วัคซีน

เบอร์ลิน 26 ม.ค.- รัฐสภาเยอรมนีจะเปิดการอภิปรายเป็นครั้งแรกในวันนี้เรื่องความเป็นไปได้ในการบังคับฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อย่างกว้างขวาง สมาชิกสภาจากพรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรคเสนอทางเลือก 3 ทาง ทางแรกบังคับฉีดกับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกคน โดยบังคับใช้นาน 2 ปี ครอบคลุมการฉีดวัคซีนสูงสุด 3 เข็ม ผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับ ทางที่สองจัดการประชุมให้คำปรึกษาแก่ผู้ไม่ฉีดวัคซีน หากไม่มีความคืบหน้าที่น่าพอใจ ให้บังคับฉีดกับผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และทางที่สามไม่บังคับฉีดวัคซีนเลย เดือนที่แล้วรัฐสภาเยอรมนีเพิ่งผ่านความเห็นชอบร่างกฎหมาย กำหนดให้บุคลากรในโรงพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุต้องแสดงใบรับรองฉีดวัคซีนครบโดสหรือเพิ่งหายป่วยจากโควิดภายในกลางเดือนมีนาคม ขณะนี้ชาวเยอรมนีฉีดวัคซีนครบโดสแล้วร้อยละ 73.5 และฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันแล้วร้อยละ 50.8 ที่ผ่านมานักการเมืองทุกฝ่ายในเยอรมนียืนกรานมาตลอดว่าไม่ควรบังคับฉีดวัคซีน แต่เริ่มเปลี่ยนท่าทีเมื่อปลายปีก่อน เนื่องจากกลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีนเป็นอุปสรรคต่อการรับมือกับโควิด นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ซึ่งแสดงตัวสนับสนุนการบังคับฉีดวัคซีนตั้งแต่ยังไม่ชนะเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในเดือนธันวาคมคาดการณ์ว่า การบังคับฉีดวัคซีนจะมีผลในเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคม แต่กรอบเวลาถูกเลื่อนออกไป ส่วนหนึ่งเพราะรัฐบาลไม่เสนอร่างกฎหมายในเรื่องนี้ แต่ให้สมาชิกรัฐสภาแต่ละกลุ่มร่างข้อเสนอ เพื่อให้สมาชิกสภาลงมติตามความสมัครใจของตนเอง โดยไม่ต้องเป็นไปตามมติพรรค เยอรมนีมักใช้วิธีนี้กับประเด็นทางการแพทย์ที่มีความซับซ้อน ล่าสุดใช้เมื่อต้นปี 2563 เพื่อกำหนดระเบียบสำหรับผู้ต้องการบริจาคอวัยวะ.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น มีคะแนนนิยมลดลง ขณะที่ญี่ปุ่นมีผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง เพราะไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน

รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลีย กล่าววันนี้ว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน จะไม่ทำให้ต้องมีการเลื่อนการเปิดเทอมใหม่แต่อย่างใด ในขณะที่ออสเตรเลียรายงานวันนี้ว่า พบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวน 64 ราย

กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียกล่าววันนี้ว่า มาเลเซียจะเริ่มกลับไปจำหน่ายตั๋วเดินทางภายใต้โครงการช่องทางของผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วกับสิงคโปร์อีกครั้ง

มาดริด 19 ม.ค.- องค์การการท่องเที่ยวโลกอ้างผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ว่า การเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกจะไม่กลับไปสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้ก่อนปี พ.ศ.2567 เป็นอย่างเร็วที่สุด องค์การการท่องเที่ยวโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงมาดริดของสเปนระบุในข่าวประชาสัมพันธ์ว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่ได้ง่ายแม้ไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรงจะทำให้การฟื้นตัวช่วงต้นปี 2565 เกิดการสะดุด หลังจากการท่องเที่ยวช่วงปลายปี 2564 โตขึ้นร้อยละ 4 จากปี 2563 ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2563 ลดลงจากปี 2562 มากถึงร้อยละ 72 เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นการระบาดทั่วโลก ส่วนการเดินทางระหว่างประเทศในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 30-78 จากปี 2564 แต่จะยังคงต่ำกว่าปี 2562 ก่อนโควิดระบาด ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่า การท่องเที่ยวจะยังไม่กลับไปสู่ระบาดก่อนเกิดระบาดได้ก่อนปี 2567 เป็นอย่างเร็วที่สุด องค์การการท่องเที่ยวโลกระบุด้วยว่า การฟื้นตัวของแต่ละภูมิภาคยังคงต่ำและไม่เท่าเทียมกัน ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของระเบียบจำกัดการเดินทาง อัตราการฉีดวัคซีน และความเชื่อมั่นของนักเดินทาง ทวีปยุโรปและทวีปอเมริกามีชาวต่างชาติไปเยือนในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 19 และ 17 ตามลำดับ ตะวันออกกลางมีชาวต่างชาติไปเยือนลดลงร้อยละ 24 ขณะที่เอเชียแปซิฟิกลดลงถึงร้อยละ […]