โจฮันเนสเบิร์ก 6 ส.ค. – แอฟริกาใต้ระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อโควิดสายพันธุ์เบตาที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ได้ร้อยละ 67 และป้องกันเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาที่พบครั้งแรกในอินเดียได้ร้อยละ 71
เกล็นดา เกรย์ ประธานสภาวิจัยการแพทย์แห่งแอฟริกาใต้ (SAMRC) เผยผลการศึกษาที่ระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อโควิดสายพันธุ์เบตาได้ร้อยละ 67 และป้องกันเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาได้ร้อยละ 71 ทั้งยังมีประสิทธิภาพป้องกันการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้สูงถึงร้อยละ 91-96 ซึ่งยืนยันได้ว่าวัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของแอฟริกาใต้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เกรย์ยังระบุเพิ่มเติมว่า ผลการศึกษาดังกล่าวอ้างอิงจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของแอฟริกาใต้ 477,234 คนในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ และเสร็จสิ้นการวิจัยในเดือนพฤษภาคม
ก่อนหน้านี้ หน่วยงานสาธารณสุขของแอฟริกาใต้ได้อนุมัติใช้วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันในเดือนเมษายน และนำวัคซีนดังกล่าวมาใช้เป็นวัคซีนหลักในโครงการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนร่วมกับวัคซีนของไฟเซอร์ โครงการฉีดวัคซีนของแอฟริกาใต้ต้องสะดุดปัญหาในเดือนกุมภาพันธ์หลังรัฐบาลสั่งหยุดใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกา เนื่องจากผลการทดลองขนาดเล็กพบว่าวัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยเล็กน้อยถึงปานกลางจากเชื้อโควิดสายพันธุ์เบตาที่กำลังระบาดหนักในช่วงนั้นได้ไม่ดีพอ ขณะนี้ แอฟริกาใต้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนกว่า 8.3 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 58 ล้านคน โดยมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 2.4 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 73,800 คน.-สำนักข่าวไทย