สภาบันวิชาการป้องกันประเทศ 19 ก.ย.- ผบ.ทสส. เผยที่ประชุม ผบ.เหล่าทัพ เห็นด้วย 3 ข้อเสนอรัฐบาล “ปิด-สร้าง-สู้” ส่งต่อ ผบ.รุ่นต่อไป เป็นมาตรการอ้างอิงในการปกป้องประเทศ
พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเกษียณวันนี้ว่า วันนี้ได้สดุดีไว้อาลัยทหารที่เสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นทหารชั้นยศน้อยมาจากทั่วพื้นที่ และครอบครัวยากจน เมื่อจากไปแล้วกองทัพต้องดูแครอบครัวเขาที่เสียสละมากๆ นอกจากนี้ได้ฝากความหวังภารกิจจากรุ่นสู่รุ่นในการปกป้องแผ่นดินไทย ซึ่งมีภัยคุกคามต่อชาติอยู่
ผบ.ทสส. กล่าวด้วยว่าได้ประชุมกับคณะผู้บัญชาการทหาร เห็นตรงกันใน 3 ข้อเสนอต่อรัฐบาล ได้แก่
- ปิด พิจารณาแล้วมีภัยคุกคามอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ จึงเสนอรัฐบาลปิดด่านถาวรและชั่วคราวไว้ จนกว่าภัยคุกคามจะลดลง
- สร้าง เสนอสร้างรั้วตามแนวชายแดน เพราะมีภัยคุกคามในการบุกรุกที่ ภัยคุกคามสีเทา ใช้ชายแดนข้ามไปข้ามมา และอยากให้เป็นหลักการว่า เราจะต้องสร้างแนวป้องกันต่างๆเพื่อช่วยประชาชนทหารตามแนวชายแดนให้ปลอดภัย เมื่อวานกองทัพไทยได้ลองรั้วอิเลคทรอนิกส์ในจุดที่มีรั้วอยู่แล้ว
- สู้ คือการใช้กำลัง ตามแนวชายแดนมีปรับ รูปแบบปี 54 มีการใช้กำลังทหารเต็มกำลัง การใช้โดรน กฎการใช้กำลังต้องเป็นตามกฎหมายเราและกฎหมายระหว่างประเทศ สู้ให้ถูกวิธีและสู้แล้วต้องรักษาอธิปไตยได้
สำหรับความพร้อมเรื่องการสู้ พล.อ.ทรงวิทย์ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เราปฏิบัติ มีการสรุปตลอดเวลา เรื่องความพร้อมในการต่อสู้ วันนี้มาส่งต่อการเกษียณในช่วง 10 วัน จะได้ไม่เป็นภาระของผบ.รุ่นใหม่ในการตัดสินใจ ชื่นชมผบ.เหล่าทัพที่ทุกคนเห็นพ้องในการสู้ การสร้าง การปิดเป็นมาตรการที่ ผบ.เหล่าทัพ อ้างอิงในการปกป้องประเทศเราได้
ต่อข้อถามถึงแนวรั้วบางส่วนที่เราสร้างในเขตอธิปไตยเราแล้วเขมรมารื้อ พล.อ.ทรงวิทย์ กล่าวว่าหลักๆ คือ ใช้วิธีการใหม่ๆ ในการควบคุม 7 ขั้นตอน ตามที่ศาลไทยตัดสินแล้วในการควบคุมฝูงชน ซึ่งวิธีปฏิบีติ ตำรวจจะอธิบายได้ดี ผบ.ตร.ก็ให้คำมั่นที่จะร่วมกับกองกำลังป้องกันชายแดน และรองผบ.ตร.ที่ลงพื้นที่ได้บอกว่า ถ้าเราใช้ กฎหมายของเราอย่างเข้มข้น สถานการณ์จะไม่บานปลาย เราสามารถอธิบายกับประชาชนและต่างชาติได้ ว่าเราได้ใช้มาตรการตามกฎหมายไทย
สำหรับหน้าที่กองทัพต้องส่งต่อในลักษณะเชื่อมต่อกัน วันนี้ 3 ข้อเสนอ ผบ.เหล่าทัพรุ่นใหม่ก็ได้ร่วมประชุมด้วย เป็นตัวเชื่อมสำคัญ สุดท้ายคนที่แลกด้วยชีวิตคือทหารแนวหน้า ซึ่งก็คืออีกตัวเชื่อมสำคัญ
เรื่องปิดด่าน คณะผู้บัญชาการทหาร เสนอมาตรการดีที่สุดต่อภัยคุกคาม เป็นหลักการไม่ได้ลงในรายละเอียด ซึ่ง ตั้งแต่ 6.มิ.ย.ถึงปัจจุบัน ยืนยันว่ากัมพูชาเป็นภัยคุกคาม
ทั้งนี้ มีการมอบหมาย ผบ.ตร. หามาตรการทั้งหมดในการปฏิบัติควบคุมสถานการณ์ตรงนั้น ส่วนมาตรการระยะยาวเป็นเรื่องมหาดไทยกับกองกำลังป้องกันชายแดนตกลงต่อไป พอชัดเจนว่าเป็นภัยคุกคามต้องทำงานร่วมกับตำรวจ ต้องทำงานบนกฎหมายของเรา กฎหมายระหว่างชาติด้วย จากนี้จะสามารถมีนโยบายดำเนินการได้ชัดเจน
ต่อข้อถามว่ามองไปถึงเรื่องการสู้รบ หรือไม่ พล.อ.ทรงวิทย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกคนในไทยต้องการปกป้องอธิปไตยของเรา ถ้าเขารุกรานมาเราพร้อมปกป้อง เราไม่ต้องการดินแดนของเขาแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ประเด็นของตนคือ 1.ใช้มาตรการทางกฎหมาย 2 การยั้บยั้ง 3.สู้รบก็ต้องพร้อม
ทั้งนี้ พลอ.ทรงวิทย์ ยังกล่าวถึงการยอมรับของประชาชนต่อกองทัพว่ามาจากความเสียสละของกำลังพลทั้งเลือดเนื้อและชีวิต จึงดำรงเจตนารมณ์ที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิต ไว้
พล.อ.ทรงวิทย์ ยังอธิบายว่า การเปิดปิดด่านเกิดขึ้นตั้งแต่การประชุม 6 มิ.ย. ตนเสนอให้ผู้บัญชาการทหารบก ควบคุมตามแนวชายแดน ผบ.ทบ.มีอำนาจใช้กฎอัยการศึกดำเนินการได้ ส่วนการสร้างรั้วต้องไปถกเรื่องเขตแดน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปราบปรามยาเสพติด การสร้างรั้วชายแดนเป็นมาตรการจำเป็น และนโยบายต่อความมั่นคงก็คงเห็นความจำเป็น .-สำนักข่าวไทย