กรมชลฯ-ผู้ว่าฯ กทม. การันตีน้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ แน่นอน

กรมชลประทาน 2 ต.ค.-กรมชลฯ-ผู้ว่าฯ กทม. การันตีคนกรุงไม่ต้องกลุ้มใจ มั่นใจน้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ แน่นอน ยันสถานการณ์น้ำไม่เยอะเท่าปี 54

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตรวจราชการการบริหารจัดการน้ำ โดยมีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสุริยพล นุชอนงค์ รักษาการอธิบดีกรมชลประทาน รายงานสถานการณ์ และนายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี ร่วมต้อนรับด้วย


โดยรักษาการอธิบดีกรมชลประทาน รายงานสถานการณ์ภาพรวมตั้งแต่ต้นน้ำภาคกลาง รวมถึงพื้นที่กรุงเทพฯ พร้อมระบุช่วงหนึ่งว่า การันตีปีนี้น้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าคนกรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นห่วงกันเยอะว่าปีนี้จะท่วมหรือไม่ท่วม เวลาปล่อยน้ำได้มีการแจ้งชาวบ้านอยู่แล้วใช่หรือไม่ ซึ่งต้องแจ้งเตือนไว้ก่อน และตรงนี้ต้องฝากกระทรวงมหาดไทยในเรื่องอำนวยความสะดวกสบาย พี่น้องประชาชน เรื่องการแจ้งเตือนล่วงหน้าด้วย ทั้งนี้ห่วงในพื้นที่กรุงเทพฯ และในปีนี้ถ้าเทียบกับปี 2554 อยากให้เกิดความสบายใจ ซึ่งปี 2554 มีพายุเข้ามา 5 ลูกแต่วันนี้มีมาลูกเดียว และในปี 2554 เหลือพื้นที่เก็บน้ำเหลือ 1,000 กว่า แต่ตอนนี้เหลือ 6,000 กว่า ห่างจากปี 2554 เยอะมาก ปีนี้ปริมาณน้ำฝนปีนี้เยอะกว่าปกติ 2% แต่ในปี 2554 เยอะกว่าปกติประมาณ 25% ดังนั้นคนกรุงเทพฯ ที่กำลังกลุ้มใจน้ำจะท่วม ก็ไม่ต้องน่าเป็นห่วง


“ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ ที่ช่วยกันดูแลด้วย หากมีโครงการอะไรที่จะทำให้แก้ไขปัญหาระยะยาวได้ ก็ขอให้พิจารณาและเสนอมา และให้ดูในเรื่องพื้นที่การเกษตรของเกษตรกรด้วยว่าได้รับผลกระทบแค่ไหนจะได้พิจารณาเรื่องการเยียวยาต่อไป” นางสาวแพทองธาร กล่าว

ภายหลังติดตามสถานการณ์น้ำ น.ส.แพทองธาร ทวิตข้อความว่า ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีการระบายน้ำ กรมชลประทาน 1.) มอบอธิบดีกรมชลประทาน บริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือกระทบน้อยที่สุด
1.1) ให้กรมชลประทานบริหารจัดการเขื่อนเจ้าพระยาและผันน้ำเข้าฝั่งซ้าย (คลองชัยนาท – ป่าสัก) และฝั่งขวา (ปตร.พลเทพ และปตร.บรมธาตุ) ของเขื่อนเจ้าพระยา ให้มีความเหมาะสม และพิจารณาอิทธิพลการขึ้นลงของน้ำทะเลมาประกอบการระบายน้ำให้สอดคล้องด้วย
1.2) ประชาสัมพันธ์กับประชาชนที่อาศัยอยู่นอกคันกั้นน้ำ ตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในขณะนี้บริเวณจังหวัดอ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ได้รับทราบข้อมูลการปล่อยน้ำล่วงหน้าก่อนอย่างน้อย 1 วัน เพื่อรีบยกของต่างๆ ได้ทันต่อไป

2.) มอบกระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและดูแลให้การช่วยเหลือในลำดับแรกด้วย


3.) มอบผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี และอธิบดีกรมชลประทาน
3.1) เฝ้าระวังจุดฟันหลอ และเตรียมการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ
3.2) ทำการพร่องน้ำในคลองสาขาต่างๆ เพื่อรองรับน้ำหากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
3.3) ตรวจสอบความพร้อมเครื่องสูบน้ำและประตูระบายน้ำให้มีความพร้อมใช้งาน
3.4) เร่งกำจัดขยะ และผักตบชวา ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสูบน้ำและการระบายน้ำออกจากพื้นที่

4.) ตามที่ได้มีการมอบหมายการบริหารจัดการที่เขื่อนเจ้าพระยาและการผันน้ำออกด้านซ้ายและฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อให้กระทบกับพื้นที่ท้ายเขื่อนน้อยที่สุด และเฝ้าระวังบริเวณ อ.บางไทร อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีปริมาณน้ำน้อยประมาณ 53% ของลำน้ำ และการเตรียมการพร่องน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครเพื่อรองรับสถานการณ์ จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดน้ำท่วมขังแบบปี 2554 อย่างแน่นอน

ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานอย่างเต็มกำลังอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]