25 ธันวาคม 2564
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Sceince Feedback (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ
ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ
บทสรุป:
- การปฏิเสธวัคซีน ขัดขวางการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ทำให้เด็กและผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอต้องเสี่ยงติดเชื้อ
- การป่วยด้วยโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนเพิ่มภาระให้กับแพทย์และลดโอกาสการรักษาของผู้ป่วยโรคอื่นๆ
ข้อมูลที่ถูกแชร์:
มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ผ่านทาง Facebook ในสหรัฐอเมริกา โดย เบรนนา สเปนเซอร์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวอเมริกันผู้มีแนวคิดต่อต้านวัคซีน อ้างว่าคนที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 แล้ว ไม่จำเป็นต้องบังคับให้คนอื่นฉีดตามไปด้วย เพราะคนที่ฉีดวัคซีนแล้วกลับมาติดเชื้อจะไม่ป่วยเท่าคนไม่ฉีดวัคซีน ดังนั้นคนที่รับเคราะห์จากการไม่ฉีดวัคซีนก็คือคนที่ไม่ฉีดเท่านั้น ซึ่งเป็นข้อความที่มียอดไลค์กว่า 6.6 พันครั้ง และได้รับการแชร์ไปกว่า 600 ครั้ง ก่อนจะถูก Facebook ตั้งสถานะให้เป็นข่าวปลอมในเวลาต่อมา
FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:
แนวคิดที่ว่าการไม่ฉีดวัคซีนโควิด 19 เป็นปัญหาเฉพาะบุคคลเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะหากมีคนไม่ฉีดวัคซีนกันมากๆ ก็จะไม่มีวันเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นในสังคม
ความสำคัญของภูมิคุ้มกันหมู่ คือการป้องกันการติดเชื้อให้กับกลุ่มคนที่ไม่มีโอกาสได้รับวัคซีน เช่นเด็กอายุน้อยซึ่งยังไม่ได้รับวัคซีนเหมือนผู้ใหญ่ แม้เด็กจะมีโอกาสป่วยจากโควิด 19 น้อยกว่าผู้ใหญ่ แต่ก็มีหลายรายที่อาการรุนแรงและเสียชีวิต โดยเฉพาะการระบาดของโควิด 19 สายพันธุ์เดลต้าที่ทำให้เด็กติดเชื้อโควิด 19 มากขึ้น ข้อมูลของหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุว่าในช่วงที่ไวรัสเดลต้าแพร่ระบาด เด็กทารกจนถึงเด็กอายุ 4 ขวบต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า
คนอีกกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบคือกลุ่มผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่นผู้ป่วยโรคมะเร็งและผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ แม้คนกลุ่มนี้จะสามารถรับวัคซีนโควิด 19 ได้ แต่ประสิทธิผลของวัคซีนจะได้รับน้อยกว่าประชนทั่วไปที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน
แม้จะไม่วัคซีนโควิด 19 สูตรไหนที่มีประสิทธิผลป้องกันโรคได้ 100% แต่การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ไม่จำเป็นต้องใช้วัคซีนที่มีประสิทธิผล 100% และปัจจุบันก็ยังไม่มีวัคซีนชนิดไหนที่มีประสิทธิผล 100% เช่นกัน แต่การระบาดของโรคในเด็กอย่างโรคหัดและโปลิโอสามารถทำให้ยุติลงได้ด้วยการฉีดวัคซีน
นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนโควิด 19 ยังช่วยแบ่งเบาภาระแก่บุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการป้องกันการป่วยหนักและการเข้าโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด 19 และยังลดปัญหาการครองเตียงของผู้ป่วยโควิด 19 ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยโรคอื่นๆ เช่นกรณีที่เกิดกับ แดเนียล วิลกินสัน อดีตทหารผ่านศึกชายอเมริกัน ที่ป่วยด้วยโรคที่สามารถรักษาได้ แต่ต้องมาเสียชีวิตเพราะโรงพยาบาลไม่มีห้องไอซียูเหลือว่างให้ทำการรักษา โดยข้อมูลจาก 40 รัฐในสหรัฐฯ ยืนยันว่าผู้ป่วยโควิด 19 ในโรงพยาบาลส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน และมีผู้ป่วยโควิด 19 ที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ครบ 2 โดสเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแค่ 5% เท่านั้น
แม้การแพร่ระบาดของไวรัสเดลต้า จะทำให้อัตราการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น แต่ผลวิจัยต่างยืนยันว่า การฉีดวัคซีนลดการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพราะโควิด 19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลพบว่าการฉีดวัคซีน Pfizer ครบ 2 โดส ป้องกันการป่วยหนักได้ 91% และป้องกันการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ 88%
ส่วนผลวิจัยของหน่วยงานสาธารณสุขอังกฤษ (PHE) พบว่าการฉีดวัคซีน Pfizer ครบ 2 โดส ป้องกันการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ 96% และการฉีดวัคซีน AstraZeneca ครบ 2 โดส ป้องกันการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ 92%
- หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
- LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
- FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
- Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
- IG :: https://instagram.com/SureAndShare
- Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
- TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter