สธ. 22 มิ.ย.- ผอ.กองระบาดวิทยา เผย “พิธา” ติดโควิดไม่แปลก เพราะกิจกรรมแน่น เดินสายขอบคุณประชาชน รับวัคซีนไม่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ แต่ป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิต ขณะนี้สถานการณ์โควิดเข้าสู่ขาลง อีกสองสัปดาห์อัตราตายลด แต่เด็กอายุต่ำกว่าหกเดือนยังเสี่ยง ไร้ภูมิคุ้มกัน ต้องอาศัยแม่ฉีดวัคซีนตั้งแต่ตั้งครรภ์
นพ.จักรรัฐ พิทยาวงค์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯ ติดเชื้อโควิด-19 รอบที่ 3 ว่า การติดเชื้อโควิด-19 ของกลุ่มบรรดานักการเมืองที่เดินสายขอบคุณประชาชนที่เลือกตนนั้น ถือเป็นเรื่องปกติในช่วงนี้ เพราะคนบางคนติดเชื้ออาจไม่มีอาการและปะปนอยู่ในสถานที่ดังกล่าวประกอบกับกิจกรรมดังกล่าวมีความหนาแน่นอาจทำให้ได้รับเชื้อได้ พร้อมรับการฉีดวัคซีนไม่ได้ช่วยลดการติดเชื้อแต่ช่วยลดอาการป่วยหนักและเสียชีวิต ดังนั้นหากรู้ว่าไปทำกิจกรรมเสี่ยงก็ควรมีการป้องกันตนเองทั้งการอยู่ในพื้นที่ที่มีระยะห่างอากาศถ่ายเทรวมถึงสวนใส่หน้ากากอนามัยหากอยู่ในสถานที่ผู้คนจำนวนมาก และหากรับวัคซีนนานเกิน 3 เดือนก็ถือว่ามีความเสี่ยง เนื่องจากไวรัสมีการพัฒนาสายพันธุ์ไปไกลกว่าวัคซีนที่เป็นอยู่โดยปัจจุบันของไทยสายพันธุ์ของเชื้อไวรัส โควิด-19 คือ XBB แต่วัคซีนที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันแม้เป็น ไบวาเรนท์ 2 สายพันธุ์ แต่ก็ยังเป็นไวรัสตัวเดิมทำให้การป้องกันได้น้อยแต่สามารถลดการป่วยหนักยังคงมีประสิทธิภาพถึง 70%
นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้คาดว่าอีก 2 สัปดาห์จะเข้าสู่สถานการณ์ขาลงอย่างเป็นทางการ โดยขณะนี้อัตราครองเตียง ระดับ 2-3 ต่ำกว่า 10% ตรวจอัตราปอดอักเสบก็ลดลงเช่นกันเหลือ 186 คนลดลงไป 45 คน จากสัปดาห์ก่อน ส่วนอัตราการเสียชีวิตยังคงที่อยู่ที่ 60 คนต่อสัปดาห์เฉลี่ยวันละ 8 คน ถือว่าคงที่ คาดว่าอีก 2 สัปดาห์สถานการณ์การเสียชีวิตจะค่อยๆ ลดลง แต่สำหรับกลุ่มคนที่เป็นห่วงของการติดเชื้อในรอบนี้คือกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือนเนื่องจากไม่มีวัคซีน อันนั้นต้องอาศัยการรับวัคซีนจากแม่หรือแม่เคยผ่านการติดเชื้อมาก่อนจึงจะทำให้ทารกแรกเกิดถึงวัย6 เดือนมีภูมิคุ้มกันสำหรับโควิด-19 ดังนั้นหญิงตั้งครรภ์ควรรับวัคซีน โควิด-19 ส่วนในอนาคตการรับวัคซีน โควิด-19 จะปรับให้รับเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเช่นเดียวกับการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่.-สำนักข่าวไทย