ดิลี 18 ก.ย. – รัฐบาลติมอร์-เลสเต ยกเลิกแผนการแจกรถยนต์ฟรีและให้เงินบำนาญตลอดชีพแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังม็อบนักศึกษาออกมาประท้วงต่อต้านอย่างรุนแรง หวั่นซ้ำรอยเนปาล
ผู้ประท้วงจำนวนหลายพันคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักศึกษา ออกมาเดินขบวนในกรุงดิลี ของติมอร์-เลสเตตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อประท้วงที่รัฐบาลมีแผนที่จะซื้อรถยนต์คันใหม่ เป็นรุ่นโตโยต้า พราโด เอสยูวี แจกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สส. ทั้ง 64 คนในสภา ผู้ประท้วงคนก่อเหตุจุดไฟเผายางรถยนต์ และเผารถยนต์ของรัฐบาล ขณะที่ตำรวจตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา จนในที่สุดหลายชั่วโมงหลังจากนั้น รัฐบาลก็ยอมยกเลิกแผนแจกรถตามที่ผู้ประท้วงต้องการ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ ยังมีผู้ชุมนุมประมาณ 2,500 คน ออกมารวมตัวประท้วงในเมืองหลวงต่อ เนื่องจากพวกเขาต้องการให้รัฐบาลยกเลิกการจ่ายเงินบำนาญตลอดชีวิตให้แก่สมาชิกสภาที่เกษียณอายุด้วย ต่อมา สมาชิกรัฐสภาจากพรรคการเมืองต่างๆ ยอมให้ตัวแทนนักศึกษาในกลุ่มผู้ประท้วงเข้าหารือ ก่อนลงนามในข้อตกลงว่ารัฐบาลจะยอมยกเลิกแผนการดังกล่าวด้วยเช่นกัน ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงพอใจยอมสลายตัวไปในช่วงเย็น
สมาชิกสภานิติบัญญัติในติมอร์-เลสเต ได้เงินเดือนประมาณปีละ 36,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1 ล้าน 1 แสน 4 หมื่นบาท ตามข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยเมื่อปี 2566 มากกว่ารายได้เฉลี่ยของชาวติมอร์-เลสเตในประเทศเกิน 10 เท่า โดยรายงานของรัฐบาลในปี 2564 ระบุว่า ชาวติมอร์-เลสเต มีเงินได้เฉลี่ยปีละ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 95,000 บาท และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาล ผลักดันนโยบายซื้อรถฟรีให้สมาชิกสภา เพราะเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงแผนการใช้เงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อรถใหม่ให้ สส. ในปี 2551 ซึ่งมีนักศึกษาที่ออกมาประท้วงถูกจับกุมตัวหลายคน
เหตุการณ์ล่าสุดนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีการประท้วงใหญ่อย่างแท้จริง แกนนำผู้ประท้วงบอกกับสื่อว่า สาเหตุที่การประท้วงปะทุขึ้นในสัปดาห์นี้ เป็นเพราะประชาชนเบื่อหน่ายกับเรื่องเหล่านี้แล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประชาชนไม่มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่ดี ไม่มีน้ำและสุขอนามัยที่ดี ขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวก แต่บรรดานักการเมืองและ สส.ในสภา ยังคงออกกฎหมายมากมายเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม
เหตุความไม่สงบล่าสุดนี้เกิดขึ้นในขณะที่หลายประเทศในเอเชีย ตั้งแต่เนปาลไปจนถึงอินโดนีเซีย กำลังเผชิญกับการประท้วงของคนหนุ่มสาวที่ไม่พอใจและพุ่งเป้าไปที่การกระทำที่เกินขอบเขตของนักการเมือง ขณะที่ติมอร์-เลสเต ถือเป็นหนึ่งในประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีประชากรอายุน้อยจำนวนมากในประเทศ คือมากกว่าร้อยละ 70 ของประชากรมีอายุไม่ถึง 35 ปี จนถูกมองว่าเป็นความหวังในการผลักดันเรียกร้องสิ่งที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นใหม่.-815.-สำนักข่าวไทย