ข่าวแห่งปี 2024 : มรสุมสงคราม-ความขัดแย้ง ป่วนโลก
ย้อนดูสถานการณ์โลกในรอบปี ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากสงคราม โดยเฉพาะ 2 จุดใหญ่ คือ ยูเครน และตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก
ย้อนดูสถานการณ์โลกในรอบปี ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากสงคราม โดยเฉพาะ 2 จุดใหญ่ คือ ยูเครน และตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก
ตลอดปี 2024 สงครามในยูเครนเผชิญจุดพลิกผันหลายครั้ง เช่น การรุกของรัสเซีย และการโต้กลับที่แผ่วลงของยูเครน แต่ในเวลาต่อมาอาวุธที่ทันสมัยจากตะวันตก ช่วยให้ยูเครนมีอำนาจต่อรองมากขึ้น หากเกิดการเจรจาสันติภาพ
มอสโก 10 ธ.ค.- หัวหน้าหน่วยข่าวกรองรัสเซียเผยวันนี้ว่า รัสเซียใกล้จะบรรลุเป้าหมายในการทำสงครามยูเครนแล้ว เนื่องจากเป็นฝ่ายยึดครองแผนกลยุทธ์ในทุกพื้นที่ และกองกำลังยูเครนใกล้จะล่มสลาย นายเซอร์เก นารีชกิน ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซียที่ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2559 เผยกับนิตยสารของสำนักข่าวกรองฯ ว่า สถานการณ์บริเวณแนวรบในขณะนี้ ยูเครนไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบ เพราะแผนกลยุทธ์ในทุกพื้นที่ล้วนเป็นของรัสเซีย ทำให้รัสเซียใกล้จะบรรลุเป้าหมายในการทำสงครามยูเครน ในขณะที่กองกำลังยูเครนกำลังจะล่มสลาย ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนหมดความชอบธรรมและความสามารถที่จะเจรจาต่อรองแล้ว รอยเตอร์มองว่า นายนารีชกินเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัสเซียเพียงไม่กี่คนที่มีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐและตะวันตกอย่างสม่ำเสมอ ทัศนะของเขาบ่งบอกถึงความคิดของบุคคลระดับสูงในรัสเซียที่มีต่อสถานการณ์สงคราม ซึ่งขณะนี้รัสเซียยึดครองดินแดนของยูเครนไปแล้วเทียบเท่ากับพื้นที่ของรัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐ และกำลังรุกคืบรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เริ่มบุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเรียกร้องเมื่อวันอาทิตย์ให้ยูเครนและรัสเซียหยุดยิงโดยทันที และเปิดการเจรจาเพื่อยุติความบ้าคลั่งของสงคราม ต่อมาผู้นำยูเครนเสนอเมื่อวันจันทร์เรื่องใช้การทูตแก้ปัญหา และส่งทหารต่างชาติไปประจำการในยูเครนจนกว่ายูเครนจะได้เป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต รอยเตอร์รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียพร้อมหารือข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนกับทรัมป์ แต่ยืนกรานไม่คืนดินแดนที่ยึดครอง และยืนกรานให้ยูเครนต้องล้มเลิกความคิดที่จะเข้านาโต.-814.-สำนักข่าวไทย
ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ประกาศว่าจะนำพาสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ไปสู่ข้อสรุปอย่างรวดเร็วหลังขึ้นสู่ตำแหน่ง แต่คำถามคือเงื่อนไขในสมรภูมิรบตอนนี้จะเกื้อหนุนต่อการสิ้นสุดสงครามหรือไม่ คุณคมสัน ศรีธนวิบุญชัย มีรายงานของวีโอเอจากสหรัฐ มานำเสนอ
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ
โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าววันนี้ว่า รัสเซียพร้อมที่จะพิจารณาแนวคิดริเริ่มทางด้านสันติภาพเพื่อยุติความขัดแย้งในยูเครน แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาในเรื่องผลประโยชน์ของรัสเซียเอง
ยูเครนเดินหน้ายิงขีปนาวุธถล่มพื้นที่ของรัสเซียหลังได้รับไฟเขียวจากชาติตะวันตก เมื่อวานนี้กองทัพยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ “สตอร์ม ชาโดว์” (Storm Shadow) ของอังกฤษ
โตเกียว 18 พ.ย. – ญี่ปุ่นกำลังมีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากเป็นประวัติการณ์ และหนึ่งในนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชายชาวอียิปต์ที่ใช้เวลานานถึง 274 วัน ในการเดินทางจากบ้านเกิดไปถึงญี่ปุ่น โดยไม่ขึ้นเครื่องบิน นายโอมาร์ น็อก ชาวกรุงไคโร วัย 30 ปี คนดังในสื่อสังคมออนไลน์ที่มีคนติดตามอินสตาแกรมหรือไอจี (IG) มากกว่า 750,000 คน ให้สัมภาษณ์เมื่อเดินทางถึงกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นว่า ออกเดินทางจากอียิปต์ ผ่านประเทศต่าง ๆ โดยไม่ขึ้นเครื่องบินแม้แต่เที่ยวเดียว แต่ใช้การขึ้นเรือ ขึ้นรถไฟ ขี่อูฐขี่ม้า และโบกรถ เป็นระยะทางทั้งหมด 46,239 กิโลเมตร เขานั่งเรือข้ามฟากมาถึงเมืองฟุกุโอกะ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นเมื่อเดือนตุลาคม และมาถึงกรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ใช้เวลาทั้งหมด 274 วัน เทียบกับการนั่งเครื่องบินตรงจากกรุงไคโรมากรุงโตเกียวที่ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง นายน็อกเคยทำงานเป็นนักวิเคราะห์ทางการเงินให้แก่บริษัทแอมะซอนในเยอรมนีและลักเซมเบิร์ก เขาเคยเดินทางแบบนี้ทั่วทวีปยุโรปและทวีปอเมริกามาก่อน แต่ไม่เคยมาไกลถึงเอเชีย วันออกเดินทางวันแรกเป็นวันที่ยากที่สุด รู้สึกกังวลที่ต้องไปในสถานที่ที่ไม่รู้จัก แต่บิดาที่มาส่งเขาขึ้นเรือสินค้าที่ท่าเรือทะเลแดงเพื่อไปยังซาอุดีอาระเบียได้พูดให้กำลังใจจนเขาหมดสิ้นความกังวล เขาใช้เงินเก็บในการเดินทางโดยใช้จ่ายอย่างประหยัดมากราววันละ 25 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 870 […]
“มาริษ” รมว.ต่างประเทศ ร่อนหนังสือประท้วงอิสราเอล หลังแรงงานไทยดับ 4 เจ็บ 1 ให้ยุติส่งเข้าพื้นที่เสี่ยงภัย พร้อมยับยั้งชั่งใจ ป้องกันความขัดแย้งขยายตัว ขอคนไทยชะลอการเดินทางไปอิสราเอล-ตะวันออกกลาง
ก.ต่างประเทศ เผยรายละเอียดคนไทย เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนอิสราเอล 4 ราย บาดเจ็บ 1 ราย วอนทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้น ในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกัน
“มาริษ” รมว.ต่างประเทศ เศร้าใจ คนไทยเสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 1 คน จากเหตุยิงจรวดใกล้ชายแดนอิสราเอล-เลบานอน กำชับทูตกรุงเทลอาวีฟช่วยเหลือ
มิชิแกน 31 ต.ค.- ชุมชนชาวอเมริกันอาหรับในรัฐมิชิแกน ซึ่งเป็นชุมชนชาวอเมริกันอาหรับใหญ่ที่สุดในสหรัฐไม่สนับสนุนนางคอมมาลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต รัฐมิชิแกนเป็น 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิ หรือสวิงสเตท หรือแบตเทิลกราวด์สเตทในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปีนี้ โดยมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral votes) 15 คะแนน เสียงของชุมชนชาวอเมริกันอาหรับในรัฐนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตเคยได้เสียงสนับสนุนจากชุมชนนี้มากถึงร้อยละ 70 ในการเลือกตั้งปี 2563 แต่เริ่มมีคะแนนสนับสนุนลดลงเพราะคนไม่พอใจนโยบายของรัฐบาลไบเดนต่อสงครามในกาซา หลายคนประกาศตัวชัดเจนว่า จะไม่ลงคะแนนให้แฮร์ริสในการเลือกตั้งปีนี้อย่างแน่นอน เพราะเธอสนับสนุนการให้เงินทุนในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา กลุ่มสภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม ซึ่งเป็นกลุ่มสิทธิพลเมืองชาวมุสลิมเผยผลการสำรวจเมื่อปลายเดือนสิงหาคมว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐมิชิแกนราวร้อยละ 40 สนับสนุนนางจิลล์ ไสตน์ วัย 74 ปี ผู้สมัครจากพรรคกรีนที่มีนโยบายต่อต้านสงครามในตะวันออกกลาง ขณะที่แฮร์ริสได้คะแนนสนับสนุนเพียงร้อยละ 12 น้อยกว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันที่ได้คะแนนสนับสนุนร้อยละ 18 และครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปีที่คณะกรรมการดำเนินการทางการเมืองหรือแพก (PAC) อเมริกันอาหรับไม่ประกาศตัวสนับสนุนผู้สมัครคนใดเลย.-814.-สำนักข่าวไทย