ลอนดอน 19 ก.ค. – นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ที่ใช้มาเป็นเวลากว่าปีในอังกฤษตั้งแต่วันนี้ และขอให้ประชาชนระมัดระวังตัวต่อไป พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่า วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ช่วยปกป้องประเทศได้ แม้ยังคงพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงขึ้น
นายกรัฐมนตรีจอห์นสันกล่าวผ่านคลิปวิดีโอที่บันทึกไว้เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า ถ้าอังกฤษไม่ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในตอนนี้ ทุกคนก็ต้องตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า แล้วเวลาที่เหมาะสมคือเมื่อใด ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง แต่ทุกคนต้องช่วยกันระมัดระวังตัว เนื่องจากเชื้อโควิดยังคงแพร่ระบาดอยู่รอบตัว ทั้งนี้ การตัดสินใจยกเลิกข้อบังคับต่าง ๆ ของผู้นำอังกฤษมีขึ้นเพื่อสนับสนุนการเริ่มต้นของระบบเศรษฐกิจที่ได้รับความเสียหายจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์หลายครั้งนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปีก่อน และถือเป็นปฐมบทใหม่ในการรับมือกับโรคโควิด-19 ระดับโลก
หากวัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพช่วยลดอาการป่วยหนักและอัตราเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในขณะที่อังกฤษพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น การตัดสินใจดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีจอห์นสันอาจจะชี้ให้ประเทศอื่น ๆ ที่มีอัตราฉีดวัคซีนสูงดำเนินรอยตามแนวทางนี้เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติดังเดิม อย่างไรก็ดี แผนการดังกล่าวกลับมีความเสี่ยงอยู่มาก เช่น เชื้อโควิดกลายพันธุ์ที่อาจต้านทานประสิทธิภาพของวัคซีนได้ หรือยอดผู้ป่วยติดเชื้ออาจพุ่งสูงเกินควบคุมจนทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก
เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีจอห์นสันและนายริชี ซูนัก รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอังกฤษ กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ที่ต้องแยกกักตัวรอดูอาการหลังนายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ติดเชื้อโควิดเมื่อวันเสาร์ อีกทั้งยังต้องประกาศยกเลิกโครงการนำร่องที่อนุญาตให้ทั้งสองคนทำงานต่อไปโดยไม่ต้องกักตัวเป็นเวลา 10 วันเมื่อวานนี้หลังถูกสาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ขณะนี้ อังกฤษมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 5.43 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 128,700 คน ซึ่งเป็นยอดผู้เสียชีวิตที่สูงเป็นอันดับเจ็ดของโลก ทั้งนี้ คาดว่าอังกฤษจะพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ จนสูงกว่าตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อในการระบาดระลอกที่สองเมื่อต้นปี โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 48,161 คนเมื่อวันอาทิตย์.-สำนักข่าวไทย