นายกฯ เผยเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง เล็งออกมาตรการช่วยผู้สูงอายุ

ทำเนียบ 19 พ.ย. – นายกฯ เป็นประธานประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนัดแรก เผยจีดีพีรวม 3 ไตรมาส 2.3% ฟื้นตัวต่อเนื่อง เล็งออกมาตรการช่วยกลุ่มผู้สูงอายุต่อไป


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งแรก โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางสาวจิราพร สินธุไพร และนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายดนุชา พิชนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จากข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาสที่สามปี 2567 ที่สภาพัฒน์ฯ ประกาศเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 จะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่องไตรมาสที่สาม จีดีพีขยายตัวที่ 3% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่หนึ่งและสอง ที่ 1.6 % และ 2.2% เมื่อรวมทั้งหมดขยายตัวที่ 2.3% จากการส่งออก การบริโภคของภาครัฐ การท่องเที่ยว และภาคก่อสร้าง ถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง


รัฐบาลมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในศักยภาพที่จะเติบโตมากกว่านี้ จึงมีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุดนี้ขึ้นมา เพื่อทำให้นโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา เกิดผลประโยชน์เป็นรูปธรรม กระตุ้นเศรษฐกิจไทยเติบโตเต็มศักยภาพ ไปพร้อมกับการดูแลคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และการกำหนดแนวทางในการเพิ่มขีดความสามารถของไทยในระยะยาว

ระยะสั้นจะมุ่งเน้นในการเพิ่มรายได้ และบรรเทาค่าครองชีพสำหรับประชาชนกลุ่มเปราะบาง ซึ่งรัฐบาลเริ่มดำเนินการผ่านการอุดหนุนค่าครองชีพ สำหรับกลุ่มประชาชนที่มีรายได้น้อย ดังนั้นในระยะต่อๆ ไป ควรพิจารณาความเหมาะสมที่จะช่วยเหลือกลุ่มต่อไป เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ยังมีเรื่องสำคัญคือภาระหนี้สินของประชาชน แม้ในช่วงปี 2567 ระดับหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีจะปรับตัวลดลง เหลือ 89.6% จาก 90.7% ของไตรมาสก่อนหน้านี้ แต่ถือว่ายังอยู่ในระดับสูง ในแต่เดือนประชาชนยังมีภาระในการชำระหนี้สูง และมีความเสี่ยงในการที่จะผิดนัดในการชำระหนี้ จึงควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ปัญหานี้ครัวเรือนให้เป็นรูปธรรม เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ สินเชื่อเอสเอ็มอี ซึ่งกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยอยูาระหว่างพิจารณาออกแบบมาตรการในการแก้ปัญหาหนี้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน ควบคู่ไปกับการรักษาวินัยการเงินการคลังของประชาชน


ส่วนมาตรการระยะยาว นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญที่จะเพิ่มมาตรการการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความสามารถของการแข่งขันของประเทศในอนาคต เชื่อว่าคณะกรรมการชุดนี้ จะช่วยออกมาตรการช่วยเหลือต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก