แจ้ง 6 ข้อกล่าวหา อดีตภรรยาอุ้มนักธุรกิจจีนเรียกค่าไถ่ย่านรัชดาฯ

กรุงเทพฯ 22 ต.ค. – ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา อดีตภรรยาของหนึ่งในผู้เสียหายชาวจีนที่ถูกอุ้มเรียกค่าไถ่ พบเป็นภรรยาคนใหม่ของหนึ่งในผู้ต้องหา และเป็นนกต่อชี้เป้าให้สามีใหม่กับพวก ก่อเหตุรีดไถเงินกว่า 12 ล้านบาท ขณะนี้สามารถรวบผู้ต้องหา 3 จาก 6 ราย ได้แล้ว


หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายหลิวบู สัญญญาติจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุที่อุ้มผู้เสียหายไปเรียกค่าไถ่กว่า 12 ล้านบาท นอกจากนี้ทางตำรวจยังสามารถขยายผลจนจับกุมนางสาวหยางเจิน สัญญาติจีน โดยเป็นอดีตภรรยาของหนึ่งในผู้เสียหาย ฐานร่วมกันกระทำความผิดรวม 6 ข้อหา คือ ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ , ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น กระทำด้วยประการใดทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย , ร่วมกันบุกรุกเคหสถานโดยร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปหรือโดยมีอาวุธ , ร่วมกันมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันพกพาอาวุธปืนโดยเปิดเผย และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นอันสมควร

ซึ่งข้อมูลการสืบสวนพบว่านางสาวหยางเจิน เป็นภรรยาใหม่ของนายนายหลิวบู หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม โดยได้นำเงินบาทจากส่วนแบ่งไปแลกเป็นเงินหยวนที่บริษัทรับรับแลกเงินแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง และนางสาวหยางเจิน รายนี้จากการสืบสวนยังพบว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย เนื่องจากอดีตภรรยาของผู้เสียหายรายนี้ทราบว่าผู้เสียหายประกอบธุรกิจแบบไหน มีเงินเท่าไหร่ จึงทำหน้าที่เป็นนกต่อชักชวนกลุ่มสามีใหม่มาร่วมก่อเหตุในครั้งนี้


นอกจากนี้การสืบสวนยังพบอีกว่านายหลิวบู ได้รับเงินส่วนแบ่งที่เป็นเงินบาทไปแลกที่สนามบินเพื่อจะบินกลับประเทศจีน แต่สุดท้ายก็มาถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมได้ก่อน

ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า หลังจากได้มีการสอบปากคำตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ตัวของผู้ต้องหาทั้งสองรายได้ให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ แต่ก็อ้างว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ด้วยพยานหลักฐานทั้งหมดที่ตำรวจมีจึงไม่ปักใจเชื่อ และในวันนี้จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา โดยท้ายคำร้องจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาที่ไม่ใช่คนสัญชาติไทยจะหลบหนี

ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 คน มีรายงานว่า 1 ใน 4 สามารถหลบหนีออกนอกประเทศได้แล้ว ส่วนอีก 3 คน ทางชุดสืบสวนยังอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี ซึ่งในตอนนี้มีรายงานว่าสามารถควบคุมตัวเพิ่มได้อีก 1 ราย ที่พัทยา จังหวัดชลบุรี โดยผู้ต้องหารายนี้อยู่ระหว่างถูกควบคุมตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาที่ สน.สุทธิสาร ทั้งนี้ ภาพวงจรปิดบริเวณหน้าปากซอยรัชดาภิเษก 24 โดยในเวลา 15.59 น. พบว่ารถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ได้ขับจากถนนรัชดาภิเษกแล้วเลี้ยวขวาเข้ามาในซอย โดยบริษัทของผู้เสียหายอยู่ด้านในสุดของซอยดังกล่าว


หลังจากเข้ามาจอดที่หน้าบริษัท กลุ่มคนร้ายจำนวน 4 คน ก็ได้ลงจากรถพร้อมอาวุธปืน (อีกคนนั่งในรถ) แล้วเข้าประตูด้านของบริษัทของผู้เสียหาย ก่อนจะเข้าไปหาผู้เสียหายที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน แล้วใช้ปืนขู่ ก่อนจะค้นเอาเงินแล้วพาผู้เสียหายขึ้นรถออกไป

หลังพาผู้เสียหายทั้ง 2 คนขึ้นรถ พบว่าคนร้ายได้ให้ผู้เสียหายทั้ง 2 ขึ้นรถยี่ห้อฮอนด้า สีขาว ซึ่งเป็นรถของผู้เสียหาย ก่อนจะขับออกมาจากบริษัทของผู้เสียหาย แต่ตอนออกไม่ได้ออกทางซอยรัชดาภิเษก 24 เหมือนกับขาเข้า เพราะคนร้ายขับออกจากซอยรัชดาภิเษก 22 โดยฮอนด้า สีขาวขับออกไปก่อน จากนั้นรถโตโยต้า ขับตามออกมาห่าง ๆ ซึ่งพบว่าทั้งสองคันได้ขับเลี้ยวซ้ายออกไปทางถนนรัชดาภิเษก

นอกจากนี้ยังมีภาพจาปกล้องวงจรปิด บริเวณถนนนวมินทร์ พบว่าหลังกลุ่มคนร้ายจับตัวผู้เสียหายทั้ง 2 คน เดินทางไปที่จังหวัดนครนายก จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 18.37น. วันที่ 20 ตุลาคม พบผู้เสียหายถูกกลุ่มคนร้ายปล่อยตัวมา บริเวณปากซอยถนนนวมินทร์ จากภาพจะพบทั้งคู่กำลังเดินอยู่ริมทางเท้า เพื่อติดต่อให้เพื่อนมารับก่อนเดินทางเข้าแจ้งกับตำรวจ สน.สุทธิสาร เมื่อเมื่อคืนที่ผ่านมา.-412-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”