บราซิลประท้วงต้านกฎหมายนิรโทษกรรม

บราซิเลีย 22 ก.ย. – ชาวบราซิลหลายหมื่นคนออกมาเดินขบวนตามท้องถนนในเมืองใหญ่ๆ ในวันอาทิตย์ เพื่อประท้วงความพยายามของฝ่ายนิติบัญญัติที่จะปกป้องอดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโร และสมาชิกสภานิติบัญญัติจากกระบวนการยุติธรรม โดยนับเป็นการประท้วงของกลุ่มฝ่ายซ้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเซาเปาโล ประเมินจำนวนผู้ชุมนุมว่า มีผู้ประท้วงราว 40,000 คน เข้าร่วมการประท้วงบนถนนอเวนิดา เปาลีสตา (Avenida Paulista) ในเมืองเซาเปาโล เพื่อต่อต้านความพยายามในสภา และเพื่อเฉลิมฉลองการตัดสินลงโทษนายโบลโซนาโร ครั้งนี้นับเป็นการชุมนุมที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุดของกลุ่มฝ่ายซ้ายนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 ซึ่งในครั้งนั้นก็มีผู้คนจำนวนมากออกมารวมตัวกันบนถนนสายเดียวกันนี้ เพื่อเฉลิมฉลองการได้รับเลือกตั้งของประธานาธิบดีลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ผู้จัดการชุมนุมได้คลี่ธงชาติบราซิลขนาดเกือบ 15 เมตร ซึ่งมีข้อความคัดค้านการนิรโทษกรรม “No Amnesty’ ซึ่งต่างจากการประท้วงของกลุ่มที่สนับสนุนนายโบลโซนาโร เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ที่ผู้ชุมนุมได้กางธงชาติสหรัฐขนาดใหญ่ เพื่อเฉลิมฉลองความพยายามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ในการแทรกแซงและกดดันผู้พิพากษาบราซิล และกระบวนการยุติธรรมของประเทศ เพื่อช่วยเหลือนายโบลโซนาโร การประท้วงครั้งนี้ซึ่งจัดโดยกลุ่มเคลื่อนไหวทางสังคม สหภาพแรงงาน และพรรคการเมือง ได้ประณามสมาชิกสภาที่พยายามหลีกเลี่ยงผลทางกฎหมายสำหรับตนเองและสำหรับนายโบลโซนาโร ซึ่งถูกตัดสินจำคุกจากข้อหาสมคบคิดก่อรัฐประหารหลังจากที่ผู้สนับสนุนของเขาบุกรุกอาคารของรัฐบาลภายหลังความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งที่จัดขึ้นในปี 2022 เหตุการณ์ในวันอาทิตย์ถือเป็นการประท้วงครั้งสำคัญครั้งแรกนับตั้งแต่การตัดสินลงโทษนายโบลโซนาโร ในเดือนนี้ โดยมีจำนวนผู้เข้าร่วมใกล้เคียงกับการประท้วงของกลุ่มฝ่ายขวาที่ต่อต้านการลงโทษเขาในเมืองใหญ่ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกที่ชัดเจนในหนึ่งในประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก […]

ผู้ประท้วง ‘เจนซี’ ในเปรูปะทะตำรวจในกรุงลิมา

ลิมา 21 ก.ย. – ผู้ประท้วงหลายร้อยคนส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นหนุ่ม-สาวปะทะกับตำรวจในกรุงลิมาของเปรูในวันเสาร์ ขณะที่การเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลประธานาธิบดีดินา โบลัวร์เต ทวีความรุนแรงขึ้น ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและโล่เพื่อผลักดันกลุ่มคนที่จัตุรัสซานมาร์ตินพลาซา ที่ผู้ประท้วงรวมตัวกันเพื่อคัดค้านการปฏิรูปเงินบำนาญล่าสุดและประณามอัตราอาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้น การเดินขบวนซึ่งถูกเรียกว่า “การเดินขบวนของคนรุ่น ซี” (Generation Z March) นี้จัดขึ้นโดยกลุ่มนักศึกษาและนักกิจกรรม ซึ่งกล่าวหารัฐบาลว่าประสบความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาความไม่มั่นคงและภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ขณะเดียวกันก็ใช้กำลังเกินกว่าเหตุในการปราบปรามการประท้วงที่ผ่านมา ผู้ประท้วงยังได้นำสัญลักษณ์การต่อต้านมาใช้ด้วย ซึ่งรวมถึงธงจากการ์ตูนมังงะเรื่อง “วันพีซ” (One Piece) ที่ถูกนำไปใช้ในการประท้วงอื่นๆ ทั่วโลกในช่วงฤดูร้อนปี 2025 การประท้วงครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโบลัวร์เตต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องในการจัดการกับปัญหาความมั่นคงของประชาชนและนโยบายทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่าการประท้วงในลักษณะเดียวกันจะยังคงดำเนินต่อไปในวันอาทิตย์.-813.-สำนักข่าวไทย

ม็อบนักศึกษาติมอร์-เลสเตประท้วงรัฐบาลแจกรถฟรี สส.

ดิลี 18 ก.ย. – รัฐบาลติมอร์-เลสเต ยกเลิกแผนการแจกรถยนต์ฟรีและให้เงินบำนาญตลอดชีพแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังม็อบนักศึกษาออกมาประท้วงต่อต้านอย่างรุนแรง หวั่นซ้ำรอยเนปาล ผู้ประท้วงจำนวนหลายพันคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักศึกษา ออกมาเดินขบวนในกรุงดิลี ของติมอร์-เลสเตตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อประท้วงที่รัฐบาลมีแผนที่จะซื้อรถยนต์คันใหม่ เป็นรุ่นโตโยต้า พราโด เอสยูวี แจกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สส. ทั้ง 64 คนในสภา ผู้ประท้วงคนก่อเหตุจุดไฟเผายางรถยนต์ และเผารถยนต์ของรัฐบาล ขณะที่ตำรวจตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา จนในที่สุดหลายชั่วโมงหลังจากนั้น รัฐบาลก็ยอมยกเลิกแผนแจกรถตามที่ผู้ประท้วงต้องการ อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ ยังมีผู้ชุมนุมประมาณ 2,500 คน ออกมารวมตัวประท้วงในเมืองหลวงต่อ เนื่องจากพวกเขาต้องการให้รัฐบาลยกเลิกการจ่ายเงินบำนาญตลอดชีวิตให้แก่สมาชิกสภาที่เกษียณอายุด้วย ต่อมา สมาชิกรัฐสภาจากพรรคการเมืองต่างๆ ยอมให้ตัวแทนนักศึกษาในกลุ่มผู้ประท้วงเข้าหารือ ก่อนลงนามในข้อตกลงว่ารัฐบาลจะยอมยกเลิกแผนการดังกล่าวด้วยเช่นกัน ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงพอใจยอมสลายตัวไปในช่วงเย็น สมาชิกสภานิติบัญญัติในติมอร์-เลสเต ได้เงินเดือนประมาณปีละ 36,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1 ล้าน 1 แสน 4 หมื่นบาท ตามข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยเมื่อปี 2566 มากกว่ารายได้เฉลี่ยของชาวติมอร์-เลสเตในประเทศเกิน 10 เท่า โดยรายงานของรัฐบาลในปี […]

ท่องเที่ยวเนปาลกระทบหนักจากเหตุประท้วงใหญ่

กาฐมาณฑุ 17 ก.ย. – การท่องเที่ยวในเนปาลได้รับผลกระทบจากการประท้วงนองเลือดต่อต้านรัฐบาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยอดจองห้องพักและโรงแรมหายไปกว่าครึ่งทั้งที่อยู่ในช่วงไฮซีซั่น แม้ผู้คนในกรุงกาฐมาณฑุ จะเริ่มออกมาใช้ชีวิตกันตามปกติอีกครั้งตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังผ่านพ้นเหตุการณ์ประท้วงนองเลือดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ภาพรวมบรรยากาศในเมืองหลวงของเนปาลก็ยังถือว่าค่อนข้างเงียบเหงา ขณะที่ยังสามารถพบเห็นร่องรอยความเสียหายของอาคารและยวดยานจำนวนมากที่ถูกวางเพลิงเผาทำลายในช่วงการประท้วง ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 72 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน การประท้วงต่อต้านรัฐบาลซึ่งมีแกนนำเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือกลุ่ม Gen Z ที่ไม่พอใจคำสั่งห้ามใช้งานแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ของรัฐบาล และขยายวงกลายเป็นการประท้วงต่อต้านการทุจริตและไม่พอใจกลุ่มอภิสิทธิ์ชนรวมถึงความไม่เท่าเทียมทางสังคม เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเนปาล โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากการประท้วงเกิดขึ้นในช่วงไฮซีซั่นของเนปาล ทำให้ในช่วงนี้แทบไม่เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติในกรุงกาญมาณฑุ ขณะที่ยอดจองห้องพักตามโรงแรมต่างๆ หายไปกว่า 30-50 % ในเดือนนี้ ส่วนของเดือนหน้าถูกยกเลิกทั้งหมด โรงแรมหลายแห่งได้รับความเสียหายจากการประท้วง การท่องเที่ยวแบบเดินป่าปีนเขาก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้บริการลดลง 30% ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่มักจะเที่ยวชมกรุงกาฐมาณฑุก่อนจะเดินทางไปยังเมืองอื่นๆ แต่เมื่อการประท้วงในเมืองหลวงเนปาลรุนแรง ทำให้หลายประเทศออกคำเตือนห้ามเดินทางมายังกรุงกาฐมาณฑุเนื่องจากความไม่ปลอดภัย ภาคการท่องเที่ยวถือเป็นอุตสากรรมหลักที่สร้างรายได้และเม็ดเงินต่อเนปาลมากกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 8% ของจีดีพีทั้งประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการหวังว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาเยือนเนปาลอีกครั้ง หลังจากการประท้วงยุติลงและสถานการณ์ทั่วไปในตอนนี้เริ่มกลับมาเป็นปกติ.-815.-สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : บทเรียนจากเนปาล โมเดลลงถนนไล่รัฐบาล

เนปาล 12 ก.ย. – เนปาลได้ผ่านการประท้วงรุนแรงที่ทำให้ทั่วโลกตื่นตระหนกมาแล้ว รายงาน 9 ทันโลก วันนี้ พาไปหาความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์การเมืองของประเทศอื่น เพื่อถอดบทเรียน. – สำนักข่าวไทย

คาดมีการแต่งตั้ง รก.นายกฯ เนปาลวันนี้

กาฐมาณฑุ 12 ก.ย. – แหล่งข่าวในกลุ่มผู้ประท้วง “เจนซี” (Gen Z) ในเนปาลเผยจะมีการแต่งตั้งรักษาการนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ขณะที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องให้มีการยุบสภาด้วย แหล่งข่าวในกลุ่มผู้ประท้วง Gen Z เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่านางสุชีลา คาร์กี อดีตประธานศาลฏีกาวัย 73 ปีจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการในวันนี้ ตามข้อเสนอของกลุ่มผู้ประท้วง หลังจากมีการประชุมกันที่ทำเนียบประธานาธิบดีระหว่างประธานาธิบดีกับนางการกีและผู้บัญชาการกองทัพ โดยมีตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าร่วมด้วย คาดว่าการแต่งตั้งน่าจะมีขึ้นในช่วงสายวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อวานนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยังเรียกร้องให้มีการยุบสภาด้วย โดยจะไม่ยุบรัฐธรรมนูญแต่ยอมรับว่าอาจจะต้องมีการแก้ไขในบางมาตรา แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่าจะมีการยุบสภาหรือไม่ ด้านประธานาธิบดีรามจันทรา เพาเดล ออกแถลงการณ์ระบุว่ากำลังพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่ยากลำบากภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญเพื่อปกป้องประชาธิปไตย รักษาสันติภาพและความสงบเรียบร้อย โดยขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นว่าจะต้องมีทางออกในการแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด สถานการณ์ในกรุงกาฐมาณฑุวันนี้เริ่มกลับสู่ภาวะปกติแล้ว โรงเรียนและร้านค้าเริ่มกลับมาเปิดทำการ ทหารยังคงลาดตระเวนตามที่ต่างๆ แต่มีจำนวนลดน้อยลงกว่าวันก่อน ขณะที่ถนนบางสายยังถูกปิด ด้านโฆษกสนามบินเปิดเผยว่าเที่ยวบินระหว่างประเทศกลับมาให้บริการได้แล้ว ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 34 คนและมีผู้บาดเจ็บกว่า 1,300 คน.816.-สำนักข่าวไทย

‘เจนซี’ เนปาลเรียกร้องยุบสภา-ตายเพิ่มเป็น 34 ราย

กาฐมาณฑุ 12 ก.ย. -ยอดผู้เสียชีวิตจากการประท้วงรุนแรงในเนปาล เพิ่มเป็น 34 ราย ผู้นำเยาวชนเรียกร้องให้ยุบสภา และสนับสนุนอดีตประธานศาลฏีกาหญิง เป็นผู้นำประเทศชั่วคราว หลังการประท้วงรุนแรง 2 วันจนนายกรัฐมนตรีต้องลาออก โอจาชวี ราช ทาปา ผู้นำเยาวชนเนปาล เรียกร้องให้ยุบสภาหลังการเจรจากับกองทัพในกรุงกาฐมาณฑุเมื่อวานนี้ และบอกว่า พวกเขาสนับสนุนให้ สุชิลา คาร์กี อดีตประธานศาลฎีกา เป็นหัวหน้ารัฐบาลรักษาการ พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกรัฐธรรมนูญ แต่เสริมว่ายังมีสิ่งที่ต้องแก้ไขอีกมาก ขณะที่แกนนำเยาวชนอีกคนอ้างว่า พวกเขาได้ประท้วงอย่างสันติหลังจากได้รับอนุญาตจากนายกเทศมนตรีของกรุงกาฐมาณฑุ แต่รัฐบาลกลับสั่งให้ตำรวจปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่พวกเขาเพื่อหวังสลายการชุมนุมจนนำไปสู่ความรุนแรงเป็นเหตุจลาจลนองเลือด เผาทำลายอาคารรัฐสภา จนนายกรัฐมนตรี เคพี ชาร์มา โอลี ต้องลาออก ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากการประท้วงเพิ่มเป็น 34 ราย บาดเจ็บ 1,033 คน ส่วนเมื่อวานนี้ ทหารยังคงลาดตระเวนตามท้องถนนที่เงียบสงบของกรุงกาฐมาณฑุ ร้านค้าและโรงเรียนยังคงปิด ส่วนหน่วยงานบริการสำคัญบางแห่งกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง เหตุความวุ่นวายในเนปาลรอบนี้ มีที่มาจากการที่รัฐบาลสั่งห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ถูกยกเลิกไปหลังจากมีผู้เสียชีวิต 19 รายในวันจันทร์ที่ผ่านมา ก่อนที่การประท้วงจะขยายไปเป็นการต่อต้านการทุจริตของนักการเมืองและข้าราชการ รวมถึงบรรดาลูกท่านหลานเธอและอภิสิทธิ์ชน ที่นำเสนอชีวิตหรูหราสุขสบายของพวกเขาผ่านทางสื่อออนไลน์ ในขณะที่ชาวเนปาลจำนวนมากยังมีชีวิตที่ยากลำบาก การประท้วงนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นการเคลื่อนไหวของคนเจนซี […]

กองทัพเนปาลเจรจากับกลุ่มผู้ประท้วงเพื่อหาผู้นำชั่วคราว

กาฐมาณฑุ 11 ก.ย.- โฆษกกองทัพเนปาลกล่าวว่า กองทัพจะกลับมาเจรจาอีกครั้งในวันพฤหัสบดีนี้กับกลุ่มผู้ประท้วง “เจนซี” (Gen Z) เพื่อตัดสินใจเลือกผู้นำชั่วคราวคนใหม่ของประเทศ หลังจากเหตุประท้วงรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 30 ราย และส่งผลให้นายกรัฐมนตรีเคพี ชาร์มา โอลี ต้องลาออกจากตำแหน่ง โฆษกกองทัพเนปาลเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ โดยอ้างถึงการหารือเรื่องผู้นำชั่วคราวคนใหม่ว่า การเจรจาเบื้องต้นกำลังดำเนินอยู่และจะดำเนินต่อไปในวันนี้ กองทัพกำลังพยายามทำให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติอย่างช้าๆ กระทรวงสาธารณสุขของเนปาลระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการประท้วงเพิ่มขึ้นเป็น 30 รายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1,033 ราย แถลงการณ์ของกองทัพระบุว่า คำสั่งห้ามชุมนุมจะยังคงมีผลบังคับใช้ในกรุงกาฐมาณฑุและพื้นที่ใกล้เคียงเกือบตลอดทั้งวัน ขณะที่โฆษกสนามบินกล่าวว่า เที่ยวบินระหว่างประเทศยังคงเปิดให้บริการตามปกติ การประท้วงครั้งนี้ถูกเรียกขานว่าเป็นการประท้วงเจนซี เนื่องจากผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่แสดงความไม่พอใจต่อการที่รัฐบาลไม่สามารถต่อสู้กับการทุจริตและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจได้ นายรามาน กุมาร การ์นา เลขาธิการสมาคมเนติบัณฑิตยสภาของศาลฎีกา ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงมาขอคำปรึกษา กล่าวว่า กลุ่มผู้ประท้วงได้เรียกร้องให้นางสุชีลา คาร์กี อดีตหัวหน้าผู้พิพากษาศาลฎีกา มาเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว ซึ่งมีรายงานข่าวว่า เธอตอบตกลงคำเชิญมาเป็นนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลแล้ว การประท้วงที่ทำให้สถานที่ของรัฐหลายแห่ง ตั้งแต่ศาลฎีกาไปจนถึงบ้านพักของรัฐมนตรี รวมถึงบ้านพักส่วนตัวของอดีตนายกรัฐมนตรีโอลีถูกเผาไหม้ และการประท้วงได้สงบลงหลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้ลาออกนอกจากนี้ สถานประกอบการทางธุรกิจหลายแห่งก็ถูกจุดไฟเผาด้วย เช่น โรงแรมหลายแห่งในเมืองท่องเที่ยวโปขรา และโรงแรมฮิลตันในกรุงกาฐมาณฑุ.-813.-สำนักข่าวไทย

Protesters demand Macron resign

ผู้ประท้วงในฝรั่งเศสประกาศ “ขวางทุกอย่าง”

ปารีส 10 ก.ย.- ผู้ชุมนุมจัดการประท้วงทั่วฝรั่งเศสในวันนี้ ด้วยการกีดขวางการสัญจร เผาถังขยะ และปะทะกับตำรวจเป็นระยะ ๆ ตามที่ประกาศจะ “ขวางทุกอย่าง” เพื่อแสดงความโกรธแค้นนักการเมืองและแผนการตัดลดงบประมาณ ทางการฝรั่งเศสส่งเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงกระจายกำลังไปช่วยรื้อถอนสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ออกโดยเร็วที่สุด และมีการจับกุมผู้ประท้วงจำนวนหนึ่ง ตำรวจกรุงปารีสเปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ควบคุมตัวผู้ประท้วงแล้ว 132 คน ตัวแทนสหภาพแรงงานการขนส่งมวลชนที่ประท้วงในกรุงปารีสระบุว่า ปัญหาอยู่ที่ประธานาธิบดีเอมานูว์แอล มาครงและวิธีการบริหารประเทศของเขา ไม่ใช่คณะรัฐมนตรี การชุมนุมประท้วงเกิดขึ้นในขณะที่การเมืองของฝรั่งเศสตกอยู่ในความโกลาหล หลังจากรัฐสภาลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บายรูเมื่อ 2 วันก่อน เนื่องจากเขาเตรียมจะตัดลดงบประมาณรายจ่ายเพื่อควบคุมหนี้สินประเทศ ต่อมาในวันรุ่งขึ้นประธานาธิบดีมาครงได้แต่งตั้งนายเซบาสเตียน เลอกอร์นู คนสนิทของเขาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปี สร้างความไม่พอใจให้แก่นักการเมืองฝ่ายซ้าย  นักวิจัยและเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสกล่าวว่า “ขวางทุกอย่าง” (Block Everything) เป็นคำกว้าง ๆ ที่ใช้แสดงออกถึงความไม่พอใจกลุ่มชนชั้นนำผู้ปกครองประเทศที่ล้มเหลวแล้วพร่ำสอนให้คนประหยัดรัดเข็มขัด เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่มีแกนนำอย่างชัดเจน และจัดขึ้นเฉพาะกิจผ่านสื่อสังคมออนไลน์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมโดยกลุ่มฝ่ายขวา แต่หลังจากนั้นกลับถูกกลุ่มฝ่ายซ้ายและซ้ายจัดเข้ามายึดบทบาทแทน การประท้วงครั้งนี้ถูกเปรียบเทียบว่าคล้ายกับการประท้วง “เสื้อกั๊กเหลือง” (Yellow Vest) ปี 2561 ที่เริ่มจากการประท้วงการขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิง แล้วขยายวงกว้างเป็นการประท้วงนายมาครงและแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจ.-814.-สำนักข่าวไทย

ทหารคุมเข้มรัฐสภาเนปาล ลาดตระเวนเมืองหลวง

กาฐมาณฑุ 10 ก.ย. – ทหารได้เข้าคุ้มกันรัฐสภาของเนปาลและลาดตระเวนตามท้องถนนที่อยู่ในสภาพเงียบสงบในกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของประเทศในวันนี้ ท่ามกลางมาตรการเคอร์ฟิวที่บังคับใช้ หลังจากเกิดเหตุการประท้วงต่อต้านการทุจริตเป็นเวลา 2 วัน ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต และส่งผลให้นายเคพี ชาร์มา โอลิ นายกรัฐมนตรีต้องลาออกจากตำแหน่ง เหตุการณ์ความไม่สงบในเนปาลเริ่มต้นขึ้นจากการที่รัฐบาลสั่งห้ามการใช้โซเชียลมีเดียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้จะมีการยกเลิกคำสั่งในภายหลัง แต่ประชาชนก็ยังเดินหน้าประท้วงรุนแรง หลังจากมีผู้เสียชีวิตถึง 19 คนเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อควบคุมฝูงชน บริเวณรอบอาคารรัฐสภาเต็มไปด้วยซากรถที่ถูกเผาไหม้และเศษเหล็กที่บิดเบี้ยว หลังจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของกองทัพพยายามดับเพลิงที่โถงหลักของอาคารรัฐสภา ขณะที่ตัวอาคารด้านนอกมีร่องรอยการถูกไฟไหม้จากการที่ผู้ประท้วงจุดไฟเผาเมื่อวันอังคาร โฆษกสภาผู้แทนราษฎรกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์จากบ้านพักของเขาในกรุงกาฐมาณฑุว่า เขาได้รับแจ้งจากหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของรัฐสภาว่าไฟได้ทำลายโครงสร้างทั้งหมด ไม่มีอะไรเหลือแล้ว อาคารของรัฐบาลอีกหลายแห่ง ตั้งแต่ศาลฎีกาไปจนถึงบ้านพักของรัฐมนตรี รวมถึงบ้านพักส่วนตัวของนายโอลิ ก็ถูกจุดไฟเผาในระหว่างการประท้วงเมื่อวันอังคาร โดยความไม่สงบเพิ่งจะเกิดขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรีประกาศลาออก ทางด้านโฆษกสนามบินระบุว่า เที่ยวบินได้รับผลกระทบ โดยสนามบินหลักในกรุงกาฐมาณฑุต้องปิดให้บริการจนถึงเวลา 18.00 น. หรือ ตรงกับ 19.15 น. ตามเวลาในประเทศไทย รถหุ้มเกราะเฝ้าระวังอยู่บนถนนที่เงียบสงบ ร้านค้าและตลาดปิดทำการ ขณะที่รถดับเพลิงก็กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามจุดต่างๆ และกระบวนการเคลียร์เส้นทางก็กำลังดำเนินอยู่เช่นกัน โฆษกกองทัพกล่าวว่า กองทัพกำลังพยายามทำให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติก่อน ทหารมุ่งมั่นที่จะปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมเสริมว่าผู้ต้องขังได้จุดไฟเผาเรือนจำในกรุงกาฐมาณฑุก่อนที่กองทัพจะเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ สื่อท้องถิ่นยังรายงานด้วยว่ามีการเตรียมการให้เจ้าหน้าที่และผู้ประท้วงได้เจรจากัน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียด นายบาลาแรม เคซี […]

ทหารเนปาลลาดตระเวนกรุงกาฐมาณฑุหลังการประท้วงรุนแรง

กาฐมาณฑุ 10 ก.ย. – ทหารเนปาลได้ออกลาดตระเวนตามท้องถนนในกรุงกาฐมาณฑุ ท่ามกลางมาตรการเคอร์ฟิวที่ประกาศใช้แบบไม่มีกำหนดในเมืองหลวงของเนปาล หลังจากการประท้วงรุนแรงต่อต้านการทุจริตที่ดำเนินมาสองวันและทำให้มีผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีเคพี ชาร์มา โอลิ ต้องลาออกจากตำแหน่ง เหตุการณ์ความไม่สงบครั้งนี้ถือเป็นความวุ่นวายที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีของเนปาล โดยมีชนวนเหตุมาจากการสั่งห้ามใช้โซเชียลมีเดียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแม้จะมีการยกเลิกคำสั่งในภายหลังแต่การประท้วงยังคงดำเนินต่อไปและลุกลามรุนแรง โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 19 รายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องจากตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อควบคุมฝูงชน โฆษกกองทัพเนปาลกล่าวในวันพุธว่า กองทัพกำลังพยายามทำให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ทหารมุ่งมั่นที่จะปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ในวันนี้ไม่มีรายงานการประท้วงในเมืองหลวง แต่สื่อท้องถิ่นระบุว่ามีผู้ที่พยายาม “สร้างความวุ่นวาย” บริเวณชานเมืองกาฐมาณฑุประมาณ 25 คนถูกจับกุม อาคารของรัฐบาลหลายแห่ง ตั้งแต่ศาลฎีกาและรัฐสภาไปจนถึงบ้านพักของรัฐมนตรี รวมถึงบ้านพักส่วนตัวของนายโอลิ ถูกเผาทำลายในระหว่าการประท้วงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยสถานการณ์เพิ่งจะสงบลงหลังจากที่นายโอลิประกาศลาออกและมีรายงานในสื่อท้องถิ่นว่า ขณะนี้กำลังมีการเตรียมการเพื่อให้เจ้าหน้าที่และผู้ประท้วงได้เจรจากัน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจน ผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่แสดงความไม่พอใจต่อสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าความล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ปัญหาการทุจริตและการส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจ ปัญหาการว่างงานและไม่มีงานให้ทำเป็นสาเหตุให้คนหนุ่มสาวชาวเนปาลหลายล้านคนต้องเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย ตะวันออกกลาง และเกาหลีใต้ โดยส่วนใหญ่ทำงานในไซต์ก่อสร้าง เพื่อส่งเงินกลับบ้าน เนปาลซึ่งตั้งอยู่ระหว่างอินเดียและจีน ต้องเผชิญกับความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจมาตั้งแต่มีการล้มเลิกระบอบกษัตริย์จากการประท้วงในปี 2008 คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอินเดียก็ได้มีการประชุมเมื่อค่ำวันอังคารเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้าน นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ในเวลาต่อมาว่า เสถียรภาพ สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเนปาลมีความสำคัญสูงสุด เขาขอเรียกร้องต่อชาวเนปาลทุกคนให้รักษาความสงบเรียบร้อย.-813.-สำนักข่าวไทย

ยูเอ็นประณามเหตุความรุนแรงในเนปาล

กาฐมาณฑุ 10 ก.ย. – นายโวลเคอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้ออกแถลงการณ์ในวันอังคารประณามเหตุความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ที่เกิดขึ้นในเนปาล และเรียกร้องให้มีการสอบสวนการเสียชีวิตของผู้ประท้วงระหว่างการเดินขบวนต่อต้านการทุจริตที่นำโดยกลุ่มคนหนุ่มสาว การประท้วงครั้งนี้ส่งผลให้นายเคพี ชาร์มา โอลิ นายกรัฐมนตรีเนปาล ต้องลาออกจากตำแหน่งหลังจากที่ผู้ประท้วงได้ฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิวและปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันก่อนหน้ามีผู้เสียชีวิตจากการประท้วงถึง 19 คน ชนวนเหตุสำคัญของการประท้วงมาจากการที่รัฐบาลของนายโอลิสั่งห้ามใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งแม้จะมีการยกเลิกคำสั่งในภายหลัง แต่ความรุนแรงก็ยังคงดำเนินต่อไป โดยมีผู้บาดเจ็บกว่า 100 คน และผู้เสียชีวิตรวม 19 คน หลังจากเจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางสลายการชุมนุม เหตุการณ์ความไม่สงบครั้งนี้ถือเป็นความวุ่นวายครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีของเนปาล ที่เป็นประเทศที่ยากจนในเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเผชิญกับความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ยกเลิกระบอบกษัตริย์ในปี 2008 กลุ่มคนหนุ่มสาวชาวเนปาลจำนวนมากต่างไม่พอใจกับปัญหาการว่างงาน และหลายล้านคนต้องเดินทางไปทำงานในต่างประเทศเพื่อหาเลี้ยงชีพและส่งเงินกลับบ้านเกิด.-813.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 126
...