ตำรวจอินโดฯ ใช้แก๊สน้ำตากับผู้ประท้วงใกล้มหาวิทยาลัย

จาการ์ตา 2 ก.ย. (รอยเตอร์) – กลุ่มนักศึกษาและเจ้าหน้าที่กล่าววันอังคารว่า ตำรวจอินโดนีเซียได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงใกล้กับมหาวิทยาลัยสองแห่งในเมืองใหญ่แห่งหนึ่งในภูมิภาค ซึ่งเป็นการเพิ่มความตึงเครียดใหม่ให้กับการประท้วงรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและกระทบเสถียรภาพของประเทศมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว องค์กรนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอิสลามแห่งบันดุง (Islamic University of Bandung) หรือที่รู้จักกันในชื่อท้องถิ่นว่า “ยูนิสบา” UNISBA และมหาวิทยาลัยปาซุนดัน (Pasundan University) ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงจาการ์ตาไปทางตะวันตกมากกว่า 140 กิโลเมตร ระบุผ่านทางอินสตาแกรมว่า เจ้าหน้าที่ได้กระป๋องแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ประท้วงใกล้กับมหาวิทยาลัยเมื่อเย็นวันจันทร์ ในขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้บุกเข้าไปในมหาวิทยาลัย แต่พยายามสลายกลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่ใช่นักศึกษา ซึ่งกำลังหาที่หลบภัยภายในมหาวิทยาลัย เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านั้นได้ปิดกั้นถนนในพื้นที่ นายฮาริทส์ นูมาน คณบดีของยูนิสบากล่าวสอดคล้องกับแถลงการณ์ของตำรวจ พร้อมเสริมว่ามหาวิทยาลัยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์สำหรับผู้ประท้วง องค์กรนักศึกษาของยูนิสบาระบุว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคง โจมตีมหาวิทยาลัยอย่างรุนแรง โดยระบุว่าแก๊สน้ำตาทำให้เกิดปัญหาการหายใจสำหรับนักศึกษาบางคน และกล่าวหาเจ้าหน้าที่ว่าพยายามปิดปากผู้ที่เห็นต่าง นักศึกษาในมหาวิทยาลัยถือเป็นผู้บุกเบิกประชาธิปไตยของอินโดนีเซียมาอย่างยาวนาน รวมถึงการมีบทบาทนำในการประท้วงที่ช่วยโค่นล้มประธานาธิบดีซูฮาร์โต ผู้นำเผด็จการในปี พ.ศ. 2541 โดยประธานาธิบดีคนปัจจุบัน นายปราโบโว ซูเบียนโต เคยเป็นผู้นำทางทหารภายใต้การปกครองในสมัยของนายซูฮาร์โต การประท้วงเริ่มต้นในกรุงจาการ์ตาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีเป้าหมายที่การใช้จ่ายของรัฐบาล เช่น สวัสดิการที่เพิ่มขึ้นสำหรับสมาชิกรัฐสภาและการประท้วงลุกลามไปทั่วประเทศ โดยมีการจลาจลและปล้นทรัพย์เกิดขึ้นในบางพื้นที่ หลังจากรถตำรวจคันหนึ่งได้พุ่งชนและทำให้คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างเสียชีวิต […]

protesters burn infrastructure in Indonesia

เหตุประท้วงบานปลาย ทำผู้นำอินโดฯ ยกเลิกไปจีน

จาการ์ตา 31 ส.ค. – ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ของอินโดนีเซีย ยกเลิกกำหนดการเดินทางไปจีน เนื่องจากเหตุประท้วงในอินโดนีเซีย บานปลาย มีรัฐสภาท้องถิ่นถูกวางเพลิงหลายแห่ง เดิมประธานาธิบดีปราโบโวมีกำหนดการเข้าร่วมชมขบวนพาเหรดเนื่องในวันชัยชนะที่จีนในวันที่ 3 กันยายน ฉลองครบ 80 ปีของการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โฆษกประธานาธิบดีออกคลิปแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ว่า ประธานาธิบดีต้องการเฝ้าติดตามสถานการณ์ในประเทศด้วยตนเองและหาทางออกที่ดีที่สุด จึงได้ขออภัยต่อรัฐบาลจีนว่าไม่สามารถเดินทางไปตามคำเชิญได้ นอกจากนี้ประธานาธิบดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องยกเลิกกำหนดการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 80 (UNGA80) ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐ ในเดือนกันยายนด้วย การประท้วงในอินโดนีเซียเริ่มขึ้นในกรุงจาการ์ตา เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม โดยมีชนวนเหตุจากความไม่พอใจเรื่องการเสนอขึ้นค่าที่พักรายเดือนให้แก่สมาชิกรัฐสภา คิดเป็น 10 เท่าของค่าแรงขั้นต่ำในกรุงจาการ์ตา ซึ่งสูงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอยู่แล้ว จากนั้นเกิดเหตุคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างออนไลน์ถูกรถหุ้มเกราะของตำรวจชนเสียชีวิต กระตุ้นให้ผู้คนออกมาชุมนุมในเมืองหลวง และบานปลายไปอีกหลายพื้นที่ เป็นบททดสอบใหญ่ครั้งแรกของรัฐบาลปราโบโวที่ขึ้นบริหารประเทศมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เมื่อเช้าวันเสาร์ผู้ประท้วงได้วางเพลิงอาคารรัฐสภาในจังหวัดนูซาเติงการาตะวันตก จังหวัดชวากลาง และจังหวัดชวาตะวันตก ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลายผู้ชุมนุมใน 2 จังหวัดแรก ส่วนเมื่อวันศุกร์มีการวางเพลิงอาคารรัฐสภาในจังหวัดสุลาเวสีใต้ ทำให้ผู้ติดอยู่ในอาคารเสียชีวิต 3 คน และมีคนได้รับบาดเจ็บเพราะกระโดดออกมาจากอาคาร 2 คน […]

ผู้ประท้วงอินโดนีเซียเผาอาคารรัฐสภาท้องถิ่น-ดับ 3

มากัสซาร์, อินโดนีเซีย 30 ส.ค. – เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียเปิดเผยวันเสาร์ว่า มีผู้เสียชีวิต 3 รายและบาดเจ็บ 5 รายหลังจากกลุ่มผู้ประท้วงจุดไฟเผาอาคารรัฐสภาของท้องถิ่น ซึ่งการประท้วงในครั้งนี้ถือเป็นการทดสอบครั้งสำคัญครั้งแรกของรัฐบาลประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของอินโดนีเซียไม่ได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้เมื่อคืนวันศุกร์ที่เมืองมากัสซาร์ ซึ่งเป็นเมืองเอกของจังหวัดสุลาเวสีใต้ ในขณะที่ สำนักข่าวอันตารา ของทางการอินโดนีเซียรายงานว่า ผู้เสียชีวิตถูกระบุว่าติดอยู่ภายในอาคารที่กำลังลุกไหม้ และมีผู้บาดเจ็บ 2 รายจากการกระโดดลงมาจากอาคาร การประท้วงเริ่มขึ้นในกรุงจาการ์ตาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในประเด็นเรื่องค่าตอบแทนของสมาชิกสภานิติบัญญัติที่สูงลิ่ว และได้บานปลายเมื่อวันศุกร์หลังจากรถหุ้มเกราะของตำรวจชนคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างจนเสียชีวิต นายปราโบโว ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านของคนขับรถผู้เสียชีวิตเมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ เพื่อแสดงความเสียใจต่อพ่อแม่ของเขา และให้คำมั่นว่าจะดูแลการสอบสวนคดีการเสียชีวิตนี้ด้วยตนเอง สื่อท้องถิ่นรายงานว่ามีการปล้นร้านค้าประปรายในกรุงจาการ์ตา และเกิดความเสียหายกับสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมหลายแห่งเมื่อวันศุกร์ รวมถึงมีการเดินขบวนประท้วงในเมืองใหญ่อย่างบันดุงและยอกยาการ์ตา การรถไฟขนส่งมวลชนในกรุงจาการ์ตาระบุว่า ในวันนี้รถไฟจะไม่จอดที่สถานีแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่มีการประท้วงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่บริการรถประจำทางทรานส์จาการ์ตาแจ้งว่าไม่สามารถให้บริการลูกค้าได้ สำหรับในวันนี้ยังไม่มีสัญญาณของการประท้วงเพิ่มเติมแต่อย่างใด.-813.-สำนักข่าวไทย

ผู้ประท้วงชาวอินโดนีเซียก่อความไม่สงบในเมืองบันดุง

บันดุง 30 ส.ค. – ชาวอินโดนีเซียหลายร้อยคนรวมตัวกันประท้วงที่เมืองบันดุง ของอินโดนีเซีย เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากที่คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างรายหนึ่งเสียชีวิตจากการถูกรถตำรวจชนในกรุงจาการ์ตา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตถูกรถชนในจุดที่มีการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วง เมื่อวันพฤหัสบดี ที่บริเวณใกล้กับอาคารรัฐสภา ขณะที่ตำรวจพยายามสลายการชุมนุมของผู้ประท้วง การเสียชีวิตดังกล่าวทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้ปฏิืรูปหน่วยงานตำรวจของประเทศ เหตุการณ์ประท้วงนี้ยังถือเป็นการทดสอบครั้งใหญ่ของรัฐบาลประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ที่เพิ่งขึ้น ดำรงตำแหน่งได้ไม่ถึงปี โดยการประท้วงเริ่มขึ้นจากความไม่พอใจในประเด็นต่างๆ เช่น ค่าตอบแทนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สูงมากและเงินทุนด้านการศึกษา ซึ่งนำไปสู่การปะทะกันอย่างรุนแรงใกล้กับอาคารรัฐสภา คลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ประท้วง แสดงให้เห็นอาคารหลายแห่งถูกไฟไหม้ และผู้ประท้วงบางคนปาวัตถุที่ติดไฟใส่ ท่ามกลางกลุ่มคนจำนวนมากที่ยังคงชุมนุมกันจนถึงช่วงค่ำของวันศุกร์ เหตุความไม่สงบนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย ค่าเงินรูเปียห์อ่อนค่าลงร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และดัชนีตลาดหุ้นก็ลดลงร้อยละ 1.5 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของนักลงทุน.-813.-สำนักข่าวไทย

นักศึกษาอินโดนีเซียลั่นเดินหน้าประท้วง

จาการ์ตา 29 ส.ค. – กลุ่มนักศึกษาชาวอินโดนีเซียระบุว่าจะจัดการประท้วงที่สำนักงานตำรวจกรุงจาการ์ตาในวันศุกร์ หลังจากมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รายหนึ่งเสียชีวิตจากการถูกรถตำรวจชนระหว่างเหตุปะทะรุนแรงที่เกิดขึ้นหลังการชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภาเมื่อวันก่อน นายมูซามมิล อิห์ซาน หัวหน้าสหภาพนักศึกษาที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า นักศึกษาจะทำการประท้วงต่อต้านความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงบ่ายวันศุกร์ และคาดว่าจะมีกลุ่มนักศึกษาอื่น ๆ เข้าร่วมด้วย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมดำเนินการประท้วงในหลายประเด็น เช่น เงินเดือนของ สมาชิกรัฐสภาที่สูงเกินไป งบประมาณด้านการศึกษา และโครงการอาหารกลางวันของรัฐบาล เมื่อการประท้วงยืดเยื้อไปถึงกลางคืน สื่อท้องถิ่นรายงานว่าตำรวจปราบจลาจลได้ยิงแก๊สน้ำตาและใช้รถฉีดน้ำเพื่อพยายามสลายผู้ชุมนุม พล.ต.ท. อเซป เอดิ ซูเฮรี ผู้บัญชาการตำรวจกรุงจาการ์ตา กล่าวว่า ระหว่างการปะทะกัน มีรถหุ้มเกราะของตำรวจชนและทำให้คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างเสียชีวิต ซึ่งทางสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ระบุว่าผู้เสียชีวิตไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประท้วงดังกล่าว ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจก็ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนนายอับดุล การิม หัวหน้าแผนกวิชาชีพและรักษาความปลอดภัยของตำรวจอินโดนีเซีย กล่าวในงานแถลงข่าวว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 7 คนที่ประจำการอยู่ในรถหุ้มเกราะดังกล่าวถูกจับกุมและอยู่ระหว่างการสอบสวน หลังจากการเสียชีวิตดังกล่าว สื่อท้องถิ่นรายงานว่า กลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้รวมตัวประท้วงหน้ากองบัญชาการตำรวจปราบจลาจล เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และสถานีโทรทัศน์ “กอมปาส” (Kompas TV) รายงานว่าในวันศุกร์ ทหารถูกส่งไปยังอาคารดังกล่าวเพื่อช่วยควบคุมสถานการณ์ผู้ประท้วงหลายสิบคนที่ยังคงปักหลักอยู่ ในขณะเดียวกันกลุ่ม “จาการ์ตา ลีกัล เอด” (Jakarta […]

ผู้ประท้วงอินโดนีเซียปะทะตำรวจ

จาการ์ตา 29 ส.ค. – กลุ่มชาวอินโดนีเซียที่ไม่พอใจที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. มีเงินเดือนและสวัสดิการที่สูงลิ่วชุมนุมประท้วงเมื่อวานนี้ในกรุงจาการ์ตาและปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นว่าตำรวจใช้แก๊สน้ำตายิงใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่ใช้พลุไฟตอบโต้ และมีรถตำรวจบางคันถูกเผาทำลายด้วย ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ เจ้าหน้าที่ก็ใช้แก๊สน้ำตาและรถฉีดน้ำแรงดันสูงในการสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงหลายร้อยคนที่พยายามบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาของอินโดนีเซีย เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อค่าตอบแทนและสวัสดิการของสมาชิกรัฐสภาที่สูงเกินไป สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ในเดือนนี้ บรรดดา ส.ส. ได้รับเงินเดือนและค่าตอบแทนอื่น ๆ รวมกันสูงถึง 100 ล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 229,000 บาทต่อเดือน ซึ่งรวมถึงค่าที่พักอาศัยด้วย ซึ่งรายได้เหล่านี้สูงกว่ารายได้เฉลี่ยของประชากรในประเทศที่อยู่ที่ 3.1 ล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 7,100 บาท นอกจากนี้ ผู้ประท้วงยังไม่พอใจในเรื่อง “ชนชั้นนำที่ทุจริต” ในรัฐบาล และนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่และกองทัพ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการอ้างถึงบทบาทของกองทัพที่เพิ่มขึ้นในกิจการพลเรือนภายใต้การนำของประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ที่อดีตนายพลในกองทัพอีกด้วย.-813.-สำนักข่าวไทย

พนักงานแอร์แคนาดายุติผละงานประท้วง

มอนทรีออล/โตรอนโต 20 ส.ค. – สายการบินแอร์แคนาดาและสหภาพแรงงานพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินบรรลุข้อตกลงร่วมกันในวันอังคาร ซึ่งเป็นการยุติการประท้วงของลูกเรือครั้งแรกที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี และส่งผลกระทบต่อแผนการเดินทางของผู้โดยสารหลายแสนคน การประท้วงที่กินเวลานานเกือบสี่วันนี้ ทำให้สายการบินซึ่งให้บริการผู้โดยสารประมาณวันละ 130,000 คน ต้องประกาศยกเลิกแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสที่สามและตลอดทั้งปี สายการบินแถลงว่าจะทยอยกลับมาให้บริการอีกครั้งตั้งแต่วันอังคาร และอาจต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์หรือมากกว่านั้นเพื่อฟื้นฟูระบบให้กลับมาเป็นปกติ ส่วนทางสหภาพกล่าวว่าได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยกับสายการบินหลักและสายการบินราคาประหยัดในเครือคือ “แอร์แคนาดา รูจ” เสร็จสิ้นแล้ว สหภาพแรงงานพนักงานของรัฐแห่งแคนาดา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า การประท้วงสิ้นสุดลงแล้ว ขณะนี้มีข้อตกลงเบื้องต้นที่จะนำเสนอต่อสมาชิกสหภาพแรงงานต่อไป แอร์แคนาดาระบุว่าจะยังคงมีการยกเลิกเที่ยวบินบางส่วนในช่วง 7 ถึง 10 วันข้างหน้า จนกว่าตารางบินจะเข้าที่ และลูกค้าที่ถูกยกเลิกเที่ยวบินสามารถเลือกที่จะขอคืนเงิน เก็บเครดิตการเดินทางไว้ใช้ในภายหลัง หรือจองตั๋วใหม่กับสายการบินอื่นได้ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินได้หยุดงานประท้วงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากที่การเจรจาเรื่องสัญญาไม่เป็นผล แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของการเจรจาในทันที แต่สหภาพกล่าวว่าการทำงานที่ไม่ได้ค่าตอบแทนได้สิ้นสุดลงแล้ว ก่อนหน้านี้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของแอร์แคนาดาเรียกร้องให้สัญญาจ้างใหม่มีการจ่ายค่าตอบแทนสำหรับงานที่ทำบนภาคพื้นดิน เช่น การต้อนรับผู้โดยสารขึ้นเครื่อง.-813.-สำนักข่าวไทย

พนักงานแอร์แคนาดาผละงานประท้วง

มอนทรีออล 16 ส.ค. – พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานของสายการบินแอร์แคนาดา ผละงานในช่วงเช้าตรู่วันเสาร์ หลังจากการเจรจาสัญญากับสายการบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศต้องหยุดชะงักลง อาจส่งผลกระทบต่อแผนการเดินทางของผู้โดยสารมากกว่า 100,000 คน สหภาพแรงงานซึ่งเป็นตัวแทนพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของแอร์แคนาดามากกว่า 10,000 คน ได้ยืนยันการดำเนินการดังกล่าวในโพสต์โซเชียลมีเดียเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก หรือตรงกับเวลาเที่ยงตรงตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งเป็นการนัดหยุดงานครั้งแรกของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน นับตั้งแต่ปี 1985 เป็นต้นมา ในปัจจุบันพนักงานต้อนรับจะได้รับค่าจ้างเมื่อเครื่องบินเดินทางเคลื่อนที่เท่านั้น สหภาพแรงงานจึงเรียกร้องให้มีการจ่ายค่าตอบแทนสำหรับเวลาที่อยู่บนพื้นระหว่างเที่ยวบินและเวลาที่ช่วยเหลือผู้โดยสารขึ้นเครื่องด้วย สายการบินแอร์แคนาดา ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในเมืองมอนทรีออล คาดว่าจะตอบโต้โดยการสั่งปิดงาน (lockout) พนักงานในทันที และได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบิน 500 เที่ยว ภายในวันศุกร์ที่อยู่ระหว่างช่วงฤดูท่องเที่ยวในฤดูร้อน โดยคาดว่าจะมีผู้ได้รับผลกระทบประมาณ 100,000 คน ในวันศุกร์เพียงวันเดียว ในวันเสาร์ คาดว่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะรวมตัวกันประท้วงที่สนามบินหลักต่างๆ ของแคนาดา โดยปกติแล้วแอร์แคนาดา และสายการบินต้นทุนต่ำในเครือ อย่างแอร์แคนาดา รูจ จะให้บริการผู้โดยสารประมาณ 130,000 คนต่อวัน นอกจากนี้แอร์แคนาดายังเป็นสายการบินต่างชาติที่มีจำนวนเที่ยวบินไปยังสหรัฐมากที่สุดอีกด้วย แม้ว่าความขัดแย้งครั้งนี้จะได้รับการสนับสนุนจากผู้โดยสารบนโซเชียลมีเดียที่เห็นใจพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน แต่ภาคธุรกิจของแคนาดาที่กำลังประสบปัญหาจากข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดให้มีการอนุญาโตตุลาการที่มีผลผูกพัน (binding arbitration) สำหรับทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะทำให้การนัดหยุดงานสิ้นสุดลง […]

ชาวกรุงวอชิงตันไม่พอใจมาตรการ ‘ทรัมป์’

วอชิงตัน 14 ส.ค. – ประชาชนในกรุงวอชิงตันของสหรัฐออกมาประท้วงที่ด่านตรวจของตำรวจและมีการรวมกลุ่มตามสองข้างถนนเนื่องจากไม่พอใจมาตรการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการปราบปรามอาชญากรรมและคนไร้บ้าน ด้วยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงวอชิงตัน นายทรัมป์สั่งยึดอำนาจตำรวจเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมาและส่งทหารจากกองกำลังพิทักษ์มาตูภูมิ 800 นายเข้ามาปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่เคยใช้ในนครลอสแองเจลีสเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายทรัมป์ให้เหตุผลว่าเวลานี้กรุงวอชิงตันกำลังเผชิญปัญหาอาชญากรรมอย่างรุนแรงและมีปัญหาเรื่องคนไร้บ้านอย่างกว้างขวาง ทั้งๆ ที่ในช่วงนี้สถิติในการก่ออาชญากรรมลดลงอย่างมากหลังจากที่เคยพุ่งสูงสุดเมื่อปี 2566.-816.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลแถลงยันกัมพูชาละเมิดข้อตกลง ยื่นประท้วง ปธ.อาเซียน-สหรัฐ-จีน

ทำเนียบ 29 ก.ค.-รัฐบาลแถลงยืนยันไทยมีความจริงใจ-หยุดยิงตามข้อตกลง แต่กัมพูชากลับยิงใส่ทหารไทยหลายพื้นที่ จึงได้ประท้วงไปที่ ปธ.อาเซียน-สหรัฐ-จีน ขอประชาชนอย่าเพิ่งกลับบ้าน ให้รอผลยืนยันจากรัฐ พร้อมสดุดีวีรกรรมทหารกล้า ปกป้องอธิปไตยประเทศ-คุ้มครองประชาชน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี อ่านแถลงการณ์ความคืบหน้าการดำเนินการของรัฐบาลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า รัฐบาลไทยมีความจริงใจ และใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะยุติสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาโดยเร็วที่สุด การเจรจาจนมีข้อตกลงหยุดยิงของทั้ง 2 ฝ่าย โดยยึดถือผลประโยชน์ของประชาชน และยึดถืออำนาจอธิปไตยของประเทศเป็นสำคัญ รวมทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และทหารของชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความหวังร่วมกันของประชาคมโลกที่จะคืนสันติภาพแก่ประชาชาชนทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทยเคารพต่อผลการหารือที่เมืองปูตราจายา ประเทศมาเลเซีย และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อหยุดยิงตามที่ได้แถลงร่วมกัน แต่ปรากฎข้อเท็จจริงว่า กองกำลังกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยมีการใช้อาวุธยิงต่อกำลังฝ่ายไทยในหลายพื้นที่ ทำให้ทหารฝ่ายไทยต้องตอบโต้อย่างเด็ดขาด และเหมาะสม เพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้ประท้วงไปยังประธานอาเซียน สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นสักขีพยานในการเจรจา เพื่อให้ได้รับทราบว่า การละเมิดข้อตกลงนี้เป็นเหตุจากการไม่ซื่อตรง และไม่จริงใจของกัมพูชาอย่างชัดเจน สถานการณ์ในขณะนี้ รัฐบาลมอบหมายให้ทุกเหล่าทัพตรึงกำลัง เพื่อรักษาอธิปไตย และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ไม่ยินยอมให้อธิปไตยไทยถูกล่วงล้ำไม่ว่ากรณีใดๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงสายวันนี้ ได้มีการพูดคุยกันระหว่างแม่ทัพภาคของทั้ง 2 ประเทศ […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ใส่หน้ากากประท้วง ผิดกฎหมายในสหรัฐฯ จริงหรือ?

01 กรกฎาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลน่าสงสัย : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับเหตุประท้วงสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ หรือ ICE ในลอสแอนเจลิสเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศทางสื่อ Truth Social เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2025 ว่าเตรียมออกกฎหมาย ให้การสวมหน้ากากประท้วงรัฐบาลเป็นสิ่งผิดกฎหมาย บทสรุป : 1.ประธานาธิบดีไม่มีอำนาจออกกฎหมายห้ามผู้ชุมนุมใส่หน้ากาก2.หน้ากากถูกมองว่าเป็นเครื่องมือส่งเสริมการแสดงออกตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : กฎหมายห้ามสวมหน้ากากในสหรัฐฯ สหรัฐฯ เคยใช้กฎหมายห้ามสวมหน้ากากตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยปี 1845 รัฐนิวยอร์กได้ผ่านกฎหมายห้ามสวมหน้ากาก เพื่อรับมือเหตุกลุ่มชาวนาประท้วงการเรียกเก็บค่าเช่าย้อนหลัง ด้วยการปลอมตัวเป็นชาวอเมริกันพื้นเมืองและทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในทศวรรษที่ 1950s หลายรัฐได้ออกกฎหมายห้ามสวมหน้ากาก เพื่อรับมือกับกลุ่มก่อการร้าย Ku Klux Klan ที่พรางตัวในชุดคลุมสีขาวระหว่างก่ออาชญากรรมทางเชื้อชาติ แม้หลายรัฐมีความพยายามนำกฎหมายห้ามสวมหน้ากากกลับมาบังคับใช้ แต่ก็มีการโต้แย้งว่าการห้ามสวมหน้ากากคือการขัดขวางการแสดงออกโดยไม่เปิดเผยตัวตน […]

สหรัฐจัดพิธีสวนสนามทางทหาร

วอชิงตัน 15 มิ.ย. – ขบวนสวนสนามทางทหารที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐต้องการมานานได้เคลื่อนผ่านใจกลางกรุงวอชิงตันในวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น แต่การสวนสนามเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 250 ปีของการก่อตั้งกองทัพบกสหรัฐ ขบวนสวนสนาม จัดในวันศุกร์ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดปีที่ 79 ของนายทรัมป์ ได้เริ่มต้นขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากมีการพยากรณ์ว่าจะมีพายุฝนฟ้าคะนองในพื้นที่วอชิงตัน รถถัง รถลำเลียงพลหุ้มเกราะ และปืนใหญ่ได้เคลื่อนที่ไปตามเส้นทางสวนสนามตลอดถนนคอนสติติวชัน ซึ่งเป็นภาพที่ไม่คุ้นตาในสหรัฐอเมริกา ที่การแสดงแสนยานุภาพทางทหารเช่นนี้หาชมได้ยาก นายทรัมป์กล่าวว่า ทุกประเทศต่างก็มีการฉลอชัยชนะกันทั้งนั้น และขณะนี้ถึงเวลาที่สหรัฐจะได้จัดกิจกรรมลักษณะนี้บ้าง ผู้เข้าชมนับพันคนยืนเรียงรายอยู่ตามเส้นทางเดินสวนสนาม นายทรัมป์เฝ้าชมพิธีการจากอัฒจันทร์ยกระดับซึ่งมีกระจกกันกระสุนกั้นอยู่ ในขณะเดียวกัน ฝ่ายต่อต้านประธานาธิบดีบางส่วนสามารถหาจุดยืนตามเส้นทางสวนสนามได้ โดยได้ชูป้ายประท้วง ส่วนผู้ชุมนุมประท้วงคนอื่น ๆ ถูกตำรวจท้องถิ่นแยกออกห่างจากฝูงชนที่มาชมการสวนสนาม กองทัพบกสหรัฐนำกำลังพลเกือบ 7,000 นาย เข้ามายังกรุงวอชิงตัน พร้อมด้วยยานพาหนะ 150 คัน ซึ่งรวมถึงรถถังเอ็ม1 เอบรามส์ (M1 Abrams) กว่า 25 คัน, รถหุ้มเกราะสไตรเกอร์ (Stryker) 28 คัน, ยานยิงปืนใหญ่อัตตาจร “พาลาดิน” (Paladin) 4 คัน, […]

1 2 3 124
...