มะนิลา 4 ม.ค. – ฟิลิปปินส์มีแนวโน้มพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 พุ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่อาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักของฟิลิปปินส์ภายในสิ้นเดือนนี้
คณะนักวิจัยอิสระระบุว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในฟิลิปปินส์กำลังพุ่งสูงขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับยอดผู้ป่วยติดเชื้อในช่วงปลายปีที่ผ่านมาที่เกิดจากการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา ทั้งยังระบุว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมีอัตราการแพร่ระบาดในฟิลิปปินส์แตะระดับ 4 แล้วทั้งที่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนมีอัตราแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 1 ทั้งนี้ อัตราแพร่ระบาดระดับ 1 หมายถึงสามารถควบคุมการระบาดของเชื้อโควิดได้ ส่วนช่วงที่สายพันธุ์เดลตาแพร่ระบาดสูงสุดในฟิลิปปินส์อัตราอยู่ที่ระดับ 2
ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนอาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักของฟิลิปปินส์ในอีก 3-4 สัปดาห์หน้าแทนเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา ส่วนกระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมีสัดส่วนการระบาดเกือบร้อยละ 30 ของผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ยังพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่เมื่อวันอาทิตย์มากถึง 4,600 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากวันที่ 25 ธันวาคมที่มีต่ำกว่า 500 คนเท่านั้น ขณะที่เมื่อวันจันทร์พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 4,084 คน แต่กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ระบุว่า ตัวเลขที่ลดลงเล็กน้อยเป็นผลมาจากห้องปฏิบัติการ 21 แห่งที่ส่งผลตรวจหาเชื้อโควิดไม่ทัน
ขณะนี้ ฟิลิปปินส์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 2.85 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 51,000 คน ซึ่งเป็นยอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมและผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย อย่างไรก็ดี ฟิลิปปินส์ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดโดสแรกให้แก่ประชาชนร้อยละ 95 และรัฐบาลฟิลิปปินส์มั่นใจว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดส่วนใหญ่จะมีอาการป่วยเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยที่โรงพยาบาลจะไม่เผชิญกับภาวะตึงตัวจากการรองรับผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง. -สำนักข่าวไทย