ทำเนียบ 22 ต.ค.-ศปช.ยืนยันชาวสุโขทัยไม่ต้องกังวล หลังมีข่าวลือน้ำล้นเขื่อนแม่มอกลำปางไม่จริง ชี้ยังบริหารน้ำได้ตามปรกติ ส่วนสัปดาห์นี้พายุ “จ่ามี” ขึ้นฝั่งเวียดนาม เตือนอีสานจะมีฝนตก แนะรับฟังคำเตือนอย่างใกล้ชิด
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. และ ศปช. ส่วนหน้า กล่าวว่าจากฝนที่ตกต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาทเพิ่มขึ้น 100 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อนสูงขึ้นจาก 16.13 ม.รทก. เพิ่มเป็น 17.07 ม.รทก. หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 80 ซม. ทำให้ต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนจาก 1,300 ลบ.ม./วินาที เป็น 1,400 ลบ.ม./วินาที เพื่อลดผลกระทบพื้นที่เหนือเขื่อน ซึ่งการเพิ่มการระบายดังกล่าว อาจทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำ ได้แก่ คลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ แม่น้ำน้อย ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา จะระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น 20-30ซม.
“ส่วนที่มีข่าวว่าระดับน้ำในเขื่อน แม่มอก จ.ลำปาง น้ำล้นความจุอ่าง จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่เศรษฐกิจของ จ.สุโขทัย ทาง สทนช. ยืนยันว่าปริมาณน้ำดังกล่าวยังบริหารจัดการได้ และยืนยันกับ ศปช.ว่าจะไม่เกิดผลกระทบต่อชาว จังหวัดสุโขทัยอย่างแน่นอน” นายจิรายุ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ฝนที่กระจายตัวในหลายพื้นที่โดยเฉพาะตั้งแต่ตอนกลางของประเทศลงไปถึงภาคใต้ ในช่วงวันที่ 23-28 ต.ค.67 ทาง สทนช. ได้แจ้งเตือน 18 จว. ได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังเป็นประจำ ซึ่งขณะนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ระดมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเตรียมความพร้อมในพื้นที่ 1,567 หน่วย หากเกิดเหตุสามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันที
ขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยา ยังจับตาพายุดีเปรสชันทางตะวันออกของฟิลิปปินส์ ที่ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “จ่ามี” ซึ่งเคลื่อนตัวมาทางตะวันตกเรื่อย ๆ คาดว่าจะขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามในช่วงวันที่ 26-27 ต.ค.67 จากนั้นจะเริ่มลดความเร็วลง ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวอาจทำให้พื้นที่ภาคอีสานของประเทศไทยบางส่วนได้รับผลกระทบจากฝนตกและลมแรงในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี มุกดาหาร อำนาจเจริญ และศรีสะเกษ ระหว่างนี้ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของ สิ่งปลูกสร้างให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง.-314.-สำนักข่าวไทย