กทม. 10 เม.ย.-รมว.อุตสาหกรรม พร้อมผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่โกดังย่านวงศ์สว่าง หลังพบกากแคดเมียม เบื้องต้นมีเพียง 150 ตัน ขนเข้ามาตั้งแต่ ต.ค.66 จ่อเชิญบริษัทที่เกี่ยวข้องครอบครองกากแคดเมียมทั้งหมดมาหารือแนวทางความรับผิดชอบหลังจากนี้
เวลา 16.30 น. นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้เดินทางมาตรวจสอบโรงงานแห่งหนึ่งภายใน ซ.เวียงปรีชา ย่านวงศ์สว่าง หลังได้รับรายงานว่า พบกากแคดเมียม 300 ตัน ในโรงงานดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบด้วยเครื่องตรวจสารแคดเมียม พบว่า แร่ที่พบเป็นแร่แคดเมียมจริง ซึ่งเป็นแร่ต้องห้ามครอบครองตามกฎหมาย
สำหรับแนวทางตรวจสอบหลังจากนี้ มีคณะทำงาน 3 คณะ โดยคณะแรกแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องรวมทั้ง 8 หน่วยงาน คณะที่ 2 และ 3 แต่งตั้งโดยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้ง 3 คณะ จะทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนการได้มาซึ่งกากแคดเมียมว่ามีการขุดขึ้นมาเท่าไร และได้รับอนุญาตจากใคร มีใครเป็นผู้ครอบครองบ้าง และครอบครองจำนวนเท่าไร รวมถึงได้แจ้งเรื่องการขนย้ายกากแคดเมียมจากต้นทางมาปลายทางหรือไม่ พร้อมทั้งให้ดำเนินการหาแนวทางขนย้ายจากโรงงานที่พบ 4-5 แห่ง ทั้งในพื้นที่ จ.ชลบุรี สมุทรสาคร และ กทม. ไปยัง จ.ตาก
ส่วนกรณีการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว และบทลงโทษ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยันว่า จะดำเนินการลงโทษโดยไม่มีละเว้น หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง เพราะถือว่าเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ได้มีการเชิญบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องครอบครองกากแคดเมียมทั้งหมดมาหารือแนวทางเรื่องความรับผิดชอบหลังจากนี้ ซึ่งจะต้องดำเนินการขนย้ายกากแคดเมียมกลับไปยังต้นทาง และทำการฝังกลบ ซึ่งมีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ พร้อมยืนยันกับประชาชนว่า อย่าตกใจ เมื่อพบกากแคดเมียมที่ใด เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปดำเนินการทันที
เบื้องต้นจากการตรวจสอบกากแคดเมียม พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้นเพียง 150 ตัน และเป็นแคดเมียมที่ขนย้ายเข้ามาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า เจ้าของโรงงานซึ่งเป็นผู้หญิง มีความสัมพันธ์เป็นญาติสนิทของเจ้าของโรงงานในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ที่พบกากแคดเมียมก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากพบกากแคดเมียมในนี้ สำนักอนามัย กทม.ได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบสภาพของโรงงาน พร้อมทั้งวางแผนแนวทางการตรวจสุขภาพของประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน.
นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สรุปตัวเลขที่ชัดเจนของการตรวจยึดกากแคดเมียมว่า จากการตรวจสอบวันนี้ (10 เม.ย.67) พบเพิ่มอีก 2 จุดคือ ที่ บริษัทเจแอนด์บี จ.สมุทรสาคร 3,000 ตัน และที่กรุงเทพฯ 150 ตัน เท่ากับตอนนี้ ตัวเลขที่พบทั้งหมดประมาณ 12,421 ตัน จากกากอุตสาหกรรมที่มีส่วนผสมของแคดเมียมทั้งหมด 13,800 ตัน ซึ่งเป็นตัวเลขประมาณจากการนับ แต่ตัวเลขอาจจะแตกต่างกันบ้างหลังชั่งน้ำหนักแล้ว
โดยที่พบเพิ่มในบริษัทเจแอนด์บี อีก 3,000 ตันนั้น เพราะก่อนหน้านี้แม้จะมีการไปตรวจสอบครั้งแรก แต่การตรวจดูไม่ทั่ว การนำตรวจไม่ได้พานำตรวจครบทั้งหมด และยังมีการปิด มีอะไรตั้งบังไว้ คือจุดแรกมีวางรอบๆ สำนักงาน มีผ้าคลุม มีกล่องโลหะตั้งสูงๆ และที่ตรวจพบเพิ่มวันนี้ คืออีกส่วนที่อยู่อาคารด้านหลัง ทำให้ขณะนี้ เหลือที่ต้องค้นหาอีกประมาณ 1,000 ตัน แต่หากคิดจากการสูญเสียความชื้น ก็คาดว่าใกล้ครบแล้ว
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ยังบอกเพิ่มเติมด้วยว่า วันนี้มีการประชุม 6 กระทรวง ที่เกี่ยวข้อง มท. /สธ. /ทรัพย์/ สตช. /ดีเอสไอ กก.อุตสาหกรรม เพื่อให้ข้อมูลตรงกัน เกี่ยวกับกากอุตสาหกรรม และไม่ใช่แคดเมียมปกติ แต่มีการปรับให้พิษลดลง ใช้ซีเมนต์เข้าไปประกบทำให้การแพร่กระจายยากขึ้น และมีการหารือถึงการวางแผนการขนกลับ และก่อนขนกลับในการเก็บรักษา และการทำความสะอาดหลังขนกลับ ซึ่งแผนการขนส่งจะต้องดูที่ปลายทาง คือการฝังที่ปลายทางหากขนแล้วนำไปกองไม่ใช่เรื่องดี เพราะไปถึงควรจะต้องนำลงย่อฝังกลบเลย เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อน และการขนจะต้องมีบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สามารถมีน้ำเข้าได้ ซึ่งจะต้องมีถุงมาหุ้มบิ๊กแบ็กอีกชั้น
ส่วนเส้นทางที่จะขน และรถจะต้องติดจีพีเอส ทั้งหมดจะถูกกำหนดโดยความสามารถของการรับปลายทาง และช่วงการขนจะต้องไม่ใช่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะเริ่มหลังสงกรานต์ โดยช่วงนี้จะอยู่ระหว่างการทำแผน และการขนจะต้องปลอดภัยเป็นไปตามหลักการไม่กระทบประชาชน
ทั้งนี้จะมีการส่งออกไปต่างประเทศหรือไม่ ย้ำว่าจากการตรวจสอบแล้วยังไม่พบ แต่หากมีการส่งจริงจะถือว่าเป็นการลักลอบ และตอนนี้ที่พบยังคงไปตั้งอยู่ตามที่ต่างๆ ในไทยที่มีการเปลี่ยนมือ
ด้าน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร บอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ กรุงเทพมหานคร ก็รู้สึกกังวลใจว่าจะหลุดรอดมาใน กทม. จึงได้ประสานความร่วมมือกับกรมโรงงาน โดยจะเน้นตรวจโรงหล่อ 154 และโรงหลอม 94 แห่ง ปูพรมตรวจไปแล้วทั้งหมด แต่ไม่ได้พบอะไร แต่กลับมาพบจุดนี้ ซึ่งเป็นจุดที่เก็บของเก่า และหลังจากนี้จะมีการเพิ่มเป้าหมายเป็นจุดเก็บของเก่าด้วย
โดยขั้นตอนต่อไปจะต้องลุยตรวจในพื้นที่ กทม.โดยละเอียด และจะให้รูปพรรณกับเจ้าหน้าที่ของ กทม.ในการช่วยสังเกตุ แต่อย่างน้อยก็รู้สึกเบาใจได้ว่า โรงงานนี้ เป็นโรงงานที่เกี่ยวข้องกับสมุทรสาคร ไม่ใช่พึ่งเกิดมาใหม่ ส่วนการทำความเข้าใจกับชาวบ้านใกล้เคียงนั้น หลังจากนี้จะเก็บตัวอย่างน้ำ ตัวอย่างอากาศว่ามีการปนเปื้อนมากน้อยแค่ไหน และตรวจร่างกายกับพนักงานในโรงงานด้วย
นอกจากนี้ เรายังสำรวจรอบๆ โรงงานแห่งนี้ พบว่าเป็นของเครือญาติเจ้าของทั้งหมด และเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลไม่ได้มีบ้านเรือนประชาชนอื่นๆ อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดประกาศห้ามเข้าใช้สถานที่ดังกล่าวและอายัดกากแคดเมียมไว้ทั้งหมดแล้ว
สำหรับตัวเลขกากแคดเมียมทั้งหมด มาจาก จ.ตาก 13,800 ตัน พบที่ จ.ชลบุรี 4,400ตัน พบที่ บริษัทเจแอนด์บีฯ จ.สมุทรสาคร 65,00 ตัน บริษัทนายจาง จ.สมุทรสาคร 1,034 ตัน โกดังที่ อ.กระทุ่มแบน 470 ตัน และวันนี้ที่กรุงเทพฯ 150 ตัน.-414.-สำนักข่าวไทย