กาฐมาณฑุ 10 ก.ย. – นายโวลเคอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้ออกแถลงการณ์ในวันอังคารประณามเหตุความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ที่เกิดขึ้นในเนปาล และเรียกร้องให้มีการสอบสวนการเสียชีวิตของผู้ประท้วงระหว่างการเดินขบวนต่อต้านการทุจริตที่นำโดยกลุ่มคนหนุ่มสาว
การประท้วงครั้งนี้ส่งผลให้นายเคพี ชาร์มา โอลิ นายกรัฐมนตรีเนปาล ต้องลาออกจากตำแหน่งหลังจากที่ผู้ประท้วงได้ฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิวและปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันก่อนหน้ามีผู้เสียชีวิตจากการประท้วงถึง 19 คน
ชนวนเหตุสำคัญของการประท้วงมาจากการที่รัฐบาลของนายโอลิสั่งห้ามใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งแม้จะมีการยกเลิกคำสั่งในภายหลัง แต่ความรุนแรงก็ยังคงดำเนินต่อไป โดยมีผู้บาดเจ็บกว่า 100 คน และผู้เสียชีวิตรวม 19 คน หลังจากเจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางสลายการชุมนุม
เหตุการณ์ความไม่สงบครั้งนี้ถือเป็นความวุ่นวายครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีของเนปาล ที่เป็นประเทศที่ยากจนในเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเผชิญกับความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ยกเลิกระบอบกษัตริย์ในปี 2008
กลุ่มคนหนุ่มสาวชาวเนปาลจำนวนมากต่างไม่พอใจกับปัญหาการว่างงาน และหลายล้านคนต้องเดินทางไปทำงานในต่างประเทศเพื่อหาเลี้ยงชีพและส่งเงินกลับบ้านเกิด.-813.-สำนักข่าวไทย