มาเลเซีย

ลังกาวี 20 ม.ค.- สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนมีแผนจะส่งผู้แทนพิเศษไปยังเมียนมาเพื่อเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงภายในประเทศ ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการที่เกาะลังกาวีของมาเลเซียเมื่อวันอาทิตย์ ที่ประชุมมีการหารือกันเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งยังคงมีการสู้รบกันอยู่ระหว่างกองกำลังรัฐบาลกับฝ่ายต่อต้านตั้งแต่ 4 ปีก่อน หลังกองทัพทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซู จีเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียระบุในแถลงการณ์ว่า ผู้แทนเมียนมาซึ่งเข้าร่วมการประชุมด้วยได้เน้นย้ำเจตนารมณ์ที่จะจัดการเลือกตั้งในปีนี้เพื่อเตรียมความพร้อมในการถ่ายโอนอำนาจให้กับรัฐบาลพลเรือน   แต่สมาชิกอาเซียนบางประเทศเน้นย้ำว่า การยุติความรุนแรงในเมียนมา คือ เรื่องสำคัญที่สุดในเวลานี้ มากกว่าการเลือกตั้ง  ขณะที่บางประเทศเรียกร้องว่า การเลือกตั้งจะต้องโปร่งใสและบริสุทธิ์ยุติธรรม นอกจากนี้แล้วมาเลเซียซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของอาเซียนยังมีแผนจะส่งผู้แทนพิเศษไปเยือนเมียนมาในเร็ว ๆ นี้ด้วยเพื่อกดดันให้เมียนมาดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียนที่รวมถึงการยุติความรุนแรงโดยทันที ซึ่งเมียนมาและอาเซียนเห็นพ้องกันเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา.-816(814).-สำนักข่าวไทย

กัวลาลัมเปอร์ 19 ม.ค. –  ชาติสมาชิกของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน เรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาเริ่มการเจรจาสันติภาพและยุติการใช้กำลังในทันที พร้อมทั้งบอกกับรัฐบาลทหารของเมียนมาว่าแผนการที่จะจัดการเลือกตั้งท่ามกลางสงครามกลางเมืองที่ทวีความรุนแรงเรื่อยๆ  ไม่ควรจะถูกจัดให้เป็นสิ่งสำคัญลำดับต้น ๆ นายโมฮัมหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของอาเซียนในปีนี้ กล่าวว่า อาเซียนเรียกร้องให้ฝ่ายต่าง ๆ ที่ทำการสู่รบในเมียนมา หยุดการทำสงครามและแจ้งกับตัวแทนจากเมียนมาให้เปิดทางให้กับการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมสามารถลงพื้นที่ได้โดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง นายโมฮัมหมัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่เกาะลังกาวี ของมาเลเซียวันนี้ว่า มาเลเซียต้องการรู้ว่าเมียนมามีอะไรอยู่ในใจ และว่าอาเซียนแจ้งเมียนมาไปว่า การเลือกตั้งไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วน ส่งที่สำคัญในขณะนี้คือการหยุดยิง มาเลเซียประกาศแต่งตั้งนายโอธมัน ฮาชิม อดีตนักการทูต ให้เป็นผู้แทนพิเศษด้านวิกฤตการณ์ในเมียนมา โดยนายโมฮัมหมัดกล่าวว่า นายโอธมัน จะเดินทางไปเยือนเมียนมาในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ สหประชาชาติกล่าวว่า ความต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของเมียนมาอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง ประชาชนเกือบ 20 ล้านคน หรือ มากกว่า 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด ต้องการความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม นายโอธมัน ได้รับมอบหมายให้ผลักดันให้ทุกฝ่ายในเมียนมา ยอมปฏิบัติตามแผนสันติภาพ 5 ข้อของอาเซียน ที่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ […]

นายโมฮัมหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเซีย เน้นย้ำบทบาทความเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในการเผฃิญกับความท้าทายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น

นายกรัฐมนตรีลอเรนซ์ หว่อง ของสิงคโปร์แถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวานนี้ ประกาศข้อตกลงตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ

ผู้นำสิงคโปร์และมาเลเซีย ประกาศข้อตกลงตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ที่รัฐยะโฮร์ ทางตอนใต้ของมาเลเซีย หวังส่งเสริมการลงทุนและเปิดทางให้แก่การเคลื่อนย้ายสินค้าและคนระหว่างกัน

โตเกียว 27 ธ.ค.- นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่นจะเยือนมาเลเซียและอินโดนีเซียระหว่างวันที่ 9-12 มกราคม เพื่อกระชับความร่วมมือกับทั้ง 2 ประเทศในการทำให้อินโด-แปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่ตั้งอยู่บนกฎเกณฑ์ เสรี และเปิดกว้าง โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นแถลงวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีอิชิบะจะพบหารือกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซียและประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโตของอินโดนีเซีย โฆษกกล่าวว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องกระชับความสัมพันธ์กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ตั้งอยู่ใกล้กับเส้นทางเดินเรือสำคัญและได้รับการจับตามองในฐานะเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นหวังว่า การพบหารือจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในระดับผู้นำ ควบคู่ไปกับการเป็นโอกาสในการเพิ่มพูนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทวิภาคี และตอกย้ำเรื่องความร่วมมือในประเด็นความท้าทายระดับโลกหลากหลายประเด็น นายอิชิบะเดินทางไปร่วมการประชุมระดับพหุภาคีในหลายประเทศ นับตั้งแต่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนตุลาคม แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ไปเยือนต่างประเทศเพื่อหารือระดับทวิภาคี.-814-สำนักข่าวไทย

กระทรวงคมนาคมมาเลเซียกล่าววันนี้ว่า มาเลเซียตกลงในหลักการที่จะกลับไปค้นหาซากของเครื่องบินโดยสารสายการบินมาเลเซียน แอร์ไลน์

ศาลสูงมาเลเซียยกฟ้องนางโรสมาห์ มานซอร์ ภรรยาอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค จากข้อหาฟองเงินและเลี่ยงภาษี โดยอ้างเหตุผลว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอในการดำเนินคดีเธอต่อไป