กรุงเทพฯ23 พ.ย.-ก.พาณิชย์ ติดตามสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภาคเหนือ แม้ต้นทุนการผลิตพุ่งสูง พร้อมวางมาตราการช่วยเหลือเกษตรกร ย้ำคงมาตรการกำหนด 3:1 เพื่อให้ราคาในประเทศมีเสถียรภาพ
นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21-22 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่จังหวัดน่านและแพร่ เพื่อติดตามสถานการณ์ซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และหามาตรการช่วยเหลือ ตามที่ได้รับมอบหมายจากนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ดูแลและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยยกระดับราคา และสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในระยะยาว หลังมีข้อร้องเรียนจากเกษตรกรและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ
นายคุณากร ระะบุว่า รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญและพร้อมดูแลราคาพืชผลการเกษตรให้กับพี่น้องเกษตรกร จากการลงพื้นที่พบว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวและผลผลิตออกสู่ตลาดมาก โดยผลผลิตจังหวัดแพร่ยังคงเหลืออีกประมาณ 40% ราคารับซื้อในพื้นที่ 8.70-8.80 บาท/กก. (เมล็ดความชื้น 14.5%) และ 6.90-7.00 บาท/กก. (เมล็ดความชื้น 30%) สำหรับจังหวัดน่าน เก็บเกี่ยวแล้วประมาณ 32% ราคารับซื้อ 9.05-9.10 บาท/กก. (เมล็ดความชื้น 14.5%) และ 6.85-6.95 บาท/กก. (เมล็ดความชื้น 30%) ซึ่งถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดีและเป็นไปตามกลไกตลาด
โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการ และเกษตรกรในพื้นที่ของทั้ง 2 จังหวัด ได้รับทราบว่าต้นทุนการผลิตของเกษตรเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจัยการผลิตต่างๆ อาทิ ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์ ทำให้ราคาที่เกษตรกรขายได้ ไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต ที่ประชุมจึงได้เสนอขอให้ภาครัฐมีแนวทางช่วยเหลือเกษตรกร ดังนี้
1)รักษาเสถียรภาพราคารับซื้อปลายทางและในพื้นที่เพื่อลดความผันผวน
2)ควบคุมปัจจัยการผลิตโดยเฉพาะค่าเมล็ดพันธุ์ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี
3)ส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตของเกษตรกร
4)ควบคุมการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
ทั้งนี้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) หารือ ได้ออกมาตรการให้สินเชื่อกับสหกรณ์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการรวบรวมผลผลิต การชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการในการเก็บสต็อก และกรณีที่บางพื้นที่มีปัญหาราคาตกต่ำ ก็จะมีแนวทางการรองรับโดยการเปิดจุดรับซื้อในพื้นที่ เพื่อกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต และยกระดับราคาให้สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก ลดต้นทุนการผลิต ซึ่ง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)จะสนับสนุนสินเชื่อแก่เกษตรกร
สำหรับมาตรการอื่นๆ อาทิ ประสานขอความร่วมมือจากโรงงานผลิตอาหารสัตว์ชะลอการปรับราคารับซื้อลง รวมทั้งลงพื้นที่ตรวจสอบการรับซื้อของผู้ประกอบการท้องถิ่น ในการติดป้ายแสดงราคา การตรวจสอบเครื่องชั่งน้ำหนัก เครื่องวัดความชื้นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และราคาปุ๋ย กำกับดูแลการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่จะให้นำเข้าได้ช่วงเวลาที่ผลผลิตในประเทศมีน้อย (ช่วงเดือน ก.พ.-ส.ค.) และคงมาตรการ 3:1 กำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ต่อการรับซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วน เพื่อให้ราคาในประเทศมีเสถียรภาพต่อไป.-511.-สำนักข่าวไทย