8 ก.ย. – เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เกิดฝนตกหนัก ส่งผลน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง รถยนต์และรถจักรยานยนต์จมน้ำเสียหาย ส่วนกรมชลประทานเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท
เกิดน้ำท่วมขังผิวจราจร โดยเฉพาะแยกหอนาฬิกา แยกการไฟฟ้า ถนนศรีนครินทร์ ถนนสุขุมวิท แยกปู่เจ้าสมิงพราย ซอยศรีด่าน 22 และถนนบางนา-ตราด ฝั่งขาเข้า ถนนสุขุมวิท ช่วงถนนพุทธรักษา ตั้งแต่หน้าตลาดรัศมีอนันต์ถึงวัดแพรกษา ถนนศรีนครินทร์ ช่วงแยกศรีด่าน-แยกลาซาล ถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) พื้นที่ ต.บางโฉลง มีน้ำท่วมสูงกว่าทางเดินเท้า ถนนศรีนครินทร์ ถนนแพรกษา การจราจรติดขัดเป็นทางยาว โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว โรงเรียนสมุทรปราการ โรงเรียนสตรีสมุทรปราการ ประกาศหยุดเรียนไม่มีกำหนด และปรับรูปแบบการสอนเป็นออนไลน์
ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งช่วยเหลือประชาชน โดยมีการเดินเครื่องสูบน้ำเต็มกำลัง ได้แก่ สถานีสูบน้ำชลหาร 2 จำนวน 12 เครื่อง สถานีสูบน้ำชลหาร 3 จำนวน 2 เครื่อง สถานีสูบน้ำเจริญราษฎร์ 3 เครื่อง สถานีสูบน้ำคลองด่าน 2 จำนวน 2 เครื่องสถานีสูบน้ำประเวศน์บุรีรมย์ จำนวน 3 เครื่อง คาดว่า ใน 2-3 ชั่วโมง หากไม่มีฝนตกซ้ำ สถานการณ์จะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ
น้ำท่วมสูงไฟซอต ชายวัย 17 ปี เสียชีวิต
เมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) เกิดเหตุสะเทือนใจ นายธนากร นาคสุทิน อายุ 17 ปี กำลังเข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำที่ท่วมสูง บนถนนแพรกษา ช่วงร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ก่อนถึงร้านบอยสติกเกอร์ มุ่งหน้าคลองเก้า อ.เมืองสมุทรปราการ มีรถกระบะขับมาด้วยความเร็ว ทำให้น้ำกระแทกซัดเข้าร่างนายธนากร จนเสียหลักล้ม มือไปสัมผัสเข้ากับแบริเออร์กั้นทาง ซึ่งติดตั้งสายไฟเข้ากับหลอดไฟส่องสว่าง ปรากฏว่าไฟรั่วช็อตร่างจมน้ำเสียชีวิต
หลังเกิดเหตุตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าและหน่วยกู้ภัย เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบสายไฟเชื่อมต่อไฟส่องสว่างพาดอยู่บนแบริเออร์กั้นช่องทางจริงและมีร่องรอยไฟรั่ว เจ้าหน้าที่ได้ตัดกระแสไฟ พร้อมเก็บหลักฐานเข้าสู่กระบวนการสอบสวน เบื้องต้นอยู่ระหว่างตรวจสอบความรับผิดชอบของหน่วยงานและผู้รับเหมา
เร่งระบายน้ำสูงทั่วเมืองพัทยา
ส่วนในเขตพื้นที่เมืองพัทยา เกิดฝนตกหนักไม่ถึง 1 ชั่วโมง แต่หลายพื้นที่ของเมืองพัทยา จ.ชลบุรี น้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะจุดลุ่มต่ำ เช่น ถนนรถไฟเข้าซอยเขาตาโล และถนนทางหลวงพัทยา ส่งผลให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์จมน้ำเสียหาย เครื่องยนต์ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ประชาชนลุยน้ำ บริเวณถนนสุขุมวิท รถดับและลอยน้ำ คนขับติดอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่รีบลุยน้ำเข้าช่วยเหลือจนปลอดภัย
เพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท
แม่น้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำจากพื้นที่ตอนบนลุ่มเจ้าพระยา และฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ ทำให้มีน้ำไหลลงลุ่มเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กรมชลประทานส่งน้ำเข้าระบบชลประทาน แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำน้อย มีปริมาณรวมกัน 346 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จากอัตรา 1,600 เป็น 1,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้วันนี้ระดับน้ำที่ อ.สรรพยา จะสูงขึ้นจากเดิมอีก 30-35 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 13.70 เมตร ประชาชนสองฝั่งแม่น้ำเฝ้าระวังระดับน้ำที่จะสูงขึ้นอีก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ คลองโผงเผง จ.อ่างทอง, คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา, ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่
กทม.พร้อมรับฝนหนักต่อเนื่อง ยอมรับหลายจุดต้องรอระบาย
นายเจษฎา จันทรประภา ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กทม. เปิดเผยถึงสถานกาณ์การระบายน้ำในพื้นที่ว่า กทม. มีฝนตกหนักสะสมตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาเกือบ 130 มม. ตกหนักสุดที่เขตทวีวัฒนากว่า 157 มม. ขณะที่ ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกปานกลางถึงหนัก ปริมาณฝนสูงสุดที่จุดวัด ค.ประเวศฯ-ถ.ร่วมพัฒนา เขตลาดกระบัง 94.0 มม. จุดวัด ค.บางนา-ถ.ศรีนครินทร์ เขตบางนา 84.5 มม. โดยในช่วงนี้เป็นฤดูฝน ฝนจะตกกระจายทั่วไป แต่ที่ผิดปกติคือ หลังเกิดปัญหาClimate change ทำให้เกิดฝนหนักรุนแรงมากกว่า 100 มิลลิเมตร
ระบบการระบายน้ำของ กทม. มีระบบอุโมงค์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง สูบจากจุดที่อยู่ไกลช่วยลงเจ้าพระยาได้ไวขึ้น มีแก้มลิง มี water bank หรือถังเก็บน้ำใต้ดินอีก 4 แห่ง ทำงานเต็มที่ทุกจุด ถึงแม้จะมีการพร่องน้ำไว้แล้ว แต่น้ำในคลองเป็นน้ำมวลน้ำก้อนใหญ่ อย่างจุดที่อยู่ไกลเจ้าพระยา อาจระบายช้า ต้องใช้เวลาระบาย จุดเสี่ยงน้ำท่วมของ กทม. หากฝนตกหนักสะสมปริมาณเกิน 100 มม. อาจเกิดปัญหาได้ จากการถอดบทเรียนน้ำท่วมปี 2565 มี 737 จุด เช่น โซนรัชดา พัฒนาการ สุขุมวิท101/1 อุดมสุข ถนนจันทร์ บางจุด เป็นต้น
พายุ “ตาปะฮ์” ไม่กระทบไทย
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่องพายุ “ตาปะฮ์” ฉบับที่ 9 บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรงแล้ว ศูนย์กลางอยู่ห่าง 150 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าไทย จึงไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปจีนตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง.-สำนักข่าวไทย