เมียนมา 19 ส.ค. – รัฐบาลทหารของเมียนมา ซึ่งประกาศต่อทั้งโลกว่าจะนำประเทศมุ่งสู่การเลือกตั้ง ล่าสุดได้ประกาศวันเลือกตั้งออกมาแล้ว รายงาน 9 ทันโลก วันนี้ พาไปติดตามความคืบหน้าและสถานการณ์ล่าสุด
หลังจากยึดอำนาจมากว่า 4 ปี รัฐบาลทหารของเมียนมาได้ประกาศแล้วให้จัดเลือกตั้งในเดือนธันวาคม ถึงแม้ว่าสถานการณ์สู้รบยังรุนแรง และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง ทำให้หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลทหารหวังเพียงกระชับอำนาจและสร้างความชอบธรรมผ่านการเลือกตั้งจอมปลอม
หลักฐานของความรุนแรงล่าสุด การโจมตีทางอากาศเมืองม่อจี คร่าชีวิตพลเรือนกว่า 30 คน เป็นการสูญเสียจากครั้งรุนแรงที่สุดในรัฐคะยา ตั้งแต่กองกำลังต่อต้านรัฐบาลได้ยึดครองพื้นที่นี้มาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว อีกหลายพื้นที่ที่กองทัพรัฐบาลต้องแตกพ่ายให้กับกองกำลังต่อต้านทั่วประเทศ แล้วมุ่งโจมตีทางอากาศหวังชิงคืนมา ไม่ว่าจะเป็นแถบเมืองมัณฑะเลย์ ไปจนถึงรัฐฉาน ที่เพลี่ยงพล้ำให้กับปฏิบัติการ 1027 ของกลุ่มพันธมิตร 3 พี่น้องตั้งแต่ปลายปี 2566 ไล่ดูแล้วกองทัพรัฐบาลควบคุมพื้นที่ได้เพียงประมาณ 1 ใน 5 ของทั้งประเทศเท่านั้น 2 ใน 5 ถูกฝ่ายต่อต้านกลุ่มต่างๆ ยึดครอง และที่เหลือคือยังสู้รบแย่งชิงกันอยู่ นับตั้งแต่ต้นปีนี้ เกิดการโจมตีมากกว่า 6,000 ครั้ง จำนวนนี้เป็นการโจมตีทางอากาศถึง 1,900 ครั้ง
ถึงกระนั้นรัฐบาลทหารประกาศวันเลือกตั้ง โดยแบ่งเป็นหลายระยะ ระยะแรกเริ่มต้นวันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม ส่วนระยะต่อๆ ไปจะประกาศในภายหลังเป็นไปตามที่ พล.อ.อาวุโส มิน ออง หล่าย ผู้นำการยึดอำนาจ ส่งสัญญาณมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จากนั้นได้ทยอยออกมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อปลายเดือนที่แล้วได้ยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ใช้มาในช่วง 4 ปี ตั้งแต่รัฐประหาร แล้วปรับโครงสร้างอำนาจด้วยการยกเลิกสภาบริหารแห่งรัฐ ตั้งคณะกรรมการความมั่นคงและสันติภาพแห่งชาติ หรือ NSPC ขึ้นมาทำหน้าที่เสมือนรัฐบาลชั่วคราว แต่ในทางปฏิบัติก็คือการเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ เพราะอำนาจยังอยู่ในคณะบุคคลเดิม นำโดย พล.อ.อาวุโส มิน ออง หล่าย ตามเดิม รัฐบาลทหารยังย้ำว่าพร้อมเลือกตั้งแล้ว โดยจะมีพรรคการเมืองลงชิงชัยมากกว่า 50 พรรคการเมือง แต่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยที่ถูกยึดอำนาจไป กลุ่มชาติพันธุ์และชาวเมียนมาที่ต่อต้านรัฐประหารได้แสดงจุดยืนมานานแล้วว่าจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับการเลือกตั้ง
สหประชาชาติ หน่วยงานระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคม ยังแย้งว่าการจัดการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่สถานการณ์ความมั่นคงเปราะบางจะทำให้ความขัดแย้งยิ่งลุกลามบานปลาย ยิ่งไปกว่านั้นมีรายงานว่ารัฐบาลได้กระทำทารุณกรรมต่อประชาชน ซึ่งเรียกว่า การกักขังทรมานอย่างเป็นระบบ ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมามีความถี่และบ่อยครั้งขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่เด็กอายุน้อยที่สุดเพียง 2 ปี ถูกกักขังไว้ ส่วนผู้ใหญ่ถูกทรมานจนเสียชีวิตมากมายในสถานที่จองจำหลายแห่ง มากกว่า 3.5 ล้านคน ยังต้องพลัดถิ่นฐานจากการสู้รบ
รัฐบาลอ้างว่าเป้าหมายของการเลือกตั้งคือเพื่อสร้างประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ด้วยระบบหลายพรรค แล้วก่อตั้งสหภาพด้วยหลักการประชาธิปไตยด้วยสหพันธรัฐ แต่เมื่อนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยถูกกำจัด คุมขัง หรือ ต้องลี้ภัยไป รวมทั้งยั้งมีการโจมตีและกดขี่ประชาชนอย่างกว้างขวาง การปิดกั้นสื่อมวลชนอิสระ โอกาสที่จะมีการเลือกตั้งที่ครอบคลุมและชอบธรรมจึงปิดตาย
ตั้งแต่เมียนมาถูกนายพลเนวิน ยึดอำนาจเมื่อปี 2505 ประเทศต้องตกเป็นสมบัติผลัดกันชมของทหารมายาวนานราว 60 ปี แม้จะเปิดทางปฏิรูปเพื่อประชาธิปไตยแต่ก็เป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งใบ เพราะทหารรักษาอำนาจและอิทธิพลอยู่
ในช่วงราว 5 ปีรัฐบาลพลเรือน นำโดยนางออง ซาน ซูจี ที่เปิดศักราชใหม่ หลุดพ้นอำนาจเผด็จการ ผลักดันการพัฒนา ดึงดูดการลงทุนต่างชาติ ประชาชนคนรุ่นใหม่ได้ลิ้มรสเสรีภาพและกล้าฝันถึงอนาคตที่แตกต่าง
แต่แล้ว 1 กุมภาพันธ์ 2564 คณะนายทหารก็พรากความฝันของพวกเขา เมียนมาสูญสิ้นโอกาสพลิกฟื้นประเทศอีกครั้ง การเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นจึงจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวังวนกับดักเผด็จการเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย