กมธ.ทหาร เรียกกองทัพบกแจงปมน้ำมันหาย

รัฐสภา 27 ส.ค.- กมธ.ทหาร เรียกกองทัพบกแจงกรณีน้ำมันหายที่สระบุรี-นนทบุรี ด้าน “เชตวัน” งง น้ำมันหาย แต่ซื้อคืน ไม่เท่ากับทุจริต มองคืบหน้าล่าช้า อาจรอปรับเลื่อนตำแหน่ง


นายเชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน ในฐานะคณะกรรมาธิการการทหารสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง กรณีน้ำมันดีเซลที่หายไป จากมณฑลทหารบกที่ 18 จังหวัดสระบุรี ซึ่งจากการติดตามความคืบหน้าที่หายไป 215,000 ลิตร เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2565 ได้มีการรายงานให้ผู้บัญชาการทหารบกทราบในอีกหนึ่งปีต่อมา ซึ่งกองทัพบกได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งน้ำมันหายออกไปหนึ่งปีเต็ม แต่จากการตรวจสอบตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึง 12 ตุลาคม 2566 ก็ไม่มีคำตอบ จากนั้นจึงได้ทำหนังสือไปกระทรวงกลาโหม ก็ยังไม่มีคำตอบ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 ก็ได้ส่งหนังสือไปยังกองทัพบกและกระทรวงกลาโหม ให้ชี้แจงกลับมา ก็ได้แจ้งว่ายังอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จ และคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงได้ขอขยายเวลาไปจนถึง 29 พฤศจิกายน 2566 แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีหนังสือ ชี้แจงใดๆออกมา จากนั้น 22 มกราคม 2567 กรรมาธิการก็ได้ส่งหนังสือให้มีการชี้แจง แต่ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมืออีกเช่นเดิม วันที่ 27 มีนาคม 2567 จึงได้ยื่นหนังสือไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ,สำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เรื่องการขาดความร่วมมือของกองทัพ ต่อการดำเนินงานและอำนาจหน้าที่ของกรรมาธิการ เพื่อให้ หน่วยงานดังกล่าวแสวงหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้

ดังนั้นเมื่อมีกรณีที่สองเกิดขึ้นจึงขอทวงถามคำชี้แจงในกรณีแรกด้วย โดยในกรณีที่สองน้ำมันได้หายไปจาก กรมพลาธิการทหารบก จังหวัดนนทบุรี จำนวน 10,000 ลิตร ซึ่งได้รับทราบผลการสืบสวนข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 14 มกราคม แต่จากวันที่ 14 กรกฎาคม จนถึงวันนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือนครึ่ง กองทัพบกก็ไม่ได้มีการออกมาแถลงข่าวว่าน้ำมันหาย เพราะที่ผ่านมากองทัพมักจะสอบกันเองแล้วเรื่องก็เงียบ เมื่อเป็นข่าวเกิดขึ้นก็บอกแค่ว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่สุดท้ายก็ไม่เคยได้รับทราบคำตอบเรื่องเหล่านี้เลย เหตุการณ์น้ำมันหายครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2566 ตอนนั้น ผอ. กองเชื้อเพลิงคนใหม่กำลังจะเข้ารับตำแหน่ง แต่พบว่ามีน้ำมันหายไป 10,000 ลิตร จึงไม่กล้าเซ็นรับ ตอนนั้นไม่มีรายงานไม่มีการสอบสวน จึงไม่ทราบว่าเป็นการคุยกันเองหรือไม่


“ยื้อจนมีการสั่งซื้อน้ำมันรายใหญ่เอกชนเจ้าหนึ่ง ในวันที่ 9 พฤศจิกายนจำนวน 9,000 ลิตร และให้นำมาส่งในวันที่ 10 พฤศจิกายนซึ่งเป็นเวลาวันเดียวหลังจากที่สั่งซื้อ แต่คนที่สั่งซื้อไม่ได้มีอำนาจในการสั่งซื้อน้ำมัน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเป็นการสั่งซื้อน้ำมันมาชดเชยน้ำมันที่หายไปหรือไม่ เพราะปริมาณใกล้เคียงกัน” นายเชตวัน กล่าว

นายเชตวัน กล่าวว่าเวลาผ่านไปเป็นปี กำลังพลในหน่วย เห็นว่าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมจึงไปร้องเรียน ทำให้กองทัพสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง แต่ก็ล่าช้าเหมือนเดิมจนมีข่าวออกมา จึงรู้ว่าน้ำมันหายไป และทำให้นายภูมิธรรม เวชยชัยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น ถึงขั้นร้องออกมาว่า “โอ้โห น้ำ มันระเหยออกมาขนาดนั้นเลยหรือ”

นายเชตวัน กล่าวว่า ล่าสุดได้ผลสอบออกมาแล้ว แต่พบข้อสงสัยในเอกสาร พบว่ามียอดขาดไป แล้วคาดดำ และได้ดำเนินการสั่งซื้อน้ำมันโดยส่วนตัวมาลงที่สถานีจ่ายของกรมเชื้อเพลิง พลาธิการ ทบ. รวม 9,000 ลิตร ซึ่งเป็นการยอมรับว่า มีน้ำมันหายไปจริง โดยซื้อน้ำมันกลับมาด้วยเงินส่วนตัว


และในเอกสารยังระบุด้วยว่ามีความเชื่อว่าน้ำมันสูญหายจริง และได้รับความเสียหาย แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าหายจริงและเกิดความเสียหายแก่ข้าราชการ สุดท้ายการกระทำจึงถือว่าไม่เป็นการทุจริตต่อราชการ จึงเกิดคำถามว่าทำไมไม่เป็นการทุจริต เพราะมีการสั่งซื้อเมื่อคืนแล้วใช่หรือไม่

“เมื่อน้ำมันมันสูญหายไปแล้วและไม่รู้ว่าสูญหายไปไหน หายไปอย่างไรใครไปเอาไปทำตอนไหน แต่พอวันหนึ่งมีคนรู้ว่าหายเกิดขึ้น แล้วเอากลับมาชดใช้คืน อย่างนี้เป็นการไม่ทุจริตหรือ นี่มันมาตรฐานเดียวกับนาฬิกายืมเพื่อนเลย พอคืนเสร็จแล้วก็ไม่ มีความผิด“ นายเชตวัน กล่าว

พร้อมกันนี้ นายเชตะวันได้ยก การตรวจสอบของ ทบ.เป็นไปตามระเบียบ คือหากพบว่ามีการสูญหาย ก็ต้องมีการรายงานแล้วตั้งกรรมการตรวจสอบได้ข้อสรุปออกมา และมีการชดใช้และรายงานต่อ ผบ.ทบ. ต่อไป แต่สิ่งที่กองทัพบกดำเนินการ คือเมื่อมีน้ำมันสูญหาย ไม่ได้มีการรายงาน ไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบ แต่มีการชดใช้ ก่อนที่จะมีการร้องเรียน และตั้งกรรมการสอบ จึงมีข้อสรุปออกมาและสุดท้ายไม่เกิดการทุจริต

ดังนั้นตนคิดว่าแม้จะมีการซื้อคืนชดเชยในภายหลังแล้ว แต่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เกิดขึ้นแล้ว เรื่องของการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

เมื่อถามว่า น้ำมันที่หายไปเกิดจากการระเหยหรือมีการยักยอก นายเชตวัน กล่าวว่าในส่วนของมณฑลทหารบกที่ 18 จำนวน 200,000 ลิตร ไม่น่าจะระเหยได้แน่ๆแต่ในส่วนของกรมพลาธิการทหาร ไม่ได้มีการชี้แจงว่าระเหย เป็นการพูดเล่นมากกว่า ผลสอบออกมาก็คือหายจริงๆ

อย่างไรก็ตามคณะกรรมาธิการจะเชิญกองทัพบก เข้ามาชี้แจงในกรรมาธิการทหารในวันพรุ่งนี้ (28 ส.ค.) ถึงข้อเท็จจริงขาดหายไปของน้ำมัน และสอบถามถึงการดำเนินการที่ล่าช้า เพราะรอให้มีการปรับเลื่อนตำแหน่ง ซึ่งทราบมาว่าคนเดิมได้ปรับเลื่อนตำแหน่ง เป็นถึงรองนายพล และสอบถามถึง พยานที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ ว่าได้รับความเสียหายจากการปรับเลื่อนตำแหน่งด้วยหรือไม่.-315 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ย้ำปฏิบัติตามเงื่อนไขหยุดยิงเคร่งครัด

ศรีสะเกษ 27 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ที่ด่านศุลกากรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ย้ำให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ไม่ขยายขอบเขตความขัดแย้ง ไม่เผยแพร่ข่าวปลอม รวมถึงเห็นชอบให้ความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คำแถลงข่าวร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองทัพภาคที่ 2 ราชอาณาจักรไทย และภูมิภาคทหารที่ 4 ราชอาณาจักรกัมพูชา วันที่ 27 สิงหาคม 2568 จังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ จัดขึ้นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ในจังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย โดยมี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และพลโท […]

พายุคาจิกิกระทบหลายจังหวัดเหนือ-อีสาน

27 ส.ค. – ผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” ส่งผลหลายจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน ฝนตกหนัก อย่าง จ.แม่ฮ่องสอน น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม ส่วน จ.เลย แม่น้ำเหืองเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.นาแก้ว อ.นาแห้ว ชาวบ้านต้องเร่งยกสิ่งของขึ้นที่สูง พายุคาจิกิเคลื่อนตัวสู่ จ.น่าน ทำให้ 6 อำเภอทางตอนเหนือของเมืองน่าน มีฝนตกหนักและเริ่มมีน้ำป่าหลากดินสไลด์ใน ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น ชาวบ้านตามชุมชนและร้านค้าต่างๆ เร่งเก็บข้าวของไว้บนที่สูง อย่างชุมชนสวนตาลล่าง ซึ่งยังไม่ทันฟื้นฟูความเสียหายจากพายุวิภาเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องเตรียมพร้อมกันอีกรอบ อย่างร้านจำหน่ายแอร์และกล้องวงจรปิดร้านนี้ ซึ่งครั้งที่แล้วเสียหายไปกว่า 6 ล้านบาท ต้องขนสินค้าออกจากร้านและยกขึ้นชั้น 2 หวั่นเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะเดียวกันเริ่มอพยพผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในจุดเสี่ยงน้ำท่วมออกมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงแล้วกว่า 20 ราย รวมทั้งเร่งเสริมคันดินและกระสอบทรายตามจุดเสี่ยงรอบเมือง โดยเฉพาะโรงพยาบาลน่าน ที่เคยถูกน้ำท่วมเสียหายเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งขนอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่ไปไว้ในที่ปลอดภัย และเสริมแนวกระสอบทรายป้องกันไว้แล้ว พร้อมยกระดับยกระดับการป้องกันและรับมือกับพายุคาจิกิขั้นสูงสุด ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้ใช้โซเชียลโพสต์คลิปสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงช่วงบ่ายวานนี้ (26 ส.ค.) ในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม […]

ทบ.ย้ำชัดกัมพูชาบิดเบือน-ให้ร้าย ตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000

27 ส.ค.- โฆษก ทบ.โต้กัมพูชา กล่าวหาบิดเบือนพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย ย้ำชัดวางลวดหนาม “บ้านหนองจาน” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย ชี้เขมรตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000 จากกรณีที่สำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งสะท้อนถึงฝ่ายไทยได้ขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน และจากการประชุม GBC เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 มีบันทึกความเข้าใจ 13 ข้อ ระบุว่าจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ และจะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ห้ามการดำเนินการใด ๆ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน ฝนตกหนักบางพื้นที่

กรุงเทพฯ 27 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนประชาชนโดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนภาคกลาง รวมทั้ง กทม.-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมกำลังค่อนข้างแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน […]