นายก ย้ำ ไม่บิดเบือนข้อมูลผู้ป่วยโควิด-19

ทำเนียบฯ 24 ก.พ. – นายกรัฐมนตรี ย้ำ รัฐบาลไม่บิดเบือนข้อมูลผู้ป่วยโควิด -19 กำชับแนวชายแดนเข้ม กันลักลอบนำคนป่วยเข้ารักษา  ยืนยัน การประกาศยกระดับเป็นโรคอันตราย เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีกฎหมายทำงานได้สะดวกขึ้น


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  กล่าวถึง การคุมเข้มตามแนวชายแดน ในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด -19  หลังมีข่าวว่าคนไทยลักลอบนำคนจีนที่มีอาการป่วยเข้ามารักษาตัวในไทย ว่า  ได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดตรวจสอบแล้ว หากใครเกี่ยวข้อง ก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย ยืนยันตามแนวชายแดนมีการตรวจสอบ คัดกรองบุคคล การเข้า-ออกอย่างรัดกุม 

“ผมได้เน้นย้ำไปแล้ว ทั้งทางบก ทางน้ำ และ ทางอากาศ รวมถึง ช่องทางทางธรรมชาติ   ถ้าตรวจพบว่าผิดกฎหมาย ก็จะมีการส่งตัวกลับ และ วันนี้ กองทัพบกก็ได้ส่งกำลังพลไปช่วยในการคัดกรองบุคคลเหล่านี้ด้วย   ขณะนี้ได้รับรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข ที่มีการตรวจผ่านโรงพยาบาลในพื้นที่ ก็ไม่พบผู้ติดเชื้อ” นายกรัฐมนตรี กล่าว


ส่วนกรณีที่เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 แบบก้าวกระโดดนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทย มีมาตรการรองรับไว้ในระยะที่ 3 โดยระยะแรก คือ เมื่อเกิดเหตุการระบาดมีมาตราการอย่างไรในการคัดกรอง ระยะที่ 2 คือ การติดเชื้อมาจากประเทศต้นทาง และระยะที่ 3 คือ ระยะของการแพร่ระบาดของคนในประเทศ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ประชุมเตรียมพร้อมรับมือ  ว่าต้องดำเนินการตามมาตรการเข้มงวดอย่างไร ซึ่งบางอย่างต้องเข้มงวดมากขึ้น 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  การประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ในช่วงบ่ายวันนี้ (24ก.พ.) ที่จะประกาศเป็นโรคติดต่ออันตราย ก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีกฎหมายในการรองรับการทำงานสะดวก รัดกุมมากขึ้น  ป้องกันไม่ให้มีการแพร่กระจายการติดเชื้อในประเทศ  และไม่ได้หมายความว่ามีผู้ป่วยมากขึ้น จึงต้องประกาศ

“ยืนยันไม่มีการบิดเบือนตัวเลขผู้ติดเชื้อ  ดังนั้น ขออย่าตื่นตระหนก เพราะจะส่งผลกระทบในหลายด้าน  โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว   รัฐบาลยืนยันห่วงใยสุขภาพประชาชนที่สุด ดังนั้น เมื่อถึงความจำเป็น ก็ต้องมีมาตรการมารองรับควบคุมการระบาดตามลำดับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว .- สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง