Arnat Sakdaronnarong

เจนีวา 19 ม.ค. – องค์การอนามัยโลกระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานชี้ว่าเด็กและวัยรุ่นที่มีสุขภาพแข็งแรงจำเป็นต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ดร. สุมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก แถลงเมื่อวันอังคารว่า แม้ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากวัคซีนป้องกันโรคโควิดที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีแนวโน้มลดลงหลังฉีด ในขณะที่เกิดการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว แต่ทั่วโลกต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าบุคคลกลุ่มใดจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ขณะนี้ ยังไม่มีหลักฐานแม้แต่ชิ้นเดียวที่ระบุว่า เด็กหรือวัยรุ่นที่มีสุขภาพแข็งแรงต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ดร. สวามินาธาน ยังระบุว่า คณะผู้เชี่ยวชาญระดับสูงขององค์การอนามัยโลกจะประชุมร่วมกันภายในสัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณาคำถามที่เฉพาะเจาะจงในประเด็นเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ประชากรในแต่ละประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องประชากรกลุ่มเปราะบางและกลุ่มเสี่ยงต่ออาการป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิต ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประชากรสูงอายุ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด้วย ก่อนหน้านี้ อิสราเอลได้เริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่สามให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปแล้ว ขณะที่สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ หรือเอฟดีเอ ประกาศอนุมัติใช้วัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่มเด็กอายุ 12-15 ปีเมื่อช่วงต้นเดือน ส่วนเยอรมนีได้ประกาศคำแนะนำให้เด็กอายุ 12-17 ปีเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่สามเมื่อสัปดาห์ก่อน.-สำนักข่าวไทย

โตโยต้าประกาศปรับลดกำลังผลิตรถยนต์เหลือ 700,000 คัน ในเดือนกุมภาพันธ์ และอาจทำให้ผลิตรถยนต์ได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 9 ล้านคัน ภายในปีงบการเงินที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคมนี้ เนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนชิปที่เป็นผลมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างยาวนาน

อาบูดาบี 18 ม.ค.- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี (UAE) กำหนดให้ผู้เดินทางเข้ากรุงอาบูดาบี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศจะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เข็มที่ 3 แล้วเท่านั้น หลังจากมีผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ แอปพลิเคชันสุขภาพของรัฐบาลยูเออีกำหนดว่า ผู้เดินทางเข้ากรุงอาบูดาบีจะต้องแสดง “บัตรผ่าน” ที่ยืนยันสถานะการฉีดวัคซีนครบโดส ซึ่งหมายถึงการฉีดเข็มที่ 3 แล้วเท่านั้น โดยฉีดห่างจากเข็มที่ 2 อย่างน้อย 6 เดือน และต้องมีผลตรวจหาเชื้อเป็นลบภายใน 2 สัปดาห์ก่อนเดินทางเข้ามา ส่วนผู้อยู่ในกรุงอาบูดาบีจะต้องแสดง “บัตรผ่าน” ก่อนเข้าสถานที่ราชการและสถานที่สาธารณะ สาธารณสุขของยูเออีอ้างว่า ทั้งประเทศมีคนฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมากกว่าร้อยละ 90 ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงในเดือนธันวาคม แต่ขณะนี้กลับมาเพิ่มขึ้นอีกเพราะเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ยอดติดเชื้อสะสมจนถึงขณะนี้มากกว่า 808,200 คน เสียชีวิตมากกว่า 2,100 คน.-สำนักข่าวไทย

ฮ่องกง 18 ม.ค.- ตำรวจฮ่องกงจับกุมและตั้งข้อหาอดีตพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 2 คนของสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค โทษฐานฝ่าฝืนระเบียบการกักตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ตำรวจระบุว่า อดีตพนักงานทั้งสองคนเดินทางกลับมาจากสหรัฐเมื่อวันที่ 24 และ 25 ธันวาคมตามลำดับ ทั้งคู่ทำในสิ่งที่ไม่สมควรทั้งที่ควรกักตัวที่บ้าน และมีผลตรวจหาเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนเป็นบวกหลังจากฝ่าฝืนการกักตัว ตำรวจได้ปล่อยตัวโดยให้ประกันตัวและกำหนดให้ขึ้นศาลในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ หากถูกตัดสินว่ามีความผิดอาจถูกจำคุกสูงสุด 6 เดือน และปรับสูงสุด 5,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 21,200 บาท) ตำรวจฮ่องกงไม่ได้เปิดเผยชื่อสายการบินต้นสังกัดของอดีตพนักงานทั้งสองคน แต่มีข่าวก่อนหน้านั้นว่าคาเธ่ย์แปซิฟิคได้ไล่ออกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 2 คนที่ต้องสงสัยฝืนระเบียบกักตัว สายการบินหลักของฮ่องกงแห่งนี้ถูกตำหนิว่า เป็นต้นเหตุให้เชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนเข้ามาแพร่ระบาดในฮ่องกง นางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารฮ่องกงระบุชื่อคาเธ่ย์แปซิฟิคเมื่อสัปดาห์ก่อน และสั่งให้สอบสวนว่าลูกเรือฝ่าฝืนระเบียบโควิดหรือไม่ ฮ่องกงเข้มงวดมาตรการจำกัดการระบาดยิ่งขึ้นไปอีกหลังจากเกิดกรณีของอดีตลูกเรือดังกล่าว ทำให้คาเธ่ย์แปซิฟิคประกาศยกเลิกเที่ยวบินโดยสารและเที่ยวบินขนส่งสินค้าส่วนใหญ่ในเดือนนี้ นักบินของสายการบินนี้เคยเผยว่า มาตรการกำหนดให้นักบินที่กลับมาฮ่องกงต้องกักโรคที่โรงแรมครั้งละ 5 สัปดาห์ สร้างแรงกดดันต่อสภาพจิตใจและชีวิตส่วนตัว.-สำนักข่าวไทย

เจนีวา 18 ม.ค. – โมเดอร์นา อิงค์ บริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐ ตั้งเป้าผลิตวัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรผสมที่ช่วยป้องกันโรคโควิด-19 โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส หรืออาร์เอสวี ในช่วงปลายปี 2566 โดยหวังว่าวัคซีนขนานดังกล่าวจะช่วยทำให้มีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี นายสเตฟาน บองเซล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของโมเดอร์นา กล่าวในงานประชุมแบบเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ว่า โมเดอร์นาคาดว่าจะผลิตวัคซีนดังกล่าวได้อย่างเร็วสุดในช่วงปลายปีหน้า แต่ในช่วงแรกจะออกสู่ท้องตลาดแค่ในบางประเทศเท่านั้น เป้าหมายของบริษัทคือการพัฒนาวัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรผสมที่ช่วยป้องกันโรคโควิด โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคอาร์เอสวี ไว้ในเข็มเดียว เพื่อให้ผู้คนทั่วไปไม่ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่สองหรือสามเพิ่มในช่วงฤดูหนาว นายบองเซลยังระบุว่า โครงการวัคซีนป้องกันโรคอาร์เอสวีกำลังอยู่ในระหว่างการทดลองทางคลินิกระยะที่สาม ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทดลองในมนุษย์ ขณะที่โครงการวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์จะเข้าสู่การทดลองระยะที่สามในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ โดยใช้เทคนิคเอ็มอาร์เอ็นเอแบบเดียวกับที่ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด ส่วนวัคซีนป้องกันโควิดขนานใหม่ที่มีประสิทธิภาพต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนโดยเฉพาะจะแล้วเสร็จภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และจะทำการทดสอบทางคลินิกต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ซิดนีย์ 18 ม.ค. – ออสเตรเลียมีผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มขึ้น 74 คน ทำสถิติสูงสุดของประเทศนับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรก ในขณะที่เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังคงทำให้อัตราผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน แม้ออสเตรเลียพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ลดลงเล็กน้อยก็ตาม ทางการออสเตรเลียรายงานวันนี้ว่า พบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดเพิ่มขึ้น 74 คนในรัฐนิวเซาท์เวลส์ รัฐวิกตอเรีย และรัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งเป็นสามรัฐที่มีประชากรมากสุดของออสเตรเลีย ทำลายสถิติสูงสุดก่อนหน้าที่มีผู้เสียชีวิต 57 คนเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว แม้ว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่กว่า 67,000 คน ใน 4 รัฐใหญ่ ลดลงจากสถิติผู้ป่วยติดเชื้อรายวันสูงสุด 150,000 คนเมื่อวันพฤหัสบดีก่อนก็ตาม ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 1.6 ล้านคน ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อมากถึง 1.3 ล้านคนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดกว่า 2,700 คน ในขณะเดียวกัน นายโดมินิก เพอร์รอตเทต มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก แถลงว่า รัฐนิวเซาท์เวลส์พบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดเพิ่มขึ้น 36 คน ทำสถิติสูงสุดของรัฐ ทั้งยังยืนยันว่า […]