สธ.8ต.ค.-สธ.ขอความร่วมมือประชาชนสอดส่องการเข้าเมืองผิดกฎหมาย พบเห็นแจ้งเจ้าหน้าที่ พร้อมแนะเฝ้าระวังสังเกตตนเอง ขณะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง ป่วยไข้หวัดกับโควิดอาการใกล้เคียงกันมาก
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจำวันที่ 8 ตุลาคม 2563 ว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย เป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศ (สหรัฐอเมริกา 1 ราย, อินเดีย 1 ราย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย, ฮังการี 2 ราย, เนเธอแลนด์ 1 ราย, คูเวต 1 ราย) ทุกรายเข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้, สถานกักตัวที่รัฐกำหนด และโรงพยาบาลทางเลือก มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 48 ราย ทำให้ผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,439 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 94.95 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 124 ราย หรือร้อยละ 3.42 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 59 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,622 ราย
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจาก
สหรัฐอเมริกา 1 ราย เพศชาย อายุ 61 ปี สัญชาติอเมริกัน อาชีพพนักงานในสถานบันเทิง เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 19 กันยายน 2563 เข้ากักตัวในสถานที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine) ในกรุงเทพมหานคร พบเชื้อจากการตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 1 ตุลาคม 2563 (วันที่ 12 ของการกักตัว) ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานคร
อินเดีย 1 ราย เพศหญิง อายุ 25 ปี สัญชาติไทย เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 25 กันยายน 2563 เข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ในกรุงเทพมหานคร พบเชื้อจากการตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 6 ตุลาคม 2563 (วันที่ 11 ของการกักตัว) มีอาการไอ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร ก่อนหน้านี้พบผู้ติดเชื้อจากเที่ยวบินเดียวกัน 2 ราย ทุกรายได้เข้าสู่ระบบกักกันและส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาล
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย เพศหญิง อายุ 23 ปี สัญชาติไทย เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 25 กันยายน 2563 เข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ในจังหวัดชลบุรี พบเชื้อจากการตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 6 ตุลาคม 2563 (วันที่ 11 ของการกักตัว) ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี ก่อนหน้านี้พบผู้ติดเชื้อจากเที่ยวบินเดียวกัน 1 ราย ทุกรายได้เข้าสู่ระบบกักกันและส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาล
ฮังการี 2 ราย ทั้ง 2 ราย มีสัญชาติไทย ออกเดินทางจากเนเธอร์แลนด์ถึงประเทศไทยวันที่ 1 ตุลาคม 2563 เข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ในจังหวัดชลบุรี
รายแรก เพศชายอายุ 52 ปี อาชีพรับจ้าง พบเชื้อจากการตรวจครั้งที่ 1 วันที่ 5 ตุลาคม 2563 (วันที่ 4 ของการกักตัว) ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี
รายที่ 2 เพศหญิงอายุ 45 ปี อาชีพพนักงานนวด พบเชื้อจากการตรวจครั้งที่ 1 วันที่ 6 ตุลาคม 2563 (วันที่ 5 ของการกักตัว) ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี
เนเธอร์แลนด์ 1 ราย เพศหญิง อายุ 34 ปี สัญชาติไทย อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงประเทศไทย วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ในจังหวัดชลบุรี พบเชื้อจากการตรวจครั้งที่ 1 วันที่ 5 ตุลาคม 2563 (วันที่ 4 ของการกักตัว) ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี ก่อนหน้านี้พบผู้ติดเชื้อจากเที่ยวบินเดียวกัน 6 ราย ทุกรายได้เข้าสู่ระบบกักกันและส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาล
คูเวต 1 ราย เพศหญิง อายุ 45 ปี สัญชาติคูเวต ติดตามผู้ป่วยที่มารักษาด้วยโรคอื่น เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 5 ตุลาคม 2563 เข้ากักตัวในโรงพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine) ในกรุงเทพมหานคร พบเชื้อจากการตรวจครั้งแรกวันที่ 5 ตุลาคม 2563 (วันแรกของการกักตัว) ไม่มีอาการ มีประวัติเคยติดเชื้อโควิค 19 เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา และพบผู้ติดเชื้อจากเที่ยวบินเดียวกัน 7 ราย ทุกรายได้เข้าสู่ระบบกักกันและส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาล
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของประเทศไทยขณะนี้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ มากกว่าร้อยละ 80 ไม่มีอาการ ภาครัฐยังคงใช้มาตรการกักตัวผู้เดินทางเป็นเวลา 14 วัน (ซึ่งอยู่ระหว่างการทบทวนจำนวนวันกักกันให้เหลือ10 วันตามข้อมูลวิชาการ) ทั้งในส่วนผู้ที่เดินทางทางอากาศและผ่านด่านพรมแดน
จากรายงานของกรมควบคุมโรค ตั้งแต่เริ่มอนุญาตให้มีการเดินทางเข้าประเทศ ถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2563 มีผู้เดินทางเข้าประเทศสะสม 107,770 ราย พบผู้ติดเชื้อ 684 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.63 ของผู้เดินทางเข้าประเทศ โดยทุกคนเข้ารับการกักตัวในสถานกักตัวรูปแบบต่างๆ ดังนี้
สถานกักตัวที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) 55,426 ราย
สถานกักตัวในท้องถิ่น (Local Quarantine) 30,871 ราย
สถานกักตัวที่รัฐกำหนดทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่น (Alternative State Quarantine / Alternative Local Quarantine) 18,380 ราย
โรงพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine) 917 ราย
และสถานกักตัวรูปแบบเฉพาะองค์กร (Organization Quarantine) 2,176 ราย
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า สถานการณ์บริเวณพื้นที่ชายแดนของประเทศขณะนี้ยังเป็นที่น่ากังวลเนื่องจากในประเทศเพื่อนบ้านยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าหน่วยงานภาครัฐจะคุมเข้มในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว แต่อาจมีลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายได้ ซึ่งกลุ่มนี้จะไม่ได้ผ่านการคัดกรองและกักกันโรคตามมาตรการ ซึ่งหากเกิดการแพร่เชื้อจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ กระทรวงสาธารณสุขจึงขอความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ และประชาชนช่วยกันสอดส่องหากพบผู้เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย หรือมีแรงงานผิดกฎหมายขอเข้าทำงานให้แจ้งเจ้าหน้าที่โดยเร็ว และให้ทุกคนยังคงต้องป้องกันตัวเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า ล้างมือบ่อยๆ เลี่ยงสถานที่แออัดมีคนจำนวนมาก เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่และสัมผัสเชื้อ
ขณะนี้ประเทศไทยมีอากาศเปลี่ยนแปลงอาจป่วยด้วยโรคไข้หวัดได้ง่าย ซึ่งโรคโควิด-19 และไข้หวัดผู้ป่วยจะมีอาการใกล้เคียงกันมาก ขอให้ทุกคนเฝ้าระวังสังเกตอาการป่วยของตนเองและคนรอบข้างอยู่เสมอ โดยเฉพาะหากป่วยด้วยอาการ ไข้ ไอ เจ็บคอ มีอาการระบบทางเดินหายใจ ลิ้นรับรส หรือจมูกได้กลิ่นลดลง ภายหลังจากเดินทางไปในที่ชุมชน สถานที่แออัด ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาทันที .-สำนักข่าวไทย