กทม. 2 มิ.ย. – หลังมีมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 ให้ร้านเสริมสวยทำเคมีเช่น ดัด ยืด ทำสี ได้แล้ว ถือเป็นความหวังที่จะเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการ และตัวชี้วัดว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจนี้ไปได้หรือไม่ แต่จากการลงพื้นที่สำรวจพบมีลูกค้าเข้าใช้บริการเคมีไม่คึกคักมากนัก ส่วนหนึ่งกังวลเรื่องความปลอดภัย และระยะเวลาทำผมที่ต้องใช้สารเคมีสั้นเกินไป ซึ่งจะส่งผลต่อทรงผม
แม้ร้านเสริมสวยแฮร์ทูเดย์ สาขาห้วยขวาง จะกลับมาเปิดให้บริการสระ ตัด และไดร์ผมได้ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม หลังมีมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 พร้อมข้อกำหนดด้านสุขอนามัย เช่น การวัดอุณหภูมิ การล้างมือ การเช็กอินผ่านระบบไทยชนะ การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และการจำกัดลูกค้าภายในร้าน
อย่างล่าสุดมีมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 ให้ร้านเสริมสวยกลับมาทำเคมี เช่น ดัด ยืด และทำสีผมได้แล้ว แต่บรรยากาศในร้านนี้ยังเงียบ ไม่มีลูกค้าในร้านสักคน
ผู้ดูแลร้านแฮร์ทูเดย์ สาขาห้วยขวาง บอกว่า การได้กลับมาทำเคมี เช่น ดัด ยืด และทำสีผม ถือเป็นความหวังที่จะเพิ่มรายได้ เพราะค่าบริการแต่ละครั้งประมาณ 3,000-4,000 บาท อย่างที่ร้านนี้ช่วงก่อนโควิด-19 จะเปิดร้าน 24 ชั่วโมง แต่ละวันจะมีลูกค้ามาทำเคมีวันละกว่า 10 คน แต่เมื่อวานนี้มีเข้ามาเพียงคนเดียว และวันนี้ยังไม่มีเลยสักคนเดียว
ส่วนร้านเสริมสวยเซเลป ซึ่งเป็นร้านเสริมสวยขนาดใหญ่ย่านพระราม 9 เริ่มมีลูกค้าทยอยเข้ามารับบริการทำเคมีแล้วหลายคน ทำให้ผู้ดูแลร้านเริ่มยิ้มออก และมีกำลังใจ เพราะการจัดแต่งทรงผมที่ทำได้เพียงสระ ไดร์ และตัดอย่างเดียว รายได้ก็ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะการกลับมาเปิดให้บริการในช่วงโควิด-19 ที่ต้องจำกัดลูกค้าต่อวันเหลือไม่ถึง 15 คน จากเดิมจะรับได้วันละกว่า 30 คน รายได้จากการทำเคมีจึงมีส่วนสำคัญ และเป็นตัวชี้วัดว่าการดำเนินธุรกิจหลังจากนี้จะไปต่อได้หรือไม่
การต้องปิดร้านไปนานกว่า 2 เดือน และกลับมาเปิดอีกครั้ง ท่ามกลางมาตรการความปลอดภัย ที่ต้องดำเนินไปอย่างเข้มงวด เช่น การจำกัดจำนวนลูกค้า และระยะเวลาทำผม อย่างการทำเคมี ดัด ยืด และทำสี ที่จำกัดรอบละ 2 ชั่วโมง ในร้านเสริมสวยขนาดเล็กยังถือว่าเป็นระยะเวลาที่สั้นเกินไปสำหรับการทำผมที่ต้องใช้สารเคมี เพราะปกติแล้วจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง ทำให้ผู้ประกอบการร้านเสริมสวยเสนอให้เพิ่มระยะเวลาการทำผมที่ต้องใช้สารเคมี เพราะเส้นผมของลูกค้าแต่ละคนมีลักษณะแตกต่างกัน. – สำนักข่าวไทย