พบอีก 2 ทุ่นระเบิดสภาพใหม่ ในพื้นที่ช่องบก

กองทัพบก 21 ก.ค.-ทบ. เผยพบทุ่นระเบิดสภาพใหม่เพิ่มเติม จำนวน 2 ทุ่น ในพื้นที่ช่องบก ใกล้กับจุดเกิดเหตุเดิม ชี้ชัดขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ด้านกรมข่าวทหารบก เตรียมเชิญผู้ช่วยทูตทหารมารับทราบข้อเท็จจริง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี จนได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เมื่อวันที่ 16 ก.ค.68 ล่าสุดวานนี้ (20 ก.ค.68) กองกำลังสุรนารี และหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยผลจากการตรวจพื้นที่พบการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN2 ในสภาพใหม่พร้อมทำงาน จำนวน 2 ทุ่น ห่างจากหลุมระเบิดเดิม 30 เซนติเมตร โดยปัจจุบันเจ้าหน้าที่ หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) ได้ทำการรื้อถอนทุ่นระเบิดที่ตรวจพบใหม่ออกแล้วทั้ง 2 ทุ่น การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน และแสดงถึงเจตนาในการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารไทย ทั้งเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล […]

ทบ.ยันทุ่นระเบิดไม่ใช่ของไทย ชี้กัมพูชาบิดเบือนข้อเท็จจริง

20 ก.ค.- โฆษก ทบ. ชี้แจงกรณีฝ่ายกัมพูชากล่าวหาว่าทหารไทยเป็นผู้ฝังทุ่นระเบิด ยืนยันทุ่นระเบิดที่พบไม่ใช่ของไทย ข้อมูลจากฝ่ายกัมพูชาเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง วันนี้ (20 ก.ค. 68) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณชน จากกรณีที่นาย แฮง รัตนา ผู้อำนวยการสำนักงานปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (CMAA) ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวหาว่าทหารไทยเป็นผู้ฝังกับระเบิดใหม่บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมอ้างว่ามีภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่บ่งชี้พฤติกรรมดังกล่าว โดยมีข้อเท็จจริง ดังนี้ 1. ทุ่นระเบิดที่ตรวจพบในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา บริเวณช่องบกและพื้นที่อื่น ๆ เป็นระเบิดชนิด PMN-2 ซึ่งเป็นระเบิดสังหารบุคคล ผลิตจากประเทศรัสเซีย โดยกองทัพบกไทยไม่มีระเบิดชนิดนี้อยู่ในครอบครอง ไม่เคยมีอยู่ในสารบบ การจัดหาเข้ามาใช้ในหน่วยทหารของกองทัพไทย และไม่เคยมีการนำมาใช้ในการปฏิบัติงานในทุกพื้นที่แนวชายแดนแต่อย่างใด 2. ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยสื่อ Fresh News ของกัมพูชา ซึ่งถูกนำเสนอว่าเป็นหลักฐานการวางระเบิดของทหารไทยนั้น ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นภาพจากภารกิจของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (T-MAC) ในช่วงการฝึกเก็บกู้ หรือช่วงเวลาพักของกำลังพล ไม่ใช่การวางกับระเบิดแต่อย่างใด การนำเสนอข้อมูลในลักษณะดังกล่าวถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และสร้างความเสียหายต่อประเทศไทยอย่างร้ายแรง 3. การที่นายแฮง รัตนา กล่าวว่าทุ่นระเบิดอยู่ในเขตไทย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

ทบ.ยังไม่พบข้อมูล “หญิงกัมพูชาต้นเรื่อง” เป็นทหาร

16 ก.ค.- ทบ. ชี้ เป็นเพียงข้อสังเกตุ กัมพูชาสร้างสถานการณ์ปราสาทตาเมือนธม หวังเช็กกำลังฝ่ายไทย แจง การประเมินกำลังแต่ละฝ่ายเรื่องด้านการทหาร ยังไม่พบข้อมูลผู้หญิงต้นเรื่องเป็นทหาร 16 ก.ค.2568 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุว่า ตามที่เกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งระหว่างนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชากับเจ้าหน้าที่ทหารไทย บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 14.00 น. นั้น กองทัพบกได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อนักท่องเที่ยวหญิงชาวกัมพูชารายหนึ่งแสดงความไม่พอใจ พร้อมกล่าวตำหนิด้วยเสียงดังต่อเจ้าหน้าที่ทหารไทย ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่นับจำนวนนักท่องเที่ยวบริเวณใกล้ทางเข้าปราสาทฝั่งกัมพูชา โดยกล่าวหาว่าทหารไทยได้รุกล้ำอธิปไตยของกัมพูชา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ชี้แจงว่า ปราสาทตาเมือนธมตั้งอยู่ในเขตแดนอธิปไตยของประเทศไทย ฝ่ายไทยไม่ได้มีการรุกล้ำอธิปไตยของกัมพูชาตามที่ถูกกล่าวหา ขณะเดียวกัน เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาที่ประจำการอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงทราบเหตุ จึงได้เข้ามาร่วมไกล่เกลี่ยและช่วยระงับเหตุที่เกิดขึ้น โดยในระหว่างการคลี่คลายสถานการณ์ ฝ่ายไทยจึงได้เชิญประชาชนออกจากบริเวณปราสาทในช่วงเวลานั้นชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลุกลาม และเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวโดยรอบ ทั้งนี้ ภายหลังการเจรจา ทั้งสองฝ่ายได้มีความเข้าใจร่วมกัน และสถานการณ์ได้ยุติลงด้วยดี โดยเจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายได้แยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ กองทัพบกขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยที่ได้เดินทางมาเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม ซึ่งนอกจากจะเป็นการร่วมอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชาติแล้ว ยังมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกันนี้ […]

ทบ.แจงเหตุกระทบกระทั่ง “ตาเมือนธม” เกิดจากความเข้าใจผิด

กองทัพบก 16 ก.ค.- ทบ.ชี้แจงกรณีการกระทบกระทั่งบริเวณปราสาทตาเมือนธม พบเหตุจากความเข้าใจผิดของนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา พร้อมขอบคุณประชาชนไทยในเข้าเที่ยวชมปราสาทอย่างต่อเนื่อง พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่เกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งระหว่างนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชากับเจ้าหน้าที่ทหารไทย บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 14.00 น. นั้น กองทัพบกได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อนักท่องเที่ยวหญิงชาวกัมพูชารายหนึ่งแสดงความไม่พอใจ พร้อมกล่าวตำหนิด้วยเสียงดังต่อเจ้าหน้าที่ทหารไทย ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่นับจำนวนนักท่องเที่ยวบริเวณใกล้ทางเข้าปราสาทฝั่งกัมพูชา โดยกล่าวหาว่าทหารไทยได้รุกล้ำอธิปไตยของกัมพูชา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ชี้แจงว่า ปราสาทตาเมือนธมตั้งอยู่ในเขตแดนอธิปไตยของประเทศไทย ฝ่ายไทยไม่ได้มีการรุกล้ำอธิปไตยของกัมพูชาตามที่ถูกกล่าวหา ขณะเดียวกัน เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาที่ประจำการอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงทราบเหตุ จึงได้เข้ามาร่วมไกล่เกลี่ยและช่วยระงับเหตุที่เกิดขึ้น โดยในระหว่างการคลี่คลายสถานการณ์ ฝ่ายไทยจึงได้เชิญประชาชนออกจากบริเวณปราสาทในช่วงเวลานั้นชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลุกลาม และเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวโดยรอบ ทั้งนี้ ภายหลังการเจรจา ทั้งสองฝ่ายได้มีความเข้าใจร่วมกัน และสถานการณ์ได้ยุติลงด้วยดี โดยเจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายได้แยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ กองทัพบกขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยที่ได้เดินทางมาเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม ซึ่งนอกจากจะเป็นการร่วมอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชาติแล้ว ยังมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกันนี้ กองทัพบกขอขอบคุณในทุกกำลังใจและการสนับสนุนที่มอบให้แก่เจ้าหน้าที่ทหารมาโดยตลอด อันเป็นพลังสำคัญในการปฏิบัติภารกิจดูแลความสงบเรียบร้อยและปกป้องอธิปไตยของชาติบริเวณแนวชายแดนอย่างมั่นคง-313 .-สำนักข่าวไทย

“ปราสาทตาเมือนธม” วุ่น ทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย กรูเข้าฝั่งไทย

กทม. 15 ก.ค.-ทบ.อยู่ระหว่างตรวจสอบปมความวุ่นวาย “ปราสาทตาเมือนธม” หลังมีข่าวทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย กรูเข้าฝั่งไทย ด้าน มทภ.2 ยันสถานการณ์ปกติ อย่าตื่นตระหนก 15 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล หลังเกิดเหตุความไม่เรียบร้อยที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ จากกรณีหญิงชาวกัมพูชา ตะโกนใส่ทหารไทยว่าล้ำเส้นเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา และมีการทะเลาะกันเสียงดัง ทำให้ทหารไทยและทหารกัมพูชาที่อยู่ในจุดนั้นต้องเข้ามาห้าม แต่เหตุการณ์ลุกลาม ทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย วิ่งเข้ามาในบริเวณฝั่งไทย ตรงบันไดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม ทางด้านทหารไทยก็ได้เข้าไปอยู่ในจุดดังกล่าวด้วย โดยสถานการณ์มีการผลักอกกัน ตะโกนโวยวาย ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แจงว่า ปราสาทตาเมือนธม เหตุการณ์ปกติ ไม่มีอะไร ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตกใจ.-313.-สำนักข่าวไทย

ทบ. เร่งฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยในภาคเหนือ

กองทัพบก 14 ก.ค.-ทบ. เร่งฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยในภาคเหนือ พร้อมจัดกำลังทหารช่างเข้าปรับพื้นที่ ป้องกันน้ำหลากในระยะยาว พ.ต.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษก กองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักสะสม ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ จ.น่าน, จ.แพร่ และ จ.อุตรดิตถ์ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้มีความห่วงใยประชาชน โดยสั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่ ประกอบด้วย กองพันทหารม้าที่ 12 กองพลทหารม้าที่ 1, กองพันทหารม้าที่ 7 กรมทหารม้าที่ 2, กองพันทหารม้าที่ 15 กรมทหารม้าที่ 2, มณฑลทหารบกที่ 35, มณฑลทหารบกที่ 38, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 32 และโรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก จัดกำลังพล พร้อมยุทโธปกรณ์ของหน่วย เข้าช่วยเหลือประชาชนด้วยการเคลื่อนย้ายสิ่งของไปยังพื้นที่ปลอดภัย, อำนวยความสะดวกด้านการสัญจร, มอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค พร้อมจัดชุดเสนารักษ์ลงพื้นที่ตรวจสุขภาพ มอบยาเวชภัณฑ์ […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

มทบ.38 เร่งช่วยผู้ประสบอุทกภัย จ.น่าน เฝ้าระวังใกล้ชิด

11 ก.ค.- กองทัพบก โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มทบ.38 เร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดน่าน พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 กองทัพบก โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 38 (ศบภ.มทบ.38) ได้จัดกำลังพลจากกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย กองพันทหารม้าที่ 15 กรมทหารม้าที่ 2 ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดน่าน โดยเฉพาะในเขตอำเภอเวียงสาและอำเภอแม่จริม ซึ่งได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ ในพื้นที่บ้านน้ำมวบ ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา กำลังพลจากกองร้อยบรรเทาสาธารณภัยได้ลงพื้นที่ร่วมกับผู้นำชุมชน เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยดำเนินการอพยพผู้ประสบภัย เคลื่อนย้ายทรัพย์สิน และสนับสนุนการจัดระบบรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เสี่ยงอย่างเร่งด่วน หลังพบว่าระดับน้ำเพิ่มสูงกว่า 1 เมตร ส่งผลให้ประชาชนกว่า 120 หลังคาเรือน หรือประมาณร้อยละ 60 ของหมู่บ้านได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกัน ในพื้นที่บ้านนาเซีย หมู่ 2 ตำบลหมอเมือง อำเภอแม่จริม ศบภ.มทบ.38 ยังได้ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือ นายรัตน์ ตามล อายุ 80 […]

ทบ.พาสื่อทัวร์ปราสาทตาเมือนธม ปัดโต้กัมพูชากล่าวหาไทยรุกราน

สุรินทร์ 8 ก.ค.- ทบ. พาสื่อทัวร์ปราสาทตาเมือนธม หวังเรียกนักท่องเที่ยวดูโบราณสถาน มองเป็นเรื่องดี หลังประชาชนทะลักเข้าชมปราสาท เผยไม่โต้กัมพูชากล่าวหาไทยรุกราน มุ่งยึดการสื่อสาร ไทย-กัมพูชา ไม่พัฒนาไปสู่ความตึงเครียด พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการพาสื่อมวลชนลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม ว่า พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) อยากให้พาสื่อมวลชนส่วนกลางมาลงพื้นที่ ทั้ง จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ จ.อุบลราชธานี โดยอยากให้สื่อสัมผัสกับพื้นที่จริง 2 ส่วน โดยส่วนที่ 1 คือทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ ส่วนที่ 2 เรื่องของพื้นที่ส่วนหลังในเรื่องความพร้อมต่าง ๆ ที่ทางทหารและฝ่ายปกครองได้เตรียมความพร้อมกันไว้ ซึ่งปราสาทตาเมือนธมเป็นจุดแรกที่เป็นจุดที่มาลงพื้นที่หลังฟังคำบรรยายของกองกำลังสุรนารี โดยส่วนหนึ่งที่เดินทางมาในวันนี้เพื่อเยี่ยมชมโบราณสถาณที่สำคัญ ตามจริงเราขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรเมื่อปี พ.ศ. 2478 รวมถึงได้มีการมอบสิ่งของบำรุงขวัญและให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ผ่านมามีปากเสียงกันในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ได้มีการรับรายงานเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ได้รับรายงาน ส่วนที่ผ่านมาก็เป็นไปตามที่สื่อมวลชนได้รับข้อมูล ถือว่าไม่ได้อยู่ในจุดที่น่ากังวล ผู้ปฏิบัติงานทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ก็สามารถใช้ความสัมพันธ์ในลักษณะที่เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ […]

ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร

กองทัพบก 4 ก.ค.-ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร หลังลาดตระเวนพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์คลิปทหารพรานของไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ที่กำลังพยายามรุกลํ้าเข้ามาในดินแดนไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีอาวุธปืนครบมือนั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารีว่า ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 2304 ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ได้ทำการลาดตระเวนพื้นที่ ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณจุดชมวิวภูผี ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดน ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล และเขาพระวิหาร และบริเวณเส้นทางลาดตระเวนใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยมีการลาดตระเวนตรวจตราอย่างต่อเนื่อง จึงได้เข้าทักทายเจรจากัน และแยกย้ายกันไป ไม่มีเหตุความรุนแรงใด พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลายจุดพบกำลังทหารกัมพูชามาลาดตระเวนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น และบางครั้งมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหน่วยของกัมพูชาร่วมลงพื้นที่ด้วยตนเอง เมื่อมาพบเจอกับฝ่ายทหารไทยก็จะมีพูดทักทายกัน และบางครั้งก็อาจจะมีแสดงออกทางอารมณ์ในลักษณะเหมือนถกเถียงกันบ้าง แต่ทั้งหมดไม่ถึงขั้นตั้งใจจะใช้ความรุนแรงต่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างระมัดระวังไม่ให้มีการละเมิดข้อตกลง และต้องยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี ตามแนวทางผู้บังคับบัญชา.-313.-สำนักข่าวไทย

ทบ.ยันเขมรย้ายหมุด “ตาเมือนธม” Google Map ไม่มีผลทาง กม.

กองทัพบก 2 ก.ค.- ทบ. ยันเขมรย้ายหมุด “ปราสาทตาเมือนธม” ใน Google Map ไม่มีผลทางกฎหมาย ทั้งระดับในประเทศและระหว่างประเทศ ไม่ต้องกลัวฟ้องศาลโลก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีสื่อสังคมออนไลน์ พบการย้ายหมุด และแนวเส้นสมมติฐานเขตแดนบริเวณปราสาทตาเมือนธม ในแอปพลิเคชัน Google Map จากฝั่งประเทศไทยไปอยู่ยังฝั่งกัมพูชา และกังวลว่าเป็นการสร้างหลักฐานเท็จ เพื่อนำไปอ้างอิงฟ้องสื่อต่างชาติ และศาลโลก รวมทั้งทำให้ประชาชนบางส่วนเข้าใจผิดว่าปราสาทตาเมือนธมอยู่ในดินแดนกัมพูชา และประเทศไทยต้องการรุกรานดินแดนกัมพูชา และยึดปราสาทตาเมือนธมนั้น การกำหนดสถานที่ และเส้นเขตแดนในแอปพลิเคชัน Google Earth และ Google Map ทางบริษัทได้ใช้ข้อมูลจากภาคเอกชน ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการประชาชนทั่วไปใช้ประโยชน์เพื่อการเดินทาง ซึ่งในหลายจุดจะพบเห็นความคลาดเคลื่อนจากสถานที่จริงอยู่บ้าง โดยเฉพาะเส้นสมมติเขตแดน และที่สำคัญข้อมูลของแอปพลิเคชั่นดังกล่าว จะไม่มีผลทางด้านกฎหมายทั้งในระดับในประเทศและในระดับระหว่างประเทศ โดยในส่วนที่มีข้อมูลที่ผิดพลาดในแอปพลิเคชันนั้น ผู้ใช้งานสามารถรายงานไปยังบริษัท เพื่อขอให้แก้ไขข้อมูลได้ ทั้งนี้ขอยืนยันอย่างชัดเจนว่า ฝ่ายไทยใช้อำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม มาโดยตลอด ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ยึดโยงกับหลักฐานภูมิศาสตร์ และการบริหารพื้นที่ โดยหน่วยงานราชการไทยอย่างต่อเนื่อง-313 สำนักข่าวไทย

1 2 3 33
...