หลายสำนักวิจัยหวั่นโมเมนตัม ศก.ไทยแผ่ว กนง.อาจลดดอกเบี้ยปีนี้

กรุงเทพฯ 16 ก.พ.- “กรุงไทย” คาดจีดีพีไทยปีนี้โต 2.7% แต่ยูโอบียังประเมินโต 3.6 % แนะภาคธุรกิจเตรียมรับมือเศรษฐกิจโลกรีเซตครั้งใหม่ ด้าน SCB EIC คาดปี กนง.ลดดอกเบี้ย หลังโมเมนตัม ศก.ไทย-เงินเฟ้อแผ่ว


ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวอย่างจำกัดที่ระดับ 2.7% เนื่องจากการส่งออกฟื้นตัวได้จำกัด อาจขยายตัวเพียง 1.8% จากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักชะลอตัว โดยเฉพาะสหรัฐ และจีน ขณะที่รายได้จากภาคการท่องเที่ยวยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็น 34 ล้านคน แต่ยังต่ำกว่าปกติที่ 40 ล้านคน แม้จะมีนโยบายฟรีวีซ่า นอกจากนี้ ไทยย้งมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูง การบริโภคภาคเอกชนอาจชะลอตัว จากภาระหนี้ครัวเรือนในระดับสูง ขณะที่ธุรกิจเอกชนบางส่วนเผชิญความยากลำบากในการชำระคืนหนี้ โดยในส่วนที่ระดมทุนผ่านตราสารหนี้ อาจมีต้นทุนการออกหุ้นกู้และการชดเชยความเสี่ยงที่สูงมากขึ้น ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกเสี่ยงรีเซตครั้งใหญ่ จากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ภาวะการเงินตึงตัวทั่วโลก และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนในระยะข้างหน้า แนะผู้ประกอบการกระจายตลาดลดความเสี่ยง ธุรกิจรายใหญ่และเอสเอ็มอีร่วมมือเพิ่มขีดแข่งขัน

ด้านธนาคารยูโอบี (ประเทศไทย) ประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2567 โดยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 3.6% ปัจจัยหลักที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจไทยคือ ภาคส่งออกสินค้า และภาคท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มปรับดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจ้างงานและสร้างรายได้ให้แก่แรงงาน โดยเฉพาะในภาคบริการ ควบคู่ไปกับการบริโภคภาคครัวเรือนที่จะยังคงแข็งแกร่งและได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ปรับดีขึ้น พร้อมกับการฟื้นตัวของอุปสงค์จากต่างประเทศ จะเป็นปัจจัยพื้นฐานเชิงบวกส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งแกร่งขึ้น รวมไปถึงมี เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทต่างชาติที่เดินหน้าย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากผลกระทบจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ประเมินค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น และอยู่ที่ระดับ 34.8 บาท/ดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งปีแรก และมีแนวโน้มแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐในครึ่งปีหลัง


ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ช่วงต้นปี ยังมีแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนที่มีแนวโน้มขยายตัวดี ตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่เร่งตัวจากนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยด้านอุปทานยังอ่อนแอ โดยเฉพาะภาคการผลิตที่หดตัวต่อเนื่องในหลายอุตสาหกรรม และยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน มองไปข้างหน้า เงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ในช่วงไตรมาส 2 จากแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปทานเป็นหลัก ประกอบกับภาครัฐอาจทยอยปรับลดความช่วยเหลือด้านพลังงานในไตรมาส 2 หลังราคาพลังงานโลกปรับลดลง และกองทุนน้ำมันเริ่มมีภาระหนี้สูงขึ้นมาก SCB EIC ยังคาดว่าจะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ จากสาเหตุ ดังนี้

  1. เศรษฐกิจและเงินเฟ้อแผ่วลงมากในปีนี้ เช่น หากเศรษฐกิจไทยเติบโตเหลือ 2.5% และแนวโน้มเงินเฟ้อต่ำกว่ากรอบ 1-3% มาก
  2. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สอดคล้องกับศักยภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (Neutral rate) ที่ต่ำลงจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง ควรมีระดับต่ำลงกว่าที่เคยประเมินเอาไว้ สะท้อนจากมติ กนง. ไม่เป็นเอกฉันท์ในผลการประชุมวันที่ 7 ก.พ. 67 ที่เริ่มคำนึงถึงประเด็นนี้ สำหรับเงินบาทอ่อนค่าเร็วในช่วงต้นปี แต่แรงกดดันเงินบาทอ่อนค่า จะเริ่มลดลง เนื่องจากตลาด Price out การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ออกไปมากแล้ว และแรงกดดันด้านอ่อนค่าของสกุลเงินหลักในภูมิภาคจะลดลง ทั้งนี้ ยังคงมุมมองเงินบาทจะทยอยแข็งค่าได้สู่ระดับ 32.50-33.50 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นปีนี้

ขณะที่ธนาคารกลางกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก จะเริ่มปรับทิศการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาส 2 โดยประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในไตรมาส 2 ตามทิศทางเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอลง ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีแนวโน้มยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ (Negative interest rate) ในไตรมาส 3 (หรืออย่างเร็วไตรมาส 2) ขณะที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ยังมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่อง ผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และอัตราส่วนการสำรองของธนาคารพาณิชย์ขั้นต่ำ (RRR). -511- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารทำร้าย

ทบ.ตั้ง กก.สอบปมกรมยุทธศึกษาทหารบก ทำร้ายผู้ใต้บังคับบัญชา

“ธนเดช” เผย กมธ.ทหาร รับเรื่องร้องเรียนเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา ขณะ ทบ. ตั้งกรรมการสอบแล้ว หวังเป็นตัวอย่างการลงโทษผู้บังคับบัญชาระดับสูงหากพบผิดจริง

“บิ๊กแจ๊ส” ลั่นพร้อมดูแลสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ให้เป็นปอดประชาชน

“บิ๊กแจ๊ส” ลั่นหากได้รับถ่ายโอน อบจ.ปทุมฯ พร้อมจัดงบดูแลสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ให้เป็นปอดประชาชน หลังขาดพื้นที่ออกกำลังกาย แต่จะกระทบความมั่นคงหรือไม่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องคุยกันต่อ

ข่าวแนะนำ

กฎหมายเปิดช่อง ริบรถพวกหัวร้อนบนถนนได้

จากคลิปรถเทสล่า ขับปาดหน้าบนทางด่วน ศาลสั่งจำคุก 1 เดือนคนขับ โทษจำรอลงอาญา 1 ปี แต่ที่สังคมต้องตระหนัก คือ ศาลยังสั่งริบรถเทสล่า มูลค่าเกือบ 2 ล้านคันนี้ด้วย วันนี้คนขับออกมาเปิดใจ พร้อมขอโทษคู่กรณี ขณะที่อัยการระบุ กฎหมายเปิดช่องให้ริบรถได้ เตือนผู้ขับขี่ใช้สติมากกว่าอารมณ์

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

นายกฯ ถก ก.ตร. จับตาแต่งตั้งนายพลสีกากี 25 ตำแหน่ง

นายกฯ นั่งประธานประชุม ก.ตร. จับตาแต่งตั้งนายพล ระดับ “รอง ผบ.ตร.-ผู้ช่วย ผบ.ตร.-ผู้บัญชาการ” รวม 25 ตำแหน่ง กำชับพิจารณาให้รอบคอบ-ตรงกรอบกฎหมาย