กัวลาลัมเปอร์ 22 มิ.ย.- นางนอร์ ซัมเซียห์ มอห์ด ยูนุส ผู้ว่าการธนาคารกลางมาเลเซียมองว่า เศรษฐกิจมาเลเซียจะได้รับอานิสงส์จากการที่ภาคธุรกิจย้ายฐานการผลิตจากจีนหนีการถูกสหรัฐเก็บภาษีสินค้าอัตราสูง ชดเชยแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดว่าจะชะลอการขยายตัวในปีนี้เพราะสงครามการค้าจีน-สหรัฐ
นางซัมเซียห์ วัย 55 ปี ให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติอย่างเป็นครั้งแรกหลังรับตำแหน่งได้เกือบหนึ่งปีว่า การย้ายฐานการผลิตอาจช่วยให้เศรษฐกิจมาเลเซียปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากที่ธนาคารกลางประมาณการณ์ไว้ที่ร้อยละ 4.3-4.8 เธออธิบายว่า เนื่องจากมีความไม่แน่นอนว่าเมื่อการลงทุนเพิ่มขึ้น ภาคธุรกิจจะสามารถเพิ่มศักยภาพการผลิตเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการย้ายฐานการผลิตได้มากน้อยเพียงใด ธนาคารกลางจึงคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวมเฉพาะความสูญเสียที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพราะสงครามการค้า แต่ไม่รวมประโยชน์ที่อาจจะเกิดขึ้น
เว็บไซต์บลูมเบิร์กระบุว่า มาเลเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ประโยชน์จากสงครามการค้าจีน-สหรัฐเพราะเศรษฐกิจเปิดกว้างและมีความสามารถด้านการผลิต ไตรมาสแรกปีนี้มาเลเซียอนุมัติการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติในภาคการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 127 จากไตรมาสแรกปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐปาหังทางตอนเหนือที่เป็นผู้ผลิตท้องถิ่นให้แก่อินเทลและเดลล์ บริษัทไฮเทคของสหรัฐ อย่างไรก็ดี ในภาพรวมแล้วสงครามการค้าจีน-สหรัฐและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะกระทบต่อเศรษฐกิจมาเลเซียที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก นักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจมาเลเซียจะขยายตัวลดลงเหลือร้อยละ 4.5 ในปีนี้ ต่ำที่สุดในรอบสามปี
ผู้ว่าการธนาคารมาเลเซียกล่าวถึงการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 เมื่อเดือนก่อนว่า เป็นการตอบสนองต่อภาวะการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น อันเป็นผลจากเงินทุนต่างชาติไหลออก เชื่อว่าการลดอัตราดอกเบี้ยจะเอื้อต่อการปรับตัวทางภาวะการเงินที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนโดยที่สามารถคงอัตราเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพ.-สำนักข่าวไทย