“นพดล” ตอบโต้ “ปานเทพ” ยุติใส่ร้ายด้วยความเท็จ

กทม. 29 ธ.ค.-“นพดล” ตอบโต้ “ปานเทพ” ยุติการใส่ร้ายด้วยความเท็จ เรื่องเขาพระวิหารมีคำพิพากษายกฟ้องตนไปนานแล้ว รีบไปหาอ่านจะรู้ว่าตนปกป้องดินแดนอย่างไร

ผมได้อ่านที่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โพสต์เฟสบุ๊ก เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 พาดพิงผมหลายประเด็น จึงขอบันทึกความจริงไว้ เพื่อไม่ให้มีการบิดเบือนใส่ร้ายกันด้วยความเท็จ เพราะสังคมไม่ได้ประโยชน์ และสิ่งที่ผมบันทึกมีหลักฐานอ้างอิงเป็นเอกสารและคำพิพากษาของศาลยืนยัน ไม่ใช่การพูดความจริงครึ่งเดียว หรือเท็จทั้งหมด โดยในโพลต์นี้จะเน้นเฉพาะประด็นเขาพระวิหาร ที่ผ่านการพิสูจน์ในศาลแล้วว่าผมคือผู้ปกป้องดินแดนเขาพระวิหาร โดยขอตอบโต้นายปานเทพแต่ละประเด็นดังนี้


1.ไทยยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาตั้งแต่ปี 2505 นายปานเทพกล่าวถูกต้องแล้วที่ระบุว่าในเดือนมิถุนายน 2505 (แม้ระบุวันที่ผิดเป็นวันที่ 5 จริงๆคือวันที่ 15)ศาลโลกตัดสินให้ไทยแพ้คดีจึงต้องยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา

2.ใส่ร้ายเท็จว่านายนพดลยกปราสาทให้กัมพูชาไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก นายปานเทพบังอาจกล่าวเท็จและบิดเบือนว่า “เมื่อปี พ.ศ. 2551 นายนพดล ปัทมะ….ได้ลงนามในคำแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ยกปราสาทพระวิหารและพื้นที่บนแผ่นดินให้เป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว….” เป็นการกล่าวเท็จเนื่องจาก ก) นายปานเทพก็ระบุไว้ตามข้อ 1. ข้างต้นอยู่แล้วว่าไทยยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาตั้งแต่ปี 2505 แล้วผมจะยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาซ้ำอีกได้อย่างไร เพราะปราสาทพระวิหารและแผ่นดินที่ปราสาทตั้งอยู่เป็นของกัมพูชามา 46 ปีก่อนแล้ว ข) ที่บอกว่านายนพดลยกปราสาทให้เป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียวก็จงใจให้คนเข้าใจผิด และใส่ร้ายผม เพราะเมื่อปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาตั้งแต่ปี 2505 เขาจึงขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ฝ่ายเดียวอยู่แล้ว และ ค) คำแถลงการณ์ร่วมนั้นศาลปกครองกลางสั่งห้ามใช้ ดังนั้นไทยไม่สามารถใช้คำแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียวได้ และกัมพูชาไม่ได้ใช้คำแถลงการณ์ร่วมที่ผมลงนามประกอบการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่อย่างใดทั้งสิ้น (อ้างอิง มติคณะกรรมการมรดกโลก ข้อ 5 วันที่ 7 กค. 2551 (เอกสารอ้างอิงหมายเลข 1 )


3.ผมปกป้องดินแดนพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตาราง กม.สำเร็จ ในปี 2549 กัมพูชายื่น ก) ตัวปราสาทพระวิหาร และ ข) พื้นที่รอบตัวปราสาทหรือพื้นที่ทับซ้อน ไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก แต่ผมเจรจาสำเร็จให้เขาตัดพื้นที่ทับซ้อนออก เพราะไทยอ้างสิทธิ์ จนเขายอมตัดพื้นที่ทับซ้อนออก และยอมขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทพระวิหาร และต้องทำแผนผังใหม่ไปแทนแผนที่เดิมที่ผนวกพื้นที่ทับซ้อนเข้าไปด้วย ความสำเร็จนี้ถูกบันทึกไว้ในคำพิพากษาศาลโลก วันที่ 11 พย. 2556 เอกสารอ้างอิงหมายเลข 2)

4.ใส่ร้ายเท็จว่ากระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ตัดสินความผิดทางอาญา นายปานเทพจงใจใส่ร้ายผมที่ระบุว่า “นายนพดล ปัทมะ เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกในประเทศไทยที่กระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย…” ผมอยากจะให้นายปานเทพทราบความจริงว่าผมไม่เคยกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ คำตัดสินที่นายปานเทพอ้างถึงนั้น เพียงแต่ตัดสินว่าคำแถลงการณ์ร่วมเป็นหนังสือสัญญาประเภทที่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนลงนาม ซึ่งเจ้าหน้าที่ในกระทรวงการต่างประเทศและผมไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินแต่ก็ต้องเคารพคำตัดสิน และไม่มีใครมีเจตนาฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ

5.ศาลฎีกาฯตัดสินยกฟ้องนายนพดล ปัทมะและในคำพิพากษาระบุว่าทำถูกต้องและประเทศจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่ทำ พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายปานเทพ และแกนนำกลุ่มพันธมิตรหลายคน โจมตีกล่าวหาผมด้วยความเท็จว่า การที่ผมได้ลงนามในคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ผมทำให้ไทยเสียดินแดน และทำให้ไทยเสียสิทธิในการทวงคืนปราสาทพระวิหาร อีกทั้งกล่าวหาพวกผมว่าขายชาติ ซึ่งต่อมา คณะกรรมการ ปปช.ไปยื่นฟ้องผมต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และในวันที่ 4 กันยายน 2558 ศาลฎีกาฯได้พิพากษายกฟ้องผม และในคำพิพากษายังได้ระบุว่า การลงนามในคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ของจำเลย (นายนพดล) ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จึงสมเหตุผลและถูกต้องตรงตามสถานการณ์ ทั้งมิได้กระทบกระเทือนถึงสิทธิในดินแดนของประเทศไทย รวมทั้งไทยจะได้ประโยชน์จากข้อตกลงในคำแถลงการณ์ร่วม (อ่านคำพิพากษาเต็ม คดีหมายเลขแดงที่ อม. 63/ 2558 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 132 ตอนที่ 111 ก วันที่ 23 พฤศจิกายน 2558 หน้า 17-35) (เอกสารอ้างอิงหมายเลข 3 )


ชัดไหมครับว่าผมคือผู้ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ เป็นผู้ปกป้องดินแดน ดังนั้นหยุดใส่ร้ายกันด้วยความเท็จครับ

ส่วนประเด็นอื่นๆนั้น ผมจะตอบโต้ในโอกาสต่อไปครับ.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden) ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบที่เป็นอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เริ่มเข้าวงการในฐานะศิลปินคู่กับเสี่ยวเอสในชื่อวง เอสโอเอส  “S.O.S” เมื่อปี 2537 เธอมีลูก 2 คนกับอดีตสามี […]

“เต้ มงคลกิตติ์” หอบกล้องวงจรปิด 34 จุดคดี “แตงโม” มอบดีเอสไอ

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อมอบหลักฐานและให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

“อนุทิน” ยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวค่าสลาก

“อนุทิน” บอกยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวเงินค่าสลาก ชี้หากจริง ผู้ว่าฯ เหนื่อยแน่

ข่าวแนะนำ

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

สมช.เคาะพรุ่งนี้ 9 โมง! ตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุด

สมช.เคาะตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุดในเมียนมา โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พรุ่งนี้ 09.00 น. เชื่อ เข้าใจหลังมีการหารือแจ้งให้เตรียมความพร้อมแล้ว ย้ำ ไม่แทรกแซงเรื่องภายใน

ผบช.ภ.2 สั่งย้าย ผกก.สภ.องครักษ์ เซ่นปม จนท.บุกทลายบ่อน

รมว.มหาดไทย ชื่นชมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนนครนายก ขณะที่ ผบช.ภ.2 สั่งย้ายผู้กำกับการ สภ.องครักษ์ เซ่นปมบ่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ใครบกพร่อง-รับผลประโยชน์ ยืนยันเอาผิดไม่มีละเว้น