กาฐมาณฑุ 10 ก.ย. – การประท้วงกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ หรือ เจนซี (Gen Z) ในเนปาลลามไม่หยุด แม้นายกรัฐมนตรีจะยอมลาออกจากตำแหน่งและรัฐบาลยกเลิกการปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์
โดยเมื่อวานนี้ การประท้วงใหญ่เกิดขึ้นทั้งในกรุงกาฐมาณฑุและอีกหลายเมืองทั่วประเทศ แม้จะมีคำสั่งเคอร์ฟิวตลอด 24 ชั่วโมงของรัฐบาลแต่ผู้ประท้วงไม่สนใจ ออกมารวมตัวชุมนุมประท้วงและก่อจลาจลอย่างบ้าคลั่ง มีการจุดไฟเผาอาคารรัฐสภา อาคารที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง ที่ทำการของพรรคร่วมรัฐบาล บ้านพักของ เค.พี.ชาร์มา โอลี นายกรัฐมนตรีที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ รวมถึงบ้านพักของรัฐมนตรีในรัฐบาลอีกหลายคน ที่ต้องพากันหนีเอาตัวรอดจากม็อบที่โกรธแค้นไปหลบภายใต้การดูแลความปลอดภัยของทหาร ผู้ประท้วงได้บุกเข้าสู่พื้นที่รัฐสภาหลังจากได้ทราบข่าวการลาออกของนายกรัฐมนตรี ชูมือโห่ร้อง และทำล้ายทรัพย์สินภายในอาคารรัฐสภาก่อนจุดไฟเผา ขณะเดียวกัน มีรายงานว่านักโทษกว่า 900 คนได้หลบหนีออกจากเรือนจำ 2 แห่งทางตะวันตกของกรุงกาฐมาณฑุด้วย สถานการณ์ทั่วเมืองหลวงปั่นป่วนหนัก ท่าอากาศยานระหว่างประเทศถูกสั่งปิดเพื่อความปลอดภัย มีรายงานผู้เสียชีวิตเมื่อวานนี้เพิ่มอีก 3 ราย
เค.พี. ชาร์มา โอลี นายกรัฐมนตรีเนปาล ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ หลังจากเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงเมื่อวันจันทร์ที่มีผู้เสียชีวิต 19 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 300 คน โดยมีสาเหตุมาจากการความไม่พอใจของกลุ่มคนรุ่นใหม่ต่อรัฐบาลที่สั่งห้ามการเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ แม้ว่ารัฐบาลจะยกเลิกคำสั่งดังกล่าวในเวลาต่อมา แต่การประท้วงยังคงเกิดขึ้นต่อไปและลุกลามบานปลายต่อเนื่อง กลุ่มผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งวัยรุ่น เยาวชน พวกเขาเรียกการเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าการประท้วงของกลุ่มคนเจนซี (Gen Z) ที่ไม่พอใจปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นที่หมักหมมยาวนานในรัฐบาล และไม่พอใจบรรดา เนโป คิด (nepo kid) หรือลูกคุณหนูผู้มีอำนาจ ที่ใช้ชีวิตหรูหราสะดวกสบายขณะที่ผู้คนในประเทศส่วนใหญ่ยังยากลำบาก
นักวิเคราะห์มองว่า สถานการณ์ในเนปาลตอนนี้เข้าขั้นอันตราย เพราะกำลังเกิดสุญญากาศทางการเมืองเนื่องจากนายกรัฐมนตรีเพิ่งลาออกและดูเหมือนไม่มีผู้นำรัฐบาล อีกทั้งยังไม่แน่ชัดว่ากลุ่มผู้ประท้วงจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปเนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีข้อเรียกร้องชัดเจน อย่างไรก็ดี ผู้บัญชาการกองทัพเนปาลได้ออกมาประณามกลุ่มผู้ประท้วงที่สบช่องอาศัยวิกฤตในประเทศเผาทำลายอาคารซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางการ และเรียกร้องให้ยุติการประท้วงและก่อความรุนแรงตั้งแต่ 22.00 น.ของคืนที่ผ่านมา ไม่เช่นนั้นกองทัพจะเข้าควบคุมสถานการณ์และดูแลความสงบเรียบร้อยต่อไป
ความวุ่นวายครั้งนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีของเนปาล ประเทศในเทือกเขาหิมาลัยที่ยากจนแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างอินเดียกับจีน และเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเมืองและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่มีการประท้วงนำไปสู่การยกเลิกระบอบกษัตริย์ในปี 2551เยาวชนชาวเนปาลมีความรู้สึกผิดหวังต่อการขาดแคลนงานทำมายาวนานและไม่ได้รับโอกาสที่ดีทางเศรษฐกิจ ทำให้หลายล้านคนต้องเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ ทั้งตะวันออกกลาง เกาหลีใต้ และมาเลเซีย ส่วนใหญ่ทำงานในไซต์ก่อสร้าง และส่งเงินกลับประเทศ.-815.-สำนักข่าวไทย