เตรียมแพ็กเกจใหญ่เสนอนายกฯ แก้ปัญหาหนี้สินครบวงจร

กระทรวงคลัง 20 ส.ค. – คณะทำงานฯ เตรียมแพ็กเกจใหญ่เสนอนายกฯ แก้ปัญหาหนี้สินรายย่อยครบวงจร แนะยกเลิกคิดดอกเบี้ย Flat Rate ย้ำตั้ง AMC แห่งชาติ ห้ามเน้นซื้อหนี้ถูก ขายแพงฟันกำไร ต้องมุ่งฟื้นฟูลูกหนี้ นายกิติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษา คณะกรรมการกำกับการแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชน กล่าวว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีตั้งคณะทำงาน 10 คณะ เพื่อศึกษาหามาตรการแก้ปัญหาหนี้ทั้งระบบ เช่น หนี้เกษตรกร หนี้ข้าราชการ หนี้กองทุน กยศ. หนี้บัตรเครดิต หนี้บ้านอยู่อาศัย ที่ประชุมได้จัดทำข้อสรุปแนวทางแก้ปัญหาหนี้สินให้กับประชาชน เพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า มุ่งแก้ปัญหาในประเด็นหลักหลายด้าน ประกอบด้วย แนวทางการแก้ไข พ.ร.บ.อีกหลายฉบับ ยอมรับว่าต้องใช้เวลา เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มต่างๆ รวมถึงข้าราชการพลเรือน ถูกฟ้องล้มละลายจากปัญหาหนี้สิน โดยไม่ต้องออกจากราชการ เพราะเป็นคดีทางแพ่ง แต่มีแนวทางอื่นช่วยดูแล การเสนอแก้ไขกฎหมาย ธอส. หากผ่อนชำระเงินกู้ต่อเนื่องมาหลายปี เช่น ยอดหนี้เหลือเพียงร้อยละ 10 ของเงินต้น แต่มีปัญหาหนี้หลายทาง […]

ตลาดจับตาประชุม กนง. 13 ส.ค. ลด-ไม่ลดดอกเบี้ย

กรุงเทพฯ 10 ส.ค. – ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินสัปดาห์นี้ ตลาดประชุม กนง. 13 ส.ค.-ฟันด์โฟลว์ต่างชาติ-ผลประกอบการ บจ. มองกรอบเคลื่อนไหวค่าเงินบาท 32.10-32.80 บาทต่อดอลลาร์ คาดดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,230 และ 1,215 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,280 และ 1,300 จุด เงินบาทความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทพลิกแข็งค่าอีกครั้ง ตลาดมองความเป็นไปได้ที่เฟดอาจลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย.นี้ เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ที่ 32.25 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินดอลลาร์มีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากข้อมูล ISM ภาคบริการของสหรัฐ ที่มีสัญญาณอ่อนแอ รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประเด็นระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ และเฟด อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกเล็กน้อยตามการปรับโพสิชั่นก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุด ประกอบกับตลาดยังคงรอติดตามการประชุม กนง. ในวันที่ 13 ส.ค.นี้ อย่างใกล้ชิด ส่วนสัปดาห์นี้ (11-15 ส.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.10-32.80 […]

Trump calls on US central bank head to quit immediately

“ทรัมป์” กดดันประธานเฟดลาออกทันที

วอชิงตัน 3 ก.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เรียกร้องให้นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด (Fed) ลาออกทันที เพิ่มการกดดันนายพาวเวลล์ ที่ไม่ยินยอมลดอัตราดอกเบี้ยตามที่เขาต้องการ นายทรัมป์โพสต์ในทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาในเช้าวันนี้ตามเวลาสหรัฐว่า “ช้าเกินไปแล้ว” ควรลาออกทันที พร้อมกับแนบลิงก์บทความข่าวของบลูมเบิร์กเรื่องนายบิล พัลต์ ผู้อำนวยการสำนักงานกำกับดูแลการให้สินเชื่อบ้านของสหรัฐ (FHFA) เรียกร้องให้สอบสวนนายพาวเวลล์ กรณีให้การต่อวุฒิสภาเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ข่าวเรื่องสำนักงานใหญ่ของเฟดในกรุงวอชิงตันใช้ของราคาสูงและฟุ่มเฟือยในการบูรณะซ่อมแซม เป็นรายงานบิดเบือนและไม่ถูกต้องในหลายประเด็น นายทรัมป์วิจารณ์นายพาวเวลล์มาโดยตลอดเรื่องไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ได้กล่าวเมื่อต้นปีนี้ว่า ยังไม่คิดจะปลดจากตำแหน่ง ล่าสุดในการประชุมผู้ว่าการธนาคารกลางที่โปรตุเกสเมื่อวานนี้ นายพาวเวลล์ยอมรับตามที่มีผู้ตั้งคำถามว่า เฟดคงจะลดอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ หากรัฐบาลสหรัฐไม่ประกาศอัตราภาษีศุลกากรใหม่กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเมื่อเดือนเมษายน นายพาวเวลล์ วัย 72 ปี ดำรงตำแหน่งประธานเฟดมาตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561 โดยได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีทรัมป์สมัยแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 และได้รับการเสนอชื่ออีกครั้งโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม 2569 เขาเคยกล่าวเมื่อนายทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ว่า จะไม่ลาออกหากนายทรัมป์ขอ […]

“ชาดา” ลั่นกลางที่ประชุมงบ 69 ต้องแจกเงิน “ดิจิทัลวอลเล็ต”

รัฐสภา 11 มิ.ย.-“ชาดา” ของขึ้นตั้งแต่เริ่มประชุมงบ 69 จี้ “แบงก์ชาติ” ตอบใครเป็นคนคุมธนาคาร ปล่อยค่าธรรมเนียม-ดอกเบี้ยสูงลิ่ว บอกลูกหลานคนจน ทำงานเก่งแค่ไหน ไม่มีทางโงหัวได้ กลุ่มทุนเอาไปหมด มองทางออกเดียวต้องแจกเงิน “ดิจิทัลวอลเล็ต” กระตุ้นเศรษฐกิจ ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ที่มีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม โดยวันนี้เป็นการเชิญหน่วยงานและสถาบันการเงิน 4 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการคลัง , สภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ , ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงบประมาณ เข้ามาชี้แจงภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ ช่วงต้นการประชุม นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย เปิดไมค์สอบถามธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) อย่างดุเดือด ว่า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ตนคิดแบบบ้านๆ แบบคนเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ตอนนี้เงินไม่ไปสู่รากหญ้า ราคาพืชผลเกษตรกรก็ถูก ปัญหาคือธนาคารก็จะถ่างออกไป มีค่าธรรมเนียมต่างหาก ตนถามว่าวันนี้ใครควบคุม แล้วท่านปล่อยให้เงินเข้าสู่ระบบการก่อสร้างอย่างเดียว […]

graphic of countries will be hit by US tariffs

ชี้ภาษีทรัมป์บีบธนาคารกลางประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่

นิวเดลี 7 เม.ย.- นักวิเคราะห์ชี้ว่า มาตรการภาษีใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอาจบีบบังคับให้ธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ต้องตัดสินใจเลือกอย่างลำบากใจ ระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจกับการปกป้องค่าเงินที่เปราะบาง นายเดวิด เชา นักยุทธศาสตร์ตลาดโลกสำหรับเอเชียแปซิฟิกของอินเวสโก (Invesco) ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนของสหรัฐให้ความเห็นว่า การปรับเปลี่ยนการให้ความสำคัญทางเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับมาตรการภาษีของสหรัฐ อาจทำให้สกุลเงินท้องถิ่นเผชิญแรงกดดันมากขึ้นในปีนี้ เนื่องจากธนาคารกลางจะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตผ่านนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน จึงอาจเป็นไปได้ว่า ธนาคารกลางในเอเชียอาจลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดเป็นครั้งแรก ขณะที่ออเรลี มาร์ติน ผู้จัดการสินทรัพย์ของไนน์ตีวัน (Ninety One) ซึ่งเป็นธุรกิจจัดการสินทรัพย์อังกฤษ-แอฟริกาใต้กล่าวว่า หากเศรษฐกิจชะลอการเติบโต ธนาคารกลางก็ควรลดอัตราดอกเบี้ย แต่ก็จะกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารกลางไม่ต้องการให้เกิด เธอคาดหมายว่า เอเชียและเม็กซิโกน่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด รอยเตอร์ระบุว่า ที่ผ่านมาประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จะระมัดระวังอย่างมากในการรักษาอัตราดอกเบี้ยไม่ให้แตกต่างจากสหรัฐมากนัก เพื่อไม่ให้เงินทุนไหลออก เพราะมักทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและผลทางเศรษฐกิจติดตามมา.-814.-สำนักข่าวไทย

SCB EIC หั่นจีดีพีปี 68 เหลือ 2.4% เหตุนโยบายกีดกันการค้าจากสหรัฐ

SCB EIC หั่นจีดีพีปี 68 เหลือ 2.4% เหตุนโยบายกีดกันการค้าจากสหรัฐ กระทบส่งออก แนะตลาดหุ้นสหรัฐ โดดเด่นสุด ประเมิน กนง.ปรับลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง ภายในครึ่งแรกของปีอยู่ที่ 2%

ประธานสภาพัฒน์ ห่วงเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปี 68

ประธานสภาพัฒน์ ห่วงเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปี 2568 อ่อนแรงลง หากนโยบายการเงินไม่เปลี่ยนแปลง ชี้หลังโควิดเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบกระท่อนกระแท่น ปี 2568 ก็น่าจะไม่แตกต่าง จับตานโยบาย “ทรัมป์” กระทบทั่วโลก ชี้ดอกเบี้ยจริงที่เหมาะสมของไทยควรอยู่ในกรอบ 0-1%

นักวิเคราะห์เทน้ำหนัก กนง.ลดดอกเบี้ยปี 68 ครั้งเดียว

สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เผยผลสำรวจนักวิเคราะห์เทน้ำหนัก กนง. ลดดอกเบี้ยปี 68 ครั้งเดียว ปัจจัยกดดันหุ้นไทย ทั้ง Fund Flows ไหลออก-การเมืองในประเทศ-การเมืองต่างประเทศ ขณะที่ไตรมาส 1/68 จับตานโยบายทรัมป์ 2.0-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เศรษฐกิจญี่ปุ่นไตรมาส 2 ฟื้นตัวมากกว่าคาด

โตเกียว 15 ส.ค.- เศรษฐกิจของญี่ปุ่นในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ขยายตัวถึงร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบเป็นรายปี ถือว่าขยายตัวมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากช่วงไตรมาสแรก เป็นผลมาจากการจับจ่ายของภาคเอกชนฟื้นตัว ข้อมูลของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี (GDP) ของไตรมาสเดือนเมษายน-มิถุนายนขยายตัวร้อยละ 3.1 สูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.1 หลังจากเมื่อช่วงไตรมาสแรกหดตัวลงร้อยละ 2.3  การบริโภคของภาคเอกชนที่ครองสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของจีดีพีปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1 ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส ส่งผลให้จีดีพีไตรมาส 2 ฟื้นตัว ตัวเลขเหล่านี้สนับสนุนสิ่งที่ธนาคารกลางของญี่ปุ่น หรือบีโอเจ (BOJ) คาดการณ์ไว้ว่า การที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามเป้าที่ร้อยละ 2 เปิดทางให้บีโอเจสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกในอนาคต หลังจากเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ 0-0.1 เป็นร้อยละ 0.25.-816(814).-สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นยืนยันยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหม่

โตเกียว 7 ส.ค.- รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือบีโอเจ (BOJ) เผยว่า บีโอเจจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ตลาดการเงินกำลังอ่อนไหว นายอูชิดะ ชินอิจิ รองผู้ว่าการบีโอเจเปิดเผยระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ว่า ทางธนาคารจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในยามที่ตลาดการเงินกำลังอยู่ในสภาวะอ่อนไหว โดยย้ำว่า จำเป็นต้องคงการผ่อนคลายทางการเงินด้วยอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับปัจจุบันต่อไป นายอูชิดะกล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ของญี่ปุ่นและอีกของหลายประเทศกำลังอยู่ในสภาพอ่อนไหวอย่างยิ่ง บีโอเจกำลังจับตาการเคลื่อนไหวในตลาดและผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างเหมาะสม ก่อนนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บีโอเจได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมีนาคม ทำให้นักลงทุนเฝ้าจับตาท่าทีของบีโอเจอย่างใกล้ชิดเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต นักลงทุนบางคนมองว่า การที่นายอูเอดะ คาซูโอะ ผู้ว่าการบีโอเจเคยส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม เป็นสาเหตุหนี่งที่ทำให้ตลาดหุ้นปั่นป่วน.-812(814).-สำนักข่าวไทย

1 2 3 25
...