“ปานปรีย์​” ลงพื้นที่แม่สอด ดูสถานการณ์ไทย-เมียนมา

ตาก 8 ก.พ.- “ปานปรีย์​” ลงพื้นที่​ดูจุดริเริ่มส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมชายแดนไทย-เมียนมา​ เผยประสานลงตัว​ คาด​ 1 เดือนเห็นเป็นรูปธรรม​ ยืนยัน​ ไม่ใช่ศูนย์​ลี้ภัย​ โต้คนกังขา​ ประสานกาชาดเมียนมาเป็นกลางหรือไม่​ เชื่อเจตนาต้องการช่วยเหลือผู้เดือดร้อน​ ลั่น​ ไม่ใช่เรื่องการเมือง​ มอง​ ปัญหาภายในไม่ขอแทรกแซง


นายปานปรีย์​ พหิทธานุกร​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​การต่างประเทศ​ เดินทางลงพื้นที่อำเภอแม่สอด​ จังหวัดตาก เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ด้านความมั่นคง เศรษฐกิจและสาธารณสุขชายแดน ที่อาคารด่านศุลกากรแม่สอด สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย-ตองยิน แห่งที่ 2​ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม​ อาทิ​ นายสมชัย​ กิจเจริญ​รุ่งโรจน์​ ผู้ว่าราชการจังหวัด​ พลตรีณรงค์ฤทธิ ปาณิกบุตร​ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4​ ร่วมประชุม​ จากนั้นเยี่ยมชมจุดผ่านแดนถาวรไทย-เมียนมา บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 และพิธีการศุลกากรที่อาคารด่านศุลกากรแม่สอด

นายปานปรีย์​ กล่าวว่าจะผลักดันการตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้เป็นรูปธรรมได้ภายใน 1 เดือน ให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา​ โดยจุดนี้เป็นจุดแรก ที่จะส่งความช่วยเหลือเข้าไป ซึ่งได้มีการประสานกับ รัฐบาลเมียนมาในลำดับแรกและได้รับการตอบรับด้วยดี และส่งทีมมาพูดคุยยังประเทศไทย


ขณะเดียวกันนายปานปรีย์​ ยังระบุอีกว่า​ รัฐบาลไทยมีความพยายามในการประสานกับชนกลุ่มน้อยต่างๆซึ่งมีจำนวนมาก ซึ่งในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการครั้งที่ผ่านมา ได้ตั้ง​นายอรุณ​ แก้ว​ มาประสานงานนำร่องไปเจรจาและไทยก็พยายามประสานอยู่​ ซึ่งคาดว่าเมื่อทุกฝ่ายสามารถร่วมมือกันช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมได้ จะเกิดการพูดคุยกัน ที่จะนำไปสู่การพูดคุยหรือที่เรียกว่า dialog ซึ่งเชื่อว่าหากสามารถพูดคุยกันได้ก็จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมียนมา และอาจจะทำให้มีการหยุดยิง นำไปสู่การเจรจาเพื่อสันติภาพต่อไป จึงคิดว่าข้อริเริ่มที่ไทยดำเนินการ อาจนำไปสู่การพูดคุยได้เพราะเป็นเรื่องกับประชาชนโดยตรงไม่มีเรื่องของการเมือง​ ดังนั้นทุกฝ่ายน่าจะเห็นด้วยกับแนวทางนี้ที่อาเซียนเสนอมาตั้งแต่ต้น พร้อมกับเชื่อว่าทุกฝ่ายในเมียนมาต้องการความสงบสุข และกลับไปสู่สันติภาพ และทางเดียวที่ทำได้คิดว่าการที่ทุกฝ่ายจะต้องหันมาพูดคุยกัน ภายใต้นโยบายด้านความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

ทั้งนี้ นายปานปรีย์​ ยืนยันว่า​ ไม่ได้ทำเพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ทำเพื่อประชาชนชาวเมียนมาที่ได้รับผลกระทบ และสิ่งที่ทำก็อยู่ภายใต้ฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน​ และขอยืนยันว่าเป็นคนละเรื่องกับการตั้งศูนย์รับผู้ลี้ภัย แต่อย่างไรก็ตาม ไทยก็ได้มีการเตรียมความพร้อมหากมีกรณีที่เกิดเหตุความรุนแรง แต่กรณีนี้ เป็นเรื่องของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหรือมีปัญหาเรื่องสุขภาพ โดยจะเป็นลักษณะ​ที่อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราว และอยู่ในฝั่งของเมียนมาและย้ำว่า​ สิ่งที่ไทยดำเนินการ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของฉันทางมติ 5 ข้อนำไปสู่การปฏิบัติ โดยข้อนี้ถือเป็นข้อแรกที่สามารถทำได้ก่อน​

“วันนี้เราต้องมีจุดเริ่มต้นที่ใดที่หนึ่ง ถ้าเราไม่เริ่มต้นจากรัฐบาลเมียนมา ถ้าเราไปเริ่มต้นกับคนอื่นในที่สุดเราก็ต้องกลับมาพูดคุยกับรัฐบาลอยู่ดี วันนี้เราก็เลยต้องเริ่มต้นจากรัฐบาล และปัญหาภายในของเมียนมา เขาก็พยายามจะแก้ไขด้วยตัวเขาเอง เราจะเข้าไปแทรกแซงกิจการภายใน เป้าหมายของเราคือการที่จะเข้าไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการที่จะเลือกพูดคุยกับใคร หรือสนับสนุนใคร แต่เราสนับสนุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในจากสถานการณ์​ที่เกิดขึ้นในเมียนมา” นายปานปรีย์ กล่าว


ส่วนที่มีข้อกังวลถึงการประสานเบื้องต้นกับสภากาชาดของเมียนมา นายปานปรีย์​ กล่าวว่า​ ขออย่ากังวล​ การทำงานจะต้องมีจุดเริ่มต้น​ เมื่อเริ่มต้นมาถึงจุดนี้แล้ว​ ก็จะต้องนำสภากาชาดของประเทศไทย​และเชื่อว่าทุกคนให้การยอมรับ​ แต่มีข้อสงสัยว่าสภากาชาดของเมียนมานั้นเป็นกลางหรือไม่​ ได้มีการร้องขอให้ AHA Center​ และกาชาดสากลรับปากจะเข้ามา ซึ่งหน่วยงานกลางของอาเซียนเข้าสังเกตการณ์​ด้วย เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับทุกฝ่ายว่าการลำเลียงสิ่งของ​ โดยยืนยันไม่มีเรื่องการเมือง แต่เป็นการช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง ส่วนที่มีใครเป็นกังวลหรือไม่ตนชื่อว่ากาชาดของเมียนมามีเจตนาที่จะช่วยเหลือประชาชนเช่นเดียวกัน

ส่วนการแจกจ่ายสิ่งของช่วยเหลือ​ นายปานปรีย์​ กล่าวว่า​ สิ่งของที่จะนำไปช่วยเหลือในเบื้องต้น กับกลุ่มคนประมาณ 20,000 คนจะต้องมีการ สังเกตการว่า มีการแจกจ่ายทั่วถึงหรือไม่ มีปัญหาตรงไหนก็ต้องนำกลับมาแก้ไข ซึ่งวันนี้จะให้ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ 100% คงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากสถานการณ์ในเมียนมาวุ่นวายมาก ต่างคนต่างไม่มีใครยอมใคร ดังนั้นจึงต้องทำตรงนี้ให้เป็นขั้นตอน ซึ่งเรามีความเชื่อมั่นว่าน่าจะเรียบร้อยดีที่สุด​ พร้อมย้ำว่า ตรงนี้เป็นจุดแรกค่ะประสบความสำเร็จ ได้รับความสนับสนุนจากทุกฝ่าย ก็เชื่อว่าจะขยายยังจุดอื่นต่อไป ซึ่งจากการที่ไปร่วมการประชุมทั้งในอาเซียน​ EU และอาเซียนอินโดแปซิฟิก ก็ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้​ ซึ่ง​ EU ยืนยันว่าหากศูนย์นี้เกิดก็พร้อมให้การสนับสนุนในวงเงินที่สูงมาก ถึง 20 ล้านยูโร​

ขณะที่ในวันพรุ่งนี้นายปานปรีย์​ จะพบปะผู้ประกอบการรายย่อยที่ริมเมย สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่​ 1 ข้ามแม่น้ำเมย​ -​ ตองยิน

ขณะที่นายคมกฤช จองบุญวัฒนา​ ผอ.กองเอเชียตะวันออก กรมเอเชียตะวันออกบรรยาสรุป​ถึงขั้นตอนด่านศุลกากรด่านแม่สอด​ มีข้อริเริ่มในการยกระดับการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม​แก่ประชาชนเมียนมาตามแนวชายแดนไทย​ -​ เมียนมา จากอำเภอแม่สอด​ จังหวัดตาก​ ไปยังรัฐกระเหรี่ยงประเทศเมียนมา​ โดยเริ่มต้นจากด่านศุลกากรแม่สอดแห่งที่ 2 ผ่านด่านแม่สอดเมียวดี​ สะพานมิตรภาพไทย- เมียนมา​ แห่งที่ 2 ไปยังพื้นที่ที่มีผู้ผลัดถิ่น​ โดยสภากาชาดไทยเป็นผู้ส่งมอบไปยังสภากาชาดเมียนมา​ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการประชุมในวันที่​ 19 มกราคมที่ผ่านมา​ โดยส่งของที่ส่งมอบส่วนใหญ่เป็นข้าวสารอาหารแห้ง​ โดยพื้นที่ส่งมอบเป็นพื้นที่นำร่อง​ 3 หมู่บ้านในรัฐกระเหรี่ยง​ ซึ้งมีจำนวนประชากรประมาณ​ 20,000คน ขณะนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างโอนงบไปสภากาชาด​ ใช้เวลา​ประมาณ​ 30 วัน​ ในการจัดหาสิ่งของก่อนนัดวันส่งมอบ​ โดยจะต้องผ่านพิธีศุลกากร​ เพื่อไม่ให้เกิดสิ่งอื่นปะปน​ เพื่อความ​โปร่งใส​ โดยมีตัวแทนจากทั้ง​ 2 ประเทศร่วม​ สังเกตการณ์​ โดยระหว่างนี้​ได้มีการเจรจา​ใน​ 2 ประเด็นกับทางเมียนมา ทั้งเรื่องความปลอดภัย​ ซึ่งเมียนมาต้องมีพื้นที่คุยในพื้นที่ให้เปิดทางไม่ให้กระทบกับการขนส่ง​ สร้างความน่าเชื่อถือของกระบวนการนำ​ ศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance on disaster management: AHA Centre) ร่วมสังเกตการณ์​ โดยทางเมียนมาใช้พื้นที่ที่มีความเป็นกลางไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล​ ซึ่งทางเมียนมาเข้าใจ​ และเตรียมจัดหาพื้นที่พักรอเพื่อแจกจ่าย​ นอกจากนี้ในกระบวนการแจกจ่ายให้หัวหน้าชุมชนเจ้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะถึงกลุ่มจริงๆ​ .-312 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ จากภาคใต้ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก หารือผู้นำและภาคเอกชนชั้นนำของโลก

กทม.จำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามรถบรรทุกวิ่ง เริ่มคืนนี้!

ผู้ว่าฯ กทม. ติดตามสถานการณ์ฝุ่น กทม. คาดสุดสัปดาห์ระบายอากาศดีขึ้น พร้อมจำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามวิ่งรถบรรทุก เริ่มคืนนี้! ย้ำประชาชนช่วยสอดส่องการลอบเผา ต้นเหตุฝุ่น PM 2.5

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่น

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่นคนอายุ 60+ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ว

“จิรายุ” ย้ำเงินหมื่นเฟส 2 มอบคนอายุ 60+ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ว วันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้ แน่นอน สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ววันนี้ ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟน ฝากลูกหลานช่วยด้วย