการฟื้นครัวไทยสู่ครัวโลก และประเทศไทย สามารถทำการเกษตรที่ฝากอาหารไว้ในประเทศเราได้โดยการถนอมอาหาร ก่อนการส่งออก ยกตัวอย่างในการประชุม GMS ที่ สปป ลาว ที่ทั่วโลกให้การยอมรับยอมและมีความ ต้องการเรื่องเนื้อวัว โดยให้ช่วยดูเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย และยังโครงการหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งอาหารไทย ที่ได้การออกใบประกาศเป็นการรับรอง ให้กับเชฟและร้านอาหารไทย

2.สุขภาพ เรามี 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงนโยบายได้อย่างง่ายดายและไม่เสียเวลาในการรอคอย โดยเป็นสิ่งที่ทั่วโลกยอมรับ นอกจากนั้นต้องพัฒนาโรงพยาบาลให้มีคุณภาพ ซึ่งเรามีโรงพยายาลเอกชนที่มีชื่อเสียง ทางการแพทย์และการบริการที่เป็นทองไทยในระดับโลก และมีธุรกิจที่เกี่ยวกับการออกกำลังกาย เช่น มวยไทย มวยไทย ที่เรามีค่ายมวยในต่างประเทศกว่า 40,000 แห่ง ที่ยังไม่ได้รับการรับรอง จึงต้องมาเพิ่มทักษะให้ได้รับการรับรองเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน และใช้เทคโนโลยีมาช่วยเรื่องการสกัดสมุนไพรให้เป็นยา เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของสุขภาพ

3.โอกาสทางอุตสาหกรรม ที่สร้างซอฟต์พาวเวอร์ ที่จะช่วยหาเม็ดเงินเข้าประเทศ และแข่งขันกับประเทศอื่นได้ โดยนำซอฟต์พาวเวอร์จากวัฒนธรรมไทย ที่มีมีโอกาสและมีเสน่ห์ที่ต่างชาติสนใจ จึงต้องให้คุณค่าในเรื่องนี้ โดยนำวัฒนธรรมของทุกจังหวัด เข้ามารวมด้วยกันเพื่อให้ประเทศน่าเที่ยวทั้งปี ให้มีเงินหมุนเวียนเข้าประเทศ เช่น การผลักดันเรื่องภาพยนตร์ เมื่อปี 2567 มี 40 ประเทศ เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยประมาณ 450 เลือก สร้างมูลค่า 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่วนใหญ่มาจากสหรัฐ ดังนั้นจะเพิ่มการลงทุนเรื่องนี้ 30% เพื่อให้เกิดการเงินหมุนเวียนและการจ้างงาน ทำเกมไทย เช่น โฮมสวีทโฮม ที่นำความเชื่อมาบวกรวมเรื่องราวไสยศาสตร์แบบไทยมาสร้างเอกลักษณ์ให้กับเกมไทยผสมกับเทคโนโลยี และภาพยนตร์เรื่องหลานม่า ที่ได้รับการชื่นชมในต่างประเทศอย่างมาก

นอกจากนั้นยังมีเรื่องของพลังงานพลังงาน คือ ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอีกประมาณ 10 ปี ก๊าซเหล่านี้หมดไปและขณะนี้เป็นกระแสกันอยู่เรื่องเอ็มโอยู 44 กับทางกัมพูชา ที่เราจะต้องคุยเรื่องนี้ว่าจะต้องแบ่งใช้ก๊าซธรรมชาติร่วมกันอย่างไร จึงต้องมีคณะกรรมการพูดคุยในเรื่องนี้ด้วยโดยไม่เกี่ยวเรื่องเกาะกูด ไม่เกี่ยวและไม่ใช่เพราะเป็นของเราอยู่แล้ว นอกจากนั้นรัฐบาลและเน้นเรื่องพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือก รวมถึงโซลาร์เซลล์ที่จะต้องผลักดัน และโอกาสที่เราจะผลักดันเรื่องเซมิคอนด็อกเตอร์ ที่กำลังศึกษาว่าประเทศไทยจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างไร เพื่อให้ทุกคนจับต้องเข้าถึงโอกาสได้และรัฐบาลกำลังทำให้เกิด

ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งหมดนี้รัฐบาลมองเห็นโอกาสของประเทศไทยและพยายามหาเม็ดเงินมาเพิ่มทั้งจากต่างชาติและสร้างงานใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย จึงขอฝากทุกคนว่ารัฐบาลจะมีการแถลงสิ่งที่ได้ทำมาในรัฐบาลครบ 90 วันในวันที่ 12 ธ.ค.โดยรับรองว่าจะมีเรื่องของนโยบายที่ดีมาเล่าให้ฟังว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตและจะมีของขวัญปีใหม่ ที่จะมอบอย่างไรให้กับประชาชน.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เมียติด GPS รถผัว ตามง้อถึงบ้าน ฝ่ายชายเมิน ยิงดับ

ภรรยาติด GPS รถสามี ตามง้อไม่สำเร็จ ซัดด้วยลูกโม่ตายคาใต้ถุนบ้าน คาดปมทะเลาะหึงหวง คิดจบชีวิตตัวเองตาม แต่พ่อสามียึดปืนไว้ทัน

ครูสูญเงิน 1.2 ล้านบาท มิจฉาชีพหลอกเป็นที่ดิน-จนท.ธนาคาร

ครูสาวชาวอุบลราชธานี ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นหน่วยงานราชการ และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ใช้เบอร์ธนาคารโทรหาจึงหลงเชื่อ สูญเงินกว่า 1.2 ล้านบาท

สุราษฎร์ฯ คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงท่วมบ้าน-รีสอร์ต

ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงซัดบ้านพัก-รีสอร์ต อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พังเสียหาย 4 หลัง เตือนเรือประมงงดออกจากฝั่ง

New threats in Los Angeles as wildfire switches direction

ไฟป่าแอลเอเปลี่ยนทิศสร้างปัญหาใหม่

ลอสแอนเจลิส 12 ม.ค.- รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเกิดภัยคุกคามใหม่วานนี้ เมื่อไฟป่าที่โหมไหม้เผาหลายพื้นที่ทั่วเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอเคาน์ตี้ได้เปลี่ยนทิศทาง ทำให้ต้องสั่งอพยพประชาชนเพิ่มเติม และกลายเป็นปัญหาท้าทายใหม่สำหรับทีมนักดับเพลิง พื้นที่เขตแคลิฟอร์เนียใต้เผชิญไฟป่ามาตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม โดยเกิดไฟป่าพร้อมกัน 6 จุดทั่วแอลเอเคาน์ตี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 คน  ผู้สูญหาย 13 คน  บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างเสียหายหรือถูกทำลายรวมแล้วกว่า 10,000 หลัง คาดว่าความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยได้อย่างละเอียด ขณะนี้ยังคงมีประชาชน 153,000 คนอยู่ภายใต้คำสั่งอพยพ และอีก 166,800 คน เสี่ยงต้องอพยพเนื่องจากมีการประกาศเคอร์ฟิวในทุกพื้นที่ที่มีการอพยพประชาชนหนีไฟป่า ขณะเดียวกันเครื่องบินกองทัพอากาศของเม็กซิโกได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเมื่อวานนี้ เพื่อนำทีมบุคคลากร 74 คนจากกองทัพบกและคณะกรรมาธิการป่าไม้แห่งชาติ ไปช่วยปฏิบัติการดับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ลามไม่หยุดทั่วเขตแคลิฟอร์เนียใต้ ภารกิจด้านมนุษยธรรมดังกล่าวครอบคลุมทั้งปฏิบัติการดับไฟป่าและปกป้องพลเรือน ขณะที่กงสุลเม็กซิโกในเมืองแอลเอประกาศไม่ปิดทำการและเสนอให้ที่พักพิงกับผู้ประสบภัยชาวเม็กซิโก ไม่ว่าจะมีสถานะเป็นผู้อพยพหรือไม่ ปัจจุบันมีชาวเม็กซิโกหรือลูกหลานชาวเม็กซิโกอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียคิดเป็นเกือบร้อยละ 30 ของประชากรทั้งรัฐ.-820(814).-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เรียกรัฐมนตรี-คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ประชุมกรอบงบฯ 69

“แพทองธาร” นายกฯ เรียก 3 รมต.คลัง-ที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ หารือสรุปทิศทางการทำงบประมาณปี 69 มั่นใจใช้งบที่มาจากภาษีประชาชน แก้ไขปัญหาพัฒนาประเทศได้ตรงจุด

สส.ศรีสะเกษ เพื่อไทย เล่านาทีกระป๋องนมเฉี่ยวไปนิดเดียว

“สส.ศรีสะเกษ เพื่อไทย” เล่านาทีระทึก กระป๋องนมเฉี่ยวไปนิดเดียว เชื่อมีคนเขวี้ยงมาแน่ บอกมันดังมากเลยนะ งง! จะหล่นมาจากฝ้าได้อย่างไร ด้าน “เลขาฯ สภา” แจงแล้ว ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบตกจากเพดาน คาดคนงานขึ้นไปซ่อมฝ้า ดื่มนมแล้วทิ้งไว้

เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

รมช.คลัง เร่งดัน กม.สถานบันเทิงครบวงจร ยันไร้เส้นสาย-เกี้ยเซียะ

‘รมช.คลัง’ ลั่นเร่งดันกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ บอกทุนจดทะเบียนหมื่นล้าน ไม่จำกัดสัญชาติ แต่ต้องมีคุณภาพ ยันไม่มีเส้นสาย-เกี้ยเซียะในรัฐบาล